ออกกฎกระทรวง ยกเว้นภาษีมรดก ผู้ได้เงินค่าใช้จ่ายในพระองค์- พระองค์เจ้าขึ้นไปที่ได้รับเงิ นปี
Posted: 26 Jan 2017 08:44 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
คลังออกกฎกระทรวงบุคคลที่ได้รั บยกเว้นภาษีการรับมรดก ได้แก่ บุคคลซึ่งได้รับเงินค่าใช้จ่ ายในพระองค์จากงบประมาณรายจ่ ายประจําปี และบุคคลซึ่งได้รับเงินปี พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้ นพระองค์เจ้าขึ้นไป
เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎกระทรวง กําหนดประเภทหรือรายชื่อของบุ คคลที่ได้รับยกเว้นภาษีการรั บมรดก พ.ศ. 2560 ระบุว่า อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลั งออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้ งแต่วันที่ 1 ก.พ. พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป
ข้อ 2 บุคคลตามมาตรา 13 (1) ได้แก่ บุคคลซึ่งได้รับเงินค่าใช้จ่ ายในพระองค์จากงบประมาณรายจ่ ายประจําปี และบุคคลซึ่งได้รับเงินปี พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้ นพระองค์เจ้าขึ้ นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้ วยการจ่ายเงินเดือน เงินปี บําเหน็จบํานาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. 2535
ให้ไว้ ณ วันที่ 13 ม.ค. พ.ศ. 2560 อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
พร้อมระบุหมายเหตุไว้ด้วยว่า เหตุผลในการประกาศใช้ กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ภาษี การรับมรดก พ.ศ. 2558 ได้บัญญัติให้รัฐมนตรีว่ าการกระทรวงการคลังมีอํ านาจออกกฎกระทรวงกําหนดประเภท หรือรายชื่อของบุคคลที่ได้รั บยกเว้นภาษีการรับมรดก จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
สำหรับ มาตรา 12 และ 13 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ระบุไว้ดังนี้
มาตรา 12 ผู้ได้รับมรดกจากเจ้ามรดกแต่ ละราย ไม่ว่าจะได้รับมาในคราวเดียวหรื อหลายคราว ถ้ามรดกที่ได้รับมาจากเจ้ ามรดกแต่ละรายรวมกันมีมูลค่าเกิ นหนึ่งร้อยล้านบาท ต้องเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เกิ นหนึ่งร้อยล้านบาท
มูลค่ามรดกตามวรรคหนึ่ง หมายถึงมูลค่าของทรัพย์สินทั้ งสิ้นที่ได้รับเป็นมรดกหักด้ วยภาระหนี้สิน อันตกทอดมาจากการรับมรดกนั้น
ให้มีการพิจารณาทบทวนมูลค่ ามรดกตามวรรคหนึ่งทุกห้าปี โดยนําอัตราการเปลี่ยนแปลงดัชนี ราคาผู้บริโภคที่กระทรวงพาณิชย์ คํานวณเพื่อใช้ ในราชการในรอบระยะเวลานั้ นมาประกอบการพิจารณาด้ วยโดยการกําหนดมูลค่ามรดกขึ้ นใหม่ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 13 บทบัญญัติในมาตรา 12 ไม่ใช้บังคับแก่
(1) บุคคลผู้ได้รับมรดกที่เจ้ ามรดกแสดงเจตนาหรือเห็นได้ว่ามี ความประสงค์ให้ใช้มรดกนั้นเพื่ อประโยชน์ในกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์
(2) หน่วยงานของรัฐและนิติบุคคลที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการ สาธารณประโยชน์
(3) บุคคลหรือองค์การระหว่ างประเทศตามข้อผูกพันที่ ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์ การสหประชาชาติ หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญาหรือตามหลักถ้อยที ถ้อยปฏิบัติต่อกันกับนานาประเทศ
ทั้งนี้ เฉพาะตามประเภทหรือรายชื่อที่กํ าหนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงดังกล่าว จะกําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีตรวจสอบติดตามไว้ด้วยก็ ได้
แสดงความคิดเห็น