
Atukkit Sawangsuk
อ่านตอนต้นๆ บางคนอาจคิดว่าหมอเลี้ยบคุยถึงอดีต ชัยชนะอันแสนหวานของไทยรักไทย แต่ไม่ใช่ หมอเลี้ยบชี้ถึงปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งปี 44 เปลี่ยนไปทั้ง รธน.40 การมี กกต. การหาเสียงด้วยนโยบาย การจัดตั้งคนรุ่นใหม่ ฯลฯ
แล้วก็ชวนมองถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ แบบนักยุทธศาสตร์ ว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไป ทั้ง รธน.60 (ที่ถอยหลัง) ทั้ง Social Media ที่น่าจะมีอิทธิพลอย่างมาก (ย้อนคิดว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้วยังไม่มีคนใช้โซเชียลมากขนาดนี้) และคนรุ่นใหม่ที่ตอนนั้นอายุ 11-17 ปี
.................................
...แนวทาง วิธีคิด วิธีบริหารจัดการ เป๊ะๆอย่างที่พรรคไทยรักไทยเคยเริ่มไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และพรรคการเมืองอื่นทำตามอย่าง ไม่เพียงพอแล้วในวันนี้ วันนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก พรรคการเมืองทุกพรรคต้องทำมากกว่านั้น ต้องมีนโยบายที่รองรับอนาคตของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างถึงแก่น
.
พรรคการเมืองต้องดึงดูดคนรุ่นใหม่อายุ 30-40 ปีที่เก่งกาจสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎหมาย รัฐศาสตร์ การจัดการ จำนวนมากมายในสังคมนี้ เข้ามาทำงานการเมือง เข้ามาร่วมรับผิดชอบ คิด และขับเคลื่อนนโยบายที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก"
พรรคการเมืองต้องมี Platform ของการจัดการแบบใหม่ที่ใช้ศักยภาพของ Social Network ได้เต็มที่ในทุกระดับ ทั้งกระบวนการจัดการภายใน การทำนโยบาย การรณรงค์หาเสียง และการระดมทุน"
.
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราพูดกันว่า Differentiate or Die
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราพูดกันว่า Innovate or Die
วันนี้ ผมเชื่อว่า พรรคการเมืองต้อง Disrupt or Die
(อ้อ เข้าไปช่วยกันกดไลค์ด้วยนะ คุณหมอเพิ่งเปิดเพจสาธารณะ)
หมอเลี้ยบโคตรเฉียบคม
อ่านตอนต้นๆ บางคนอาจคิดว่าหมอเลี้ยบคุยถึงอดีต ชัยชนะอันแสนหวานของไทยรักไทย แต่ไม่ใช่ หมอเลี้ยบชี้ถึงปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งปี 44 เปลี่ยนไปทั้ง รธน.40 การมี กกต. การหาเสียงด้วยนโยบาย การจัดตั้งคนรุ่นใหม่ ฯลฯ
แล้วก็ชวนมองถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ แบบนักยุทธศาสตร์ ว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไป ทั้ง รธน.60 (ที่ถอยหลัง) ทั้ง Social Media ที่น่าจะมีอิทธิพลอย่างมาก (ย้อนคิดว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้วยังไม่มีคนใช้โซเชียลมากขนาดนี้) และคนรุ่นใหม่ที่ตอนนั้นอายุ 11-17 ปี
.................................
...แนวทาง วิธีคิด วิธีบริหารจัดการ เป๊ะๆอย่างที่พรรคไทยรักไทยเคยเริ่มไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และพรรคการเมืองอื่นทำตามอย่าง ไม่เพียงพอแล้วในวันนี้ วันนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก พรรคการเมืองทุกพรรคต้องทำมากกว่านั้น ต้องมีนโยบายที่รองรับอนาคตของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างถึงแก่น
.
พรรคการเมืองต้องดึงดูดคนรุ่นใหม่อายุ 30-40 ปีที่เก่งกาจสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎหมาย รัฐศาสตร์ การจัดการ จำนวนมากมายในสังคมนี้ เข้ามาทำงานการเมือง เข้ามาร่วมรับผิดชอบ คิด และขับเคลื่อนนโยบายที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก"
พรรคการเมืองต้องมี Platform ของการจัดการแบบใหม่ที่ใช้ศักยภาพของ Social Network ได้เต็มที่ในทุกระดับ ทั้งกระบวนการจัดการภายใน การทำนโยบาย การรณรงค์หาเสียง และการระดมทุน"
.
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราพูดกันว่า Differentiate or Die
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราพูดกันว่า Innovate or Die
วันนี้ ผมเชื่อว่า พรรคการเมืองต้อง Disrupt or Die
(อ้อ เข้าไปช่วยกันกดไลค์ด้วยนะ คุณหมอเพิ่งเปิดเพจสาธารณะ)
แสดงความคิดเห็น