Bow Nuttaa Mahattana

จากกิจกรรมมอบนาฬิกาของคุณ เอกชัย หงส์กังวาน และเพื่อนๆในวันนี้ โบว์มีหนึ่งประเด็นสำคัญที่อยากปรับความเข้าใจกับท่านผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และนายทหารระดับนายพลซึ่งได้ให้ความเห็นในการสนทนากับเราว่าท่านก็ “รักประชาธิปไตยและเห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ปิดปากประชาชน”

หลักฐานชัดเจนที่สุดที่จะตอบท่านได้ว่าประเทศนี้ไม่มีประชาธิปไตยและประชาชนถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกคือการที่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ยังมีผลบังคับใช้อยู่ เจ้าหน้าที่ทหารยังสามารถเรียกตัวบุคคลมาสอบปากคำและคุมตัวนานถึง 7 วัน การห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป การไม่ปลดล็อคการเมือง รวมถึงการใช้ข้อหาความมั่นคง ม.116, 112 พรบ.คอมฯ และข้อหาละเมิดอำนาจศาลเป็นเครื่องมือจัดการคนเห็นต่างอย่างไม่เป็นธรรม และการคุกคามไปจนถึงปิดสื่อ ดังที่เกิดขึ้นตลอดเกือบสี่ปีที่ผ่านมา

การที่ท่านเปิดห้องประชุมและทำหน้าที่อย่างดีในฐานะตัวแทนต้อนรับให้เกียรติประชาชนเป็นการเฉพาะกิจในวันนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออกแต่อย่างใด พวกเราทุกคนไปบนความเสี่ยง ทุกกิจกรรม ทุกโพสต์บนเฟสบุ๊คของเรามีความเสี่ยงต่อการถูกตั้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อปิดปากได้เสมอ ดังที่ท่านได้กล่าวไว้เองว่าทุกการสื่อสารของเราได้รับการติดตามและถูกบันทึกไว้หมด ประชาชนจำนวนมากกลัวการ”มีปัญหา” เพราะสิทธิของเราไม่ได้รับการคุ้มครองด้วยหลักนิติธรรม

ในประเทศประชาธิปไตยสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะความเห็นต่างไม่ใช่ศัตรูของระบอบประชาธิปไตย การไม่ยอมรับความเห็นต่างและการละเมิดสิทธิเสรีภาพต่างหากที่เป็นศัตรูของระบอบประชาธิปไตย สังคมจะก้าวหน้าได้เมื่อทุกความคิดเห็นได้รับการรับฟัง และคัดเลือกร่วมกันบนความเท่าเทียม

ความเข้าใจนี้สำคัญมากนะคะ หากเจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าใจและรักหลักการประชาธิปไตยจริง ท่านจะปฏิเสธที่จะเป็นเครื่องมือของเผด็จการ ท่านจะไม่ตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน กระบวนการยุติธรรมจะกลับมาอยู่บนหลักนิติธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นในขณะที่โบว์ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ทุกระดับในทุกโอกาสและรู้สึกขอบคุณเป็นการส่วนตัว เราไม่อาจเผลอลืมว่ามันยังคงเกิดขึ้นบนฐานของสิ่งที่ผิด และไม่ใช่ทุกครั้งที่ประชาชนได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และท่านจะต้องไม่ลืมเช่นกันว่าท่านกำลังพยายามทำดีที่สุดภายใต้กรอบของเงื่อนไขที่ผิด

คนไทยจำนวนมากเป็นคนใจอ่อนและฉาบฉวย หลักการจึงถูกสั่นคลอนตลอดเวลาภายใต้วาทกรรมเรื่องความสงบเรียบร้อย ความเป็นคนไทยด้วยกัน และการโอนอ่อนผ่อนปรน แต่การโอนอ่อนต่อหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย ไม่อาจนำมาซึ่งความสงบที่แท้จริง เราจะต้องเลิกคิดแบบมักง่ายและร่วมมือกันนำพาสังคมสู่เส้นทางที่ควรเดิน

เลิกเห็นความบิดเบี้ยวเป็นเรื่องปกติเสียที.

Photo credit: ประชาไท Prachatai.com
——————————
คลิปกิจกรรม การสนทนา และประมวลข่าว
https://www.facebook.com/bow.nuttaa/videos/10155354405815819/
https://prachatai.org/journal/2018/01/74871
https://www.matichon.co.th/news/795558
https://www.khaosod.co.th/politics/news_699102
http://www.komchadluek.net/news/politic/308629
https://mgronline.com/politics/detail/9610000002377
http://www.naewna.com/politic/313175
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินคดีเพื่อปิดปากประชาชนที่เรียกว่า SLAPP (Strategic Lawsuit Against People’s Participation) ติดตามได้จากเว็บไซต์ของ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและ iLaw




แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.