ประวิตรเผยคุยลาว ร่วมมือปมกลุ่มใช้วิทยุเคลื่อนไหวกระทบไทย เตรียม ส่ง สมช.หารือต่อ
Posted: 26 Jan 2017 01:22 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
พล.อ.ประวิตร เผย ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย – ลาว ครั้งที่ 23 ห่วงระเบิดแก่งโขงกระทบทางน้ำธรรมชาติ เตรียมส่งเลขาธิการสมช.หารือกรณีบางกลุ่มใช้วิทยุลาวกระทบมั่นคงไทย 

ภาพการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย – ลาว ครั้งที่ 23 (ที่มาภาพ เพจ โฆษกกระทรวงกลาโหม )

26 ม.ค. 2560 พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย – ลาว ครั้งที่ 23 เมื่อ 26 ม.ค.60 เวลา 08.30 ณ กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานประธานคณะกรรมการฝ่ายไทย และ พล.ท.จันสะหมอน จันยาลาด รมว.กระทรวงป้องกันประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายลาว เป็นประธานร่วม ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินความร่วมมือและการแก้ไขปัญหาความมั่นคงชายแดนในรอบปีที่ผ่านมา โดยเห็นพ้องว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีความใกล้ชิดผูกพันกันและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการผลักดันให้ทุกกลไกที่เกี่ยวข้อง มีการประชุมและปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน เช่น การประชุมรักษาความสงบตามแนวชายแดนระดับจังหวัด - แขวงในหลายพื้นที่ ความร่วมมือแลกเปลี่ยนการเยือนระดับต่างๆ การสนับสนุนทุนการศึกษา การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมควบคู่กับกีฬาระหว่างกองทัพ เป็นต้น
ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงปัญหาสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงร่วมกัน และเห็นชอบร่วมกันให้มีการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันด้านต่างๆในปี 60 ให้มากขึ้น ทั้งความร่วมมือทางทหาร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์ทหาร โดยให้มีการแลกเปลี่ยนด้านวิชาการ การฝึกอบรมด้านการแพทย์ในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของสปป.ลาว ความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยให้มีการประสานงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และการดำเนินมาตรการที่จำเป็นภายใต้กฎหมายของแต่ละประเทศ รวมทั้งเพิ่มความร่วมมืออย่างจริงจังในการจัดระเบียบชายแดน เพื่อป้องกัน สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ความร่วมมือกันในการแก้ปัญหา ด้านแรงงาน บุคคลสองสัญชาติ กลุ่มบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ
ขณะเดียวกัน ก็ให้ความสำคัญและเพิ่มความร่วมมือกันดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชพันธ์ไม้หวงห้าม สำหรับความร่วมมือกันดูแลปกป้องตลิ่งและการแก้ปัญหาการดูดทรายในแม่นำ้โขงและแม่นำ้เหือง ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานทางเทคนิคในการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งและข้อกำหนดด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายอย่างเคร่งครัด
 
พล.อ.ประวิตรฯ และพล.ท.จันสะหมอนฯ กล่าวย้ำตรงกัน โดยเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานร่วมกันด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่นและไว้วางใจกัน ภายใต้กรอบความร่วมมือคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย – ลาว ที่เข้มแข็งกว่าเดิม จะสำเร็จด้วยดี ส่งผลให้ชายแดนทั้งสองประเทศเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เป็นชายแดนแห่งมิตรภาพและสันติภาพร่วมกันที่มีเสถียรภาพ ยังประโยชน์สุขมาให้ประชาชนทั้งสองประเทศที่ยั่งยืนร่วมกัน
 
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงผลการประชุมว่ด้วยา เป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนและดูแลความสงบของประชาชน 2 ประเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านความมั่นคงให้เป็นรูปธรรมและเป็นจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังหารือความร่วมมือด้านการกีฬา การศึกษา ยาเสพติด เพื่อให้ประชาชน 2 ประเทศเชื่อมั่นการทำงานเจ้าหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยตามแนวชายแดน รวมทั้งหารือข้อกังวลของ 2 ประเทศ กรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนจะระเบิดแก่งหินในบริเวณแม่น้ำโขง เพราะเกรงว่าจะทำให้ทางน้ำและร่องน้ำเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้กังวลไปถึงผลกระทบเรื่องเขตแดน แต่ห่วงเรื่องทางน้ำตามธรรมชาติที่จะเปลี่ยนแปลงมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต
 
“ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศสปป.ลาว เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มที่ใช้คลื่นวิทยุในสปป.ลาว เผยแพร่เนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคงในประเทศไทย ซึ่งสปป.ลาวยินดีให้ความร่วมมือ และไทยพร้อมร่วมมือกับสปป.ลาว หากร้องขอให้ติดตามบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายและหลบหนีเข้ามาในไทยเช่นกัน ทั้งนี้ ได้มอบให้พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสมช.เดินทางไปหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงของสปป.ลาวในอีก 2 วันนี้ ซึ่งจะนำกรณีนี้ไปหารือด้วย” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
 
พล.อ.ทวีป กล่าวถึงการเตรียมการเยือนสปป.ลาวเพื่อตรวจสอบกลุ่มคนที่กระทำความผิด ซึ่งสิ่งที่ไปขอความช่วยเหลือนั้น จะต้องศึกษาในข้อกฎหมายด้วยว่าจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด โดยจะไปบอกกล่าวถึงสิ่งที่กำลังเป็นประเด็น ขัดความรู้สึกของประชาชนไทย และขอให้ช่วยดำเนินการ แต่ยังไม่ถึงขั้นผลักดันออกจากสปป.ลาว  ทั้งนี้ ยังไม่คาดหวังในสิ่งใด ๆ ต้องหารือกันก่อน
 
“ที่ผ่านมามีการข่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่า มีบุคคลที่จะต้องจับตามอง ไปเคลื่อนไหวในสปป.ลาวและในต่างประเทศ ซึ่งทางไทยได้จัดเจ้าหน้าที่ คอยจับตาดูอยู่ และจะปล่อยให้บุคคลนั้น ๆ ดำเนินการต่อไปไม่ได้ ซึ่งการข่าวยืนยันว่า กลุ่มบุคคลเหล่านั้นทำผิดกฎหมายของไทย ขณะเดียวกันต้องศึกษาด้วยว่า ไทยกับสปป.ลาวมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ และหลังจากการเยือนครั้งนี้จะนำข้อสรุปการหารือมานำเรียนรองนายกรัฐมนตรีรับทราบอีกครั้ง” เลขาธิการสมช. กล่าว


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.