Posted: 16 Jan 2018 10:12 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

เลขาฯ สนง.ศาลยุติธรรมแถลงผลงานศาลยุติธรรมทั่วประเทศและ สนง.ศาลยุติธรรม เผยปี 60 พิจารณาแล้วเสร็จกว่า 1.5 ล้านคดี ปี 61 มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ชี้คดี 'ทนายอานนท์' ดูหมิ่นศาล หน่วยความมั่นคงมีอำนาจกล่าวโทษ หากเป็นอาญาเเผ่นดิน
16 ม.ค. 2561 รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมใหญ่สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ชั้น 12 สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม แถลงผลการดำเนินงานของศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมในภาพรวม ประจำปี พ.ศ. 2560 ระหว่างเดือนมกราคม – ธันวาคม 2560 โดยศาลชั้นต้นมีคดีที่รับพิจารณา จำนวน 1,748,782 คดี พิจารณาแล้วเสร็จ 1,502,960 คดี คิดเป็น ร้อยละ 85 ขณะที่คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ รับพิจารณาจำนวน 56,634 คดี พิจารณาเสร็จสิ้น 49,617 คดี คิดเป็นร้อยละ 87 ส่วนคดีชั้นศาลฎีกา รับพิจารณาคดี 17,202 คดี พิจารณาแล้วเสร็จ 10,027 คดี คิดเป็นร้อยละ 58 รวมทั้ง 3 ชั้นศาลแล้ว มีคดีที่ศาลรับพิจารณาไว้ทั้งสิ้น 1,822,618 คดี พิจารณาแล้วเสร็จ 1,561,738 คดี คิดเป็นร้อยละ 82.46

สำหรับการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทระหว่างเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2560 พบว่า มีคดีแพ่งที่เข้าสู่การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลยุติธรรมทั่วประเทศ จำนวน 817,467 คดี เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ย 296,405 คดี คิดเป็นร้อยละ 36.26 ของจำนวนคดีแพ่งที่เข้าสู่การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล คิดเป็นทุนทรัพย์ที่ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 479,142,349,822.76 บาท มีคดีอาญา เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยจำนวน 9,929 คดี ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 6,018 คดี คิดเป็นร้อยละ 60.61 ส่วนการดำเนินการระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการ ระหว่างเดือนมกราคม – ธันวาคม2560 สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 148 เรื่อง คิดเป็นทุนทรัพย์ 54,149,615,216.72 บาท

นอกจากนี้ แถลงผลการดำเนินงานยังระบุด้วยว่า เพื่อให้การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมรวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง ศาลยุติธรรมได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคดี อาทิ

- บริการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาและคำสั่งระหว่างศาล เพื่อให้คู่ความและผู้มีส่วนได้เสียในคดีความ สามารถยื่นคำขอคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาและคำสั่งของศาลหนึ่งศาลใดได้ที่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ โดยมีสถิติการใช้งานระบบ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 จนถึงเดือนธันวาคม 2560 มีจำนวน การบันทึกคำพิพากษาเข้าสู่ระบบ จำนวน 1,107,749 เรื่อง และมีจำนวนการให้บริการคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษา จำนวน 2,308 ครั้ง

- โครงการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม เพื่อสร้างระบบฐานข้อมูลคดีกลางศาลยุติธรรมในการรวบรวมข้อมูลและเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลคดีระหว่างศาลยุติธรรม ทั่วประเทศ และสามารถบริการข้อมูลให้แก่หน่วยงานภายใต้กระบวนการยุติธรรม หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

- โครงการพัฒนาระบบการยื่นและส่งคำคู่ความและเอกสารโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) เพื่อให้คู่ความสามารถยื่นและส่งคาคู่ความและเอกสารโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) โดยไม่ต้องเดินทางมาศาล เป็นการเพิ่มช่องทางในการให้บริการประชาชนได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งมีการทดลองใช้ใน 12 ศาล และพบว่า สถิติการใช้งานระบบการยื่นและส่งคำคู่ความและเอกสาร โดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2560 - 29 พฤศจิกายน 2560 มีทนายลงทะเบียน Online จำนวน 686 คน ยื่นฟ้องผ่านระบบ จำนวน 257 คดี (ศาลแพ่งมีการยื่นฟ้องมากที่สุด 140 คดี) และมีการชำระเงินผ่านระบบ e-Payment เป็นยอดเงินรวม 3,043,988.71 บาท

ด้านการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพผู้เสียหาย คู่ความ และประชาชน แถลงผลการดำเนินงานยังระบุว่า ตามที่กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในความรับผิดชอบของศาลยุติธรรมมีอยู่ด้วยกันหลายประการ เช่น การออกหมายจับ หมายค้น การปล่อยชั่วคราว การแต่งตั้งทนายความและที่ปรึกษาให้แก่จำเลยในคดีอาญา เป็นต้น โดยมีสถิติการปล่อยชั่วคราวในคดีอาญา ระหว่างเดือนมกราคม –พฤศจิกายน 2560 มีคำร้องทั้งสิ้น 208,272 เรื่อง ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 195,326 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 93.73 การนำโครงการประเมินความเสี่ยงและการกำกับดูแลในชั้นปล่อยชั่วคราวมาใช้ และการจัดตั้งศาลเพื่อให้คู่ความ ประชาชน และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าถึงการให้บริการทางการศาลด้วยความรวดเร็ว เสมอภาค และเท่าเทียมกัน ได้แก่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 – ภาค 9 ศาลจังหวัดเชียงคำ ศาลจังหวัดมหาสารคาม สาขาพยัคฆภูมิพิสัย ศาลจังหวัดเชียงราย สาขาเวียงป่าเป้า ศาลจังหวัดพิษณุโลก สาขานครไทย รวมถึงส่วน/กลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในสำนักงานประจำศาลจังหวัดสุโขทัยด้วย

นอกจากนี้ ในปี 2561 สำนักงานศาลยุติธรรมยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ด้วยการจัดอบรมในหัวข้อและหลักสูตรที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศอย่างเข้มข้น เพื่อให้การแปลและบังคับใช้กฎหมาย สอดคล้องต่อบริบทของสังคมไทยและหลักกฎหมายที่เป็นที่ยอมรับของสากล ตามนโยบายของ ชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา
ชี้คดี 'ทนายอานนท์' ดูหมิ่นศาล หน่วยความมั่นคงมีอำนาจกล่าวโทษ หากเป็นอาญาเเผ่นดิน
มติชนออนไลน์ รายงานเพิ่มเติม กรณี อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน โดนตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.)แจ้งข้อหาดูหมิ่นศาลและพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟสบุ๊ควิพากษ์วิจารณ์การพิจารณาพิพากษาคดีของ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น นั้น โดย เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ตอบข้อซักถามกรณีใครเป็นผู้เสียหาย และหน่วยงานความมั่นคงมีอำนาจแจ้งความหรือไม่ ว่า ความผิดฐานดูหมิ่นศาล ศาลจะต้องเป็นผู้เสียหาย แต่ในความผิดอาญาแผ่นดินจะมีได้ 2 กรณี คือการร้องทุกข์คือผู้เสียหายและการกล่าวโทษ โดยการกล่าวโทษอาจเป็นผู้ประสบเหตุ แม้จะไม่ใช่ผู้เสียหายแต่ก็สามารถกล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนได้ ฉะนั้นในระบบคดีอาญา การกล่าวโทษกับการร้องทุกข์จะเป็นลักษณะนี้

10 เรื่องควรรู้ว่าด้วยข้อหา “ดูหมิ่นศาล”
'อานนท์ นำภา' รับทราบข้อหาหมิ่นศาล ปมโพสต์วิจารณ์ศาล เพื่อนทนายหลายสิบร่วมให้กำลังใจ

สราวุธ กล่าวต่อว่า ในระบบศาลนั้น ศาลย่อมไม่ต้องการเข้ามาเป็นคู่ความในคดี จะเห็นได้ว่าศาลมีความอดทนอดกลั้น บางเรื่องการดำเนินการเรื่องการดูหมิ่นศาล หรือดูหมิ่นผู้พิพากษามีความจำเป็นที่ต้องดำเนินคดี เพราะหากคนที่มีพฤติการณ์แบบนี้กระทำการอยู่เรื่อยๆ จะกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชน ถ้าหากไม่ดำเนินการใดๆเลย คนจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริง เช่น การเอาเรื่องไม่จริงไปกล่าวหาผู้พิพากษารับสินบน อย่าว่าแต่ผู้พิพากษาเลย ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาก็รู้สึกได้รับความเสียหาย เหมือนนักข่าวที่เวลาเขียนข่าวก็โดนกล่าวหาว่าเขียนข่าวเชียร์รับเงินไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ความยุติธรรม สถาบันศาลเป็นสถาบันของประชาชน แนวทางการดำเนินการไม่ว่าจะเป็นคดีละเมิดอำนาจศาลหรือคดีหมิ่นศาล ศาลพยายามระมัดระวังมากที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบ และไม่ลงไปเป็นคู่ความในคดี ให้เกิดความมั่นใจได้ว่าเราไม่มีนโยบายใดๆทั้งสิ้นที่จะไปมีปัญหากับประชาชน

เมื่อถามย้ำว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า สามารถกล่าวโทษได้ถ้าเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.