ภาพจาก Celso FLORES (CC BY 2.0)

Posted: 25 Jan 2018 09:38 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)


หลังสหรัฐฯ มีนักท่องเที่ยวลดลงมากในปีที่ผ่านมา ถึงขั้นหล่นจากอันดับ 2 ของการสำรวจจากยูเอ็นก็มีการตั้งข้อสงสัยว่าหรือการเหยียดเชื้อชาติรวมถึงนโยบายขับไล่กีดกันคนนอกของโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้ผู้คนรู้สึกอยากเข้าไปเที่ยวในสหรัฐฯ น้อยลง ส่งผลสหรัฐฯ ชวดรายได้ไป 4,600 ล้านดอลลาร์


26 ม.ค. 2561 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหารายได้ลดลง พวกเขากล่าวโทษว่าเป็นเพราะนโยบายและการใช้โวหารการกีดกันคนต่างชาติของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทำให้มีคนเดินทางเข้าสหรัฐฯ ลดลง

สำนักงานการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ระบุว่ามีชาวต่างชาติเดินทางเข้าสหรัฐฯ ในปี 2560 ลดลงร้อยละ 4 และมีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 3 ประเมินได้ว่ามีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวลดลง 4,600 ล้านดอลลาร์ ส่งผลกระทบทำให้สูญเสียงานการท่องเที่ยวไป 40,000 ตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยสั่งให้ผู้คนในประเทศที่มีชาวมุสลิมจำนวนมากอาศัยอยู่ห้ามเดินทางเข้าประเทศ รวมถึงดำเนินการในเรื่องต่างๆ ในเชิงกีดกันคนข้ามชาติ เช่น การอภัยโทษให้กับอดีตนายอำเภอ โจ อาพาโย คนที่เคยถูกลงโทษเพราะการสืบประวัติอาชญากรรมแบบมีอคติทางเชื้อชาติต่อชาวละตินรวมถึงข่มเหงรังแกผู้ต้องขัง ประกาศว่าจะสร้างกำแพงกั้นสหรัฐฯ กับเม็กซิโก และพยายามยกเลิกการคุ้มครองไม่ให้มีการส่งตัวผู้อพยพที่ยังไม่มีเอกสารแต่เข้ามาในสหรัฐฯ ตั้งแต่เด็กออกนอกประเทศ

อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ทรัมป์ยังถูกต่อว่าจากทั้งนักการเมืองพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในเรื่องที่เขาพูดถึงประเทศเฮติ, เอลซัลวาดอร์ และประเทศในทวีปแอฟริกาว่าเป็น "บ่ออาจม" และเรียกร้องให้มีผู้อพยพจากประเทศในยุโรปอย่างนอร์เวย์เข้าประเทศมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม อดัม แซคส์ ประธานบริษัทนักวิเคราะห์ของอ็อกฟอร์ดทัวริซึมอิโคโนมิกกล่าวว่าเป็นไปได้ว่าโวหารและนโยบายของรัฐบาลทรัมป์สร้างความเกลียดชังต่อสหรัฐฯ และกระทบต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยว

การที่นักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ลดลง ทำให้พวกเขาถูกลดตำแหน่งลงมาเหลือแค่ระดับที่ 3 ในสถิติประเทศที่มีคนเดินทางเยือนมากที่สุดในขณะที่สเปนได้ขึ้นอันดับที่ 2 แทน ส่วนอันดับที่ 1 ยังคงเป็นของฝรั่งเศส

โดยที่การเก็บข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่าการท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากการสำรวจในปี 2560 แม้ว่าจะมีเหตุก่อการร้าย ปัญหาภูมิอากาศ และกลุ่มคนที่ขับไล่นักท่องเที่ยว


เรียบเรียงจาก

Citing Rhetoric and Policies, US Tourism Industry Blames Trump as Foreigners Flock Elsewhere, Common Dreams, 24-01-2018
https://www.commondreams.org/news/2018/01/24/citing-rhetoric-and-policies-us-tourism-industry-blames-trump-foreigners-flock

Tourism down in US since Trump took office, The Hill, 24-01-2018
http://thehill.com/policy/transportation/370437-tourism-down-in-us-since-trump-took-office

#TouristGoHome? Spain Becomes World's #2 Tourist Destination, Forbes, 18-01-2018
https://www.forbes.com/sites/michaelgoldstein/2018/01/18/touristgohome-spain-becomes-worlds-2-tourist-destination/#5ac06e814f20

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.