กรธ. เปิดฟังความเห็น พ.ร.ป.คณะกรรมการสิทธิฯ มีชัยระบุ ที่ผ่านมาสรรหาไม่โปร่งใส
Posted: 25 Jan 2017 02:48 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
มีชัย เปิดเวทีรับฟังความเห็น พ.ร.ป. กสม. ชี้ที่ผ่านมาคณะกรรมการสิทธิฯ ขาดความหลากหลาย ไม่คล่องตัว สรรหาไม่โปร่งใส จนทำให้ถูกลดเกรดโดย OHCHR พร้อมระบุจะปรับกลไกใหม่เพื่ อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
25 ม.ค. 2560 มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวเปิดสัมมนารับฟังความคิ ดเห็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรั ฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. … ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่าการทำงานของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีปัญหาอย่างต่อเนื่องที่นำไปสู่ การลดบทบาทในนานาชาติ ซึ่งปัจจัยหนึ่งเกิดจาก ที่มาของ กสม. ไม่มีความหลากหลาย ขาดความโปร่งใสในการสรรหา และไม่เชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าการทำงานของ กสม. ไม่มีความคล่องตัว ไม่ปรับตัวเข้าหากัน แบ่งงานกันทำ จนทำให้เกิดปัญหาตามมา จึงต้องปรับหลักเกณฑ์ขั้ นตอนการทำงานให้มีความคล่องตั วมากขึ้น
ดังนั้นแล้ว ทาง กรธ. จึงได้กำหนดภารกิจของ กสม. ให้มีความชัดเจนมากขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบั น กำหนดองค์ประกอบที่ มาของคณะกรรมการ กสม. จะต้องมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ อย่างน้อยสาขาละ 1 คน สร้างกลไกใหม่ให้ทำงานเป็นทีม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทำงานให้สอดคล้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเกิดผลกับประชาชนอย่างแท้จริ ง นอกจากนี้ยัง เปิดช่องทางให้สามารถนำผู้เชี่ ยวชาญมาจั ดทำแผนการรายงานประจำปีไว้ล่ วงหน้า
ประธาน กรธ. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ กสม. และผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเกี่ ยวข้องกัน จนทำให้การทำงานซ้ำซ้อน ดังนั้น กรธ. เห็นว่าหากทั้ง 2 หน่วยงานร่วมมือกันอย่างจริงจั ง เชื่อว่าภายใน 5-10 ปี จะลดขั้นตอนและได้รับการแก้ ไขให้รวดเร็วขึ้น กรธ. พยายามเขียนใน รัฐธรรมนูญสร้างกลไกให้สำนั กงานเป็นเครื่องมือรองรั บการทำงานของคณะกรรมการอย่างจริ งจัง เพื่อให้มีแรงกระตุ้ นในการทำงานและเกิดความสำเร็ จโดยมีการทำงาน 3 แนวทาง คือ แสวงหาข้อเท็จจริง วิเคราะห์ข้อเท็จจริง หาทางแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุ ในอนาคต
“อยากให้ กสม. ริเริ่มทำเรื่องการละเมิดสิทธิ ส่วนบุคคลอย่างเป็นระบบให้มากขึ้ น มากกว่าการแก้ปัญหารายบุคคล โดยเฉพาะเรื่องการใส่โซ่ตรวนนั กโทษ และการปล่อยให้ผู้สื่อข่าวซั กถามผู้ต้องหา ที่อยากให้แก้ไขทั้งระบบ ทำให้เป็นรูปธรรม ปัญหาที่ทำให้ไทยถูกมองในแง่ ลบเพราะที่มาของ กสม.ไม่หลากหลายพอ ขาดความโปร่งใสในการสรรหา กสม. ต้องทำแผนงานประจำปีล่วงหน้า ถ้าจัดทำไม่แล้วเสร็จให้กสม. พ้นตำแหน่งไปทั้งคณะ เพื่อป้องกันไม่ให้การทำงานล่ าช้า” มีชัย กล่าว
ขณะที่ผู้ร่วมสัมมนาได้สะท้ อนความเห็นอยากให้ปรับในเรื่ องของคณะกรรมการสรรหาให้มี ความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะตัวคณะกรรมการสรรหาต้ องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่ องสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้ความรู้ดังกล่ าวสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุ ษยชนได้อย่างตรงจุด
ด้าน นรชิต สิงหเสนี โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ. )ให้สัมภาษณ์ในรายการ Inside รัฐสภา ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสี ยงรัฐสภา ถึงความคืบหน้าการจัดทำร่ างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรื อกฎหมายลูกว่า จัดทำร่างกฎหมายลูกว่าด้ วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และร่างกฎหมายลูกว่าด้ วยพรรคการเมือง เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเสนอต่อสภานิติบัญญั ติแห่งชาติ (สนช.) ส่วนบ่ายวันนี้จะมีการเปิดรับฟั งความเห็นประกอบการจัดทำร่ างกฎหมายลูกว่าด้วยกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ โดยเชิญหน่วยงานภาครั ฐและภาคเอกชน สมาคมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุ ษยชน นักวิชาการและสื่อมวลชน เข้าแสดงความคิดเห็นเพื่ อประกอบกับตัวร่างฉบับที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเสนอเข้ ามา
นรชิต กล่าวต่อไปว่า ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่ าด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ งชาติ ยึดหลักการสอดคล้องกั บกฎหมายในประเทศ และอนุสัญญาระหว่างประเทศ ส่วนจะมีการแยกสำนั กงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นอิสระหรือไม่ จะต้องรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ ด้วย ขณะประเด็นที่มีการตั้งข้อสั งเกตกันว่าจะเซ็ตซีโร่กรรมการสิ ทธิมนุยชนนั้น ตนยืนยันว่า กรธ. ไม่ได้มุ่งเซตซีโร่ กรรมการในองค์กรอิระใด เพียงแต่จะต้องดูให้ กรรมการในองค์กรอิสระนั้นมีคุ ณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญใหม่ กำหนด ซึ่งหากผู้อยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ มีคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ ามยังคงทำหน้าที่ต่อไปจนกว่า จะมีการสรรหากรรมการคนใหม่เข้ ามาทำหน้าที่
ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมว่า การการปรั บลดสถานะของคณะกรรมการสิทธิมนุ ษยชนแห่งชาติ จากสถานะสมาชิกภาพเต็มสถานะเป็น "ผู้สังเกตการณ์" โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิ ทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ (ONCHR) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2559 โดยที่ก่อนหน้านั้น คณะอนุกรรมการในการประเมิ นสถานะฯ ของคณะกรรมการประสานงานคณะกรรมก ารสิทธิมนุษยชน (International Coordinating Committee on National Human Rights Institutions: ICC) ซึ่งมี บทบาทในการตรวจสอบและประเมิ นการทำงานของคณะกรรมการสิทธิมนุ ษยชนทั่วโลก มีมติเสนอให้ลดระดับ กสม. ของไทย จากสถานะ A เป็น B เมื่อปี 2557
ในรายงานเมื่อ ต.ค. 2557 ICC แสดงความกังวลเกี่ยวกับขั้ นตอนการคัดเลือก กสม., การขาดการคุ้มกันและความเป็นอิ สระในการปฏิบัติหน้าที่ และความล้มเหลวในการตอบสนองต่ อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนอย่างทั นท่วงที โดยเฉพาะในบริบทที่ไทยอยู่ใต้ การปกครองของทหาร
ทั้งนี้ ICC ให้เวลา กสม. 12 เดือนในการแก้ไข อย่างไรก็ตาม เมื่อ พ.ย. 2558 ICC เสนอให้ลดระดับ กสม. เป็น B หลังไม่มีการดำเนิ นการตามคำแนะนำของ ICC
สำหรับการได้สถานะ B หรือสถานะผู้สังเกตุการณ์ จะส่งผลให้
1) ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือส่ งเอกสารในการประชุมคณะมนตรีสิ ทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ รวมถึงการประเมินสถานการณ์สิทธิ มนุษยชนของประเทศไทย (Universal Periodic Review) ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่ งสหประชาชาติที่เกิดขึ้นในต้นปี 2559
1) ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือส่
2) สถานะของ กสม. คือ จะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ในการประชุมในระดับภูมิ ภาคและนานาชาติที่เกี่ยวข้องกั บคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ งชาติ (เช่น การประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุ ษยชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก - Asia Pacific Forum on National Human Rights Institutions)
3) จะไม่สามารถลงคะแนนเสี ยงในการประชุมของ ICC หรือสมัครเป็นคณะกรรมการ/อนุ กรรมการของ ICC ได้
สำหรับการสรรหาคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ รอบล่าสุด ซึ่งเป็นการสรรหา กสม. ชุดที่ 3 ได้มีการเปิดรับรับสมัครผู้ สนใจเข้ารับการสรรหา ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. -15 มิ.ย. 2558 โดยมีผู้สนใจเข้ารับการสรรหาทั้ งหมด 121 คน ซึ่งภายใต้ กระบวนการสรรหาและการเลื อกกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ครั้งที่ผ่านมา เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรั ฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 ทำให้มีคณะกรรมการสรรหา จำนวน 7 คน ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎี กาคัดเลือกจำนวนหนึ่งคน และบุคคลซึ่งที่ประชุมใหญ่ตุ ลาการในศาลปกครองสูงสุดคัดเลื อกจำนวนหนึ่งคน ทำหน้าที่สรรหาและคัดเลือก ซึ่งคณะกรรมการสรรหาชุดที่ จะทำหน้าที่คัดเลือกกรรมการสิ ทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 ปัจจุบันเหลือเพียง 5 ท่านเท่านั้น เนื่องจากประธานศาลปกครองสูงสุ ดถูกคำสั่งพักราชการ และไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้ แทนราษฎร
แสดงความคิดเห็น