เครือข่ายกระจายอำนาจฯ เสนอต่อกรธ. ดันหลักการปกครองท้องถิ่นบรรจุ ในร่างรธน.ฉบับใหม่
Posted: 09 Mar 2016 08:21 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
9 มี.ค. 2559 สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย นำโดย ดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ เลขาธิ การคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ดำเนินการจัด “เวทีสัมมนาเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจร่างพระราชบัญญัติ กระจายอำนาจและองค์กรบริหารท้ องถิ่น พ.ศ....” ณ ห้องประชุมสำนั กงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ชั้น 16 อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมเวทีกว่า 20 คน จากหลายภาคส่วน อาทิ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ เครือข่ายภาคประชาชน องค์กรภาคีเครือข่ายด้ านการกระจายอำนาจ
ดร.ลัดดาวัลย์ กล่าวเปิดเวทีสัมมนาในครั้งนี้ โดยระบุถึงความสำคัญของหลั กการกระจายอำนาจ ซึ่งทางคณะกรรมการปฏิรู ปกฎหมายได้จัดทำบันทึกความเห็ นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับร่ างพระราชบัญญัติ การกระจายอำนาจและองค์กรบริ หารท้องถิ่น พ.ศ.... โดยมีสาระสำคัญเพื่อแก้ไขปั ญหาข้อขัดข้องและความทับซ้ อนของกฎหมายท้องถิ่นเพื่อให้ องค์กรบริหารท้องถิ่ นสามารถดำเนินการบริ การสาธารณะให้กับประชาชนได้อย่ างเต็มศักยภาพและมีประสิทธิ ภาพและให้องค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นมีความเป็นอิ สระในการปกครองตนเองตามเจตนารมณ ์ของประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ
นายสรัล มารู นักวิชาการสำนั กงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวสรุปสาระสำคัญ ของร่ างพระราชบัญญัติ การกระจายอำนาจและองค์กรบริ หารท้องถิ่น พ.ศ.... (ฉบับคณะกรรมการปฏิรูป-กฎหมาย) ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการสั งเคราะห์ ปฏิรูป และประมวลกฎหมายที่เกี่ยวกับ การกระจายอำนาจและองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ในฉบั บเดียว ภายใต้หลักการที่สำคัญในเรื่ องการกำหนดหลักการกระจายอำนาจ รวมไปถึงการกำหนดหลักการ และโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น
ด้านนายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมายชุดที่ 1 กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2559 ว่า เนื้อหาหลักการของร่างรัฐธรรมนู ญฉบับดังกล่าว ไม่ปรากฏหลักการเรื่ องการกระจายอำนาจและการปกครองส่ วนท้องถิ่นไว้แต่อย่างใด ส่งผลให้ไม่สามารถก่อเกิดจังหวั ดปกครองตนเองได้ และไม่อาจนำไปสู่การปฏิรูปเรื่ องท้องถิ่นได้เลย
นอกจากนี้ ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ศ.ดร.อุดม ทุมโฆสิต กล่าวว่า การปกครองประเทศภายใต้ ระบอบประชาธิปไตยคื อการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน โดยวิธีการที่จะนำพาประเทศไปสู่ ความเป็นประชาธิปไตยได้คือ จะต้องมีรูปแบบการปกครองที่ให้ ประชาชนมีส่วนร่วมทั้ งทางตรงและทางอ้อมให้มากที่สุด และให้สิทธิ ประชาชนในการปกครองตนเองในระดั บท้องถิ่น นายอุดม มีความเห็นว่า สิ่งที่ขาดไปในร่างรัฐธรรมนู ญฉบับ ปี 2559 คือ เนื้อหาที่ไม่แสดงเจตนารมณ์ ในเรื่องการกระจายอำนาจ และการไม่ให้ความสนใจปั ญหาของประชาชนในระดับท้องถิ่น
ต่อมาในเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายกระจายอำนาจสู่ชุ มชนและท้องถิ่น ได้รวมตัวกันยื่นข้อเสนอร่างรั ฐธรรมนูญในส่วนที่มีเนื้อหาเกี่ ยวข้องกับการปกครองท้องถิ่น ต่อคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมี ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนู ญมารับข้อเสนอ
ภาพจากเว็บไซต์สำนั กงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
เครือข่ายดังกล่าว เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มองค์ กรชุมชนภาคประชาสังคม และสมาคมขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น เพื่อรวมกันขับเคลื่ อนนโยบายและกฎหมายเพื่อให้รั ฐและกลไกของรัฐเอื้อต่ อการกระจายอำนาจให้แก่ชุ มชนและท้องถิ่นตามหลั กการปกครองตนเองบนพื้ นฐานการกระจายอำนาจให้แก่ชุ มชนท้องถิ่นได้สามารถจั ดการตนเองบนฐานของเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของท้องถิ่น โดยที่ผ่านมาเครือข่าย ฯ ได้ร่วมกันผลักดันให้มีการบรรจุ หลักการในระดับรัฐธรรมนู ญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลั กการปกครองท้องถิ่นมาแล้ วในหลายโอกาส ตลอดจนได้รับการสนับสนุนทางวิ ชาการจากองค์กรทั้งภาครั ฐและภาคเอกชนในการพัฒนาแนวคิ ดและหลักการจนเป็นร่างกฎหมายชื่ อว่า “ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจั งหวัดปกครองตนเอง พ.ศ. ....” ซึ่งเครือข่าย ฯ ได้เคยยื่นข้อเสนอเกี่ยวกั บการปกครองท้องถิ่นทั้งในระดั บรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่ อประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานกรรมาธิการยกร่างรั ฐธรรมนูญ มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 และขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญเปิ ดรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่ าง ๆ เพื่อพิจารณาปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ (ร่างเบื้องต้น)
ข้อเสนอที่ยื่นมีเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้
1. ขอให้ยังคงไว้ซึ่งบทบัญญัติที่ เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบั บก่อน ได้แก่ข้อความในมาตรา 78 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจั กรไทย พ.ศ. 2550 โดยขอให้มีข้อความดังนี้
“มาตรา ...รัฐต้องดำเนิ นการตามแนวนโยบายด้านการบริ หารราชการแผ่นดิน โดยจะต้องกระจายอำนาจให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่ วยงานหลักในการจัดบริ การสาธารณะ สามารถพึ่งตนเองและตัดสินใจในกิ จการของท้องถิ่นได้เอง ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนิ นการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ พัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่ นและระบบสาธารณูปโภคและสาธารณู ปการ ตลอดทั้งโครงสร้างพื้ นฐานสารสนเทศในท้องถิ่น ให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันทั่ วประเทศ รวมทั้งพัฒนาจังหวัดที่มี ความพร้อมให้เป็นองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ โดยคำนึงถึงเจตนารมณ์ ของประชาชนในจังหวัดนั้น”
2. ยืนยันหลักการตามรัฐธรรมนูญแห่ งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 284 ที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ่นต้องประกอบด้วยสภาท้ องถิ่นและผู้บริหารหรือคณะผู้ บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ งโดยตรงของประชาชน
3. กำหนดให้เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ ยวกับ “สภาพลเมืองท้องถิ่น” เข้าไปในหมวดการปกครองท้องถิ่น เพื่อให้มีสภาพลเมืองทำหน้าที่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ ประชาชนมีส่วนร่ วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพั ฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับท้ องถิ่นและระดับชาติ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตั ดสินใจทางการเมืองระดับท้องถิ่ นและระดับชาติ การร่วมวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิ จและสังคม รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนการมีส่ วนร่ วมของประชาชนในการตรวจสอบการใช้ อำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ ่น
4. กำหนดให้มี “คณะกรรมการปกครองท้องถิ่นแห่ งชาติ” หรือ “สภาการปกครองท้องถิ่นแห่งชาติ” เพื่อทำหน้าเป็นองค์กรกำกับดู ส่งเสริม และพัฒนากลไกการปกครองท้องถิ่ นให้มีเอกภาพ และประสิทธิภาพ
5. ให้องค์กรบริหารท้องถิ่นมี อำนาจหน้าที่โดยเฉพาะและเป็นหน่ วยงานหลักในการจัดทำบริ การสาธารณะในพื้นที่ท้องถิ่น ดังนี้
(1) การพัฒนาคุณภาพชีวิ ตของประชาชนในท้องถิ่น
(2) การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
(3) การจัดการเกี่ยวกับทรั พยากรธรรมชาติ
(4) การส่งเสริมและการรักษาคุณภาพสิ ่งแวดล้อม
(5) การพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน
(6) การศึกษาและการอบรม
(7) การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของท้ องถิ่น
(8) การรักษาความสงบเรียบร้ อยภายในท้องถิ่น
6. รัฐต้องกำหนดหลักประกั นในทางรายได้จากภาษีอากรแก่ท้ องถิ่นเพื่อให้ท้องถิ่นมีรายได้ ที่เพียงพอ โดยกำหนดให้ภาษีชนิดใดที่เป็ นภาษีท้องถิ่นหรือภาษีที่องค์ การปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจจั ดเก็บเองตามกฎหมาย เมื่อจัดเก็บแล้วให้เก็บไว้เป็ นรายได้ขององค์การปกครองส่วนท้ องถิ่นทั้งหมด และภาษีใดที่ใช้ฐานร่วมระหว่ างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ ่นหรือภาษีอื่นที่มิใช่ภาษีท้ องถิ่นให้รัฐจัดสรรใช้แก่องค์ การปกครองส่วนท้องถิ่นไม่น้ อยกว่าร้อยละห้าสิบต่อปี
“มาตรา ...รัฐต้องดำเนิ
2. ยืนยันหลักการตามรัฐธรรมนูญแห่
3. กำหนดให้เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่
4. กำหนดให้มี “คณะกรรมการปกครองท้องถิ่นแห่
5. ให้องค์กรบริหารท้องถิ่นมี
(1) การพัฒนาคุณภาพชีวิ
(2) การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
(3) การจัดการเกี่ยวกับทรั
(4) การส่งเสริมและการรักษาคุณภาพสิ
(5) การพัฒนาเศรษฐกิจพื้นฐาน
(6) การศึกษาและการอบรม
(7) การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของท้
(8) การรักษาความสงบเรียบร้
6. รัฐต้องกำหนดหลักประกั
โดยเครือข่าย ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเสนอดั งกล่าวจะได้รับการพิ จารณาและนำไปเพิ่มเติมในร่างรั ฐธรรมนูญที่จะจัดทำแล้วเสร็ จในวันที่ 29 มี.ค. 2559 นี้ ซึ่งหากเครือข่ายพิจารณาร่วมกั นแล้วเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าวได้ รับการพิจารณาจากคณะกรรมการยกร่ างรัฐธรรมนูญและปรากฏถ้อยคำหรื อข้อความในร่างรัฐธรรมนูญฉบั บเพื่อลงประชามติ เครือข่าย ฯ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ร่างรั ฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวผ่ านการออกเสียงประชามติ และประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่ งราชอาณาจักรไทยต่อไป
แสดงความคิดเห็น