คดี “อุ้มฆ่าสุภัคสรณ์” เป็น Hate Crime หรือไม่?
Posted: 29 Jan 2017 04:35 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ถ้าGenderเป็นเรื่องที่
แต่บังเอิญGenderไม่ได้เป็นเรื่ องที่จะเข้าใจกันได้ง่าย ๆ เช่นอ่านเขียน ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูกและประเด็น Gender ก็มิได้มีสอนกันในโรงเรียน แต่ Gender เป็นประเด็นที่ซับซ้อนและเข้ าใจได้ยากเพราะเต็มไปด้วยเรื่ องของอำนาจการกดขี่และอคติ ทางเพศจึงเป็นเรื่องยากที่ จะมองเห็นว่า “คดีสุภัคสรณ์” เป็น Hate Crimeหรือไม่ ?
Hate Crime คืออะไร ?
Hate Crimeคือ อาชญากรรมที่มาจากความเกลียดชัง หมายถึงการกระทำผิดทางอาญาที่ผู้ กระทำมีมูลเหตุจูงใจมาจากอคติ หรือความเกลียดชังต่อคนกลุ่มหนึ่ งที่มีเอกลักษณ์บางอย่างแตกต่ างไปจากตนทางด้านศาสนา เชื้อชาติ ภาษา ผิวสี และรสนิยมทางเพศ (นัทธี จิตสว่าง, ความแตกต่างของการก่อการร้ายกั บอาชญากรรมจากความเกลียดชัง, Go to Know, เข้าดู 21 มกราคม 2560)
ข่าว “อุ้มฆ่าทอม” ที่ปรากฏเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ ผ่านมาเป็นเรื่องของ “สุภัคสรณ์ พลไธสง” หญิงบุคลิกทอม ผมซอยสั้น มีรอยสัก ถูกลักพาตัวหายไปและพบว่ ากลายเป็นศพในเวลาต่อมา
เนื้อหาของข่าวถูกรายงานวันต่ อวันนำไปสู่การสืบสาวที่มาที่ ไปว่า “สุภัคสรณ์” คบหาอยู่กับหญิงซึ่งเป็นคนรั กของนายตำรวจชั้นสูงท่านหนึ่ง มีการค้นพบการจีบกันระหว่าง “สุภัคสรณ์” กับหญิงคนดังกล่าวในสั งคมออนไลน์ เนื้อหาข่าวรายงานว่านายตำรวจผู้ ต้องหาได้จ้างวานให้ชาย 5 คนกระทำการลักพาตัว “สุภัคสรณ์” ด้วยจำนวนเงิน 200,000 บาท โดยนายตำรวจให้การว่าแค่ต้องการ “สั่งสอน” ไม่มีเจตนาฆ่า สภาพศพมีการสันนิษฐานว่าผู้ ตายเสียชีวิตจากการถูกทรมาน สภาพศพถูกถอดเสื้อผ้าออกแล้วฝั งลึกใต้พื้นดินประมาณ 2 ฟุตในรีสอร์ทร้างแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี
วิเคราะห์จากวันที่ “สุภัคสรณ์” ถูกลักพาตัวคือกลางเดือนธันวาคม 2559 ไปจนถึงวันพบศพคือต้นเดื อนมกราคม 2560 ซึ่งน่าจะกินเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ จึงอาจสันนิษฐานได้ว่า “สุภัคสรณ์” ไม่ได้ถูก “อุ้ม” เพื่อฆ่าในทันทีแต่มีการกักขั งหน่วงเหนี่ยวและ “ทรมานร่างกาย” จนกระทั่ง “สุภัคสรณ์” เสียชีวิตในที่สุด จากนั้นจึงมีการนำร่างไร้วิ ญญาณของเธอไปฝัง
เหตุใดจึงต้องทำกันขนาดนี้ ?
เป็นเรื่องชวนสงสัยและชวนตั้ งคำถามว่าเหตุใดจึงต้องลงทุนจ้ างวานลักพาตัว “สุภัคสรณ์” ด้วยจำนวนเงินถึง 200,000 บาท ถึงแม้จะมีประเด็นที่ “สุภัคสรณ์” ยืมเงินจากฝ่ายหญิงเป็นประเด็ นถัดมาก็ยังดูเป็นชนวนที่มีน้ำ หนักน้อยเพียงการยืมเงินก็ สามารถทำกันได้ขนาดนี้เชียวหรื อหากมิใช่ประเด็นเรื่องชู้ สาวตามที่ข่าวนำเสนอ
ประเด็นที่น่าสนใจถัดมาในเนื้ อหาของข่าวคือผู้ต้องหารู้สึ กโกรธแค้นเมื่อพบว่า “สุภัคสรณ์” โพสต์ข้อความเหยียดหยามในสั งคมออนไลน์เรื่องขนาดอวั ยวะเพศของผู้ต้องหาว่ามีขนาดเล็ ก เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่เป็นอี กชนวนหนึ่งที่ทำให้เกิ ดการฆาตกรรม “สุภัคสรณ์” อย่างที่สื่อนำเสนอ
สิ่งที่เป็นความมั่ นใจของชายจำนวนหนึ่งก็คื อขนาดของอวัยวะเพศ ผู้ชายหลายคนพยายามสรรหาวิธี ทำอวัยวะเพศของตนเองให้ใหญ่ เพราะคิดว่าเมื่ออวั ยวะเพศของตนเองมีขนาดใหญ่นั่นคื อ ความแข็งแรง ความแมน ความอึดความทนในการมีเพศสัมพั นธ์ ผู้ชายจำนวนไม่น้อยเชื่อว่ าการมีอวัยวะเพศใหญ่เป็นสิ่งที่ จะทำให้ผู้หญิงหลงใหล พวกเขาจึงพากันไปใช้บริการฉี ดอวัยวะเพศของตนให้ใหญ่ตามที่มี การโฆษณากัน
ดังนั้นหากมีใครมากล่าวหาว่าอวั ยวะเพศของตนเล็กก็เหมือนกับเป็ นการเหยียดหยามความเป็นชายซึ่ง ๆ หน้าอันเป็นสิ่งที่ผู้ ชายจำนวนหนึ่งรับไม่ได้ ยิ่งบุคคลผู้กล่าวหาเป็น “ทอมบอย” ยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับชายคนนั้ นมากยิ่งขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่เป็นมู ลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิ ดการฆาตกรรม “สุภัคสรณ์” สอดรับกับคำให้การว่า “แค่ต้องการสั่งสอน”
วาทกรรม “สั่งสอนทอม” สั่งสอนแบบไหน ?
มีบางคนตั้งคำถามว่า “แค่ต้องการสั่งสอน” เป็นการสั่งสอนแบบไหนกันแน่ ?
สังคมไทยมีคำพูดที่กระจั ดกระจายล่องลอยไปทุกหนแห่งเกี่ ยวกับ “คำสั่งสอนทอม” ที่มักจะพูดให้ได้ยินอยู่เสมอว่ า “เดี๋ยวโดนผู้ชายมันก็หายเป็ นทอม” ซึ่งนั่นหมายถึงวาจาล่วงละเมิ ดทางเพศที่มีต่อทอม และเรายังพบว่ามีการล่วงละเมิ ดทางเพศกับทอมอยู่ทั่วไปที่ไม่ เป็นข่าว อย่างนี้มันแปลว่าอะไร ?
“แม่บางคน” ก็ยังให้ผู้ชายมาล่วงละเมิ ดทางเพศลูกทอมของตนเพื่อหวังให้ ลูกหายจากการเป็นทอม นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น การสั่งสอนทอมจึงมีตั้งแต่ทำร้ ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ ไปจนถึงการทำให้หายสาบสู ญไปจากโลกนี้ คำให้การของผู้ต้องหาว่า “แค่ต้องการสั่งสอน” จึงเป็นปริศนาว่าเป็นการสั่ งสอนแบบไหน แค่ทำให้เจ็บตัวทรมานหรือทำให้ หายไปจากโลกนี้ และอะไรเป็นมูลเหตุสำคัญให้ต้ องสั่งสอนถึงขนาดทำให้ “สุภัคสรณ์” เสียชีวิต ?
หากรูปลักษณ์ของ “สุภัคสรณ์” ไม่ได้เป็นทอม แต่เป็น “หญิงรักหญิง” ผมยาว แล้วมาติดพันชอบพอกับหญิงคนรั กของผู้ต้องหา คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เธอจะถูกทำร้ายถึงขนาดจับตั วมาทรมานจนสิ้นใจหรือไม่ หรือเพียงแค่ถูกซ้อมสั่งสอนหรื ออาจจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ นี่เป็นอีกคำถามที่ควรกลับมาคิ ดกันหรือเราอาจจะค้นพบว่าในที่ สุดไม่ว่า “สุภัคสรณ์” จะมีเพศสภาพแบบใดก็ต้องลงเอยด้ วยการถูกกระทำรุนแรงอยู่ดี
คนเรามีแนวโน้มที่จะรังเกี ยจคนที่ไม่เหมือนเราอยู่แล้ว นั่นคือรังเกียจความแตกต่ างและเป็นอื่น (Alienation, Otherness) เรายังคงมีพ่อแม่ที่ยอมรับลูกที่ เป็นทอมไม่ได้ ในโรงเรียนชั้นประถมและมัธยมเด็ กผู้หญิงยังคงถูกห้ามไม่ให้ไว้ ผมรองทรง การห้ามผู้หญิงไว้ผมรองทรงก็คื อห้ามมิให้ผู้หญิงทำตัว “ข้ามเพศ” เรายังคงมีหลายบริษัทไม่รั บกะเทย-ทอม-ทรานแมนเข้าทำงานแม้ แต่งานข้าราชการก็อย่าได้หวังว่ าบุคคลเหล่านี้ (กะเทย ทอม ทราน) จะสามารถเข้าไปยื่นใบสมัครแล้ วได้รับตำแหน่งหน้าที่ การงานในแวดวงราชการอย่างง่ ายดาย
ทั้งหมดนี้เราน่าจะจับชีพจรแห่ งความรังเกียจ “การข้ามเพศ” ที่กระจัดกระจายอยู่ในสั งคมไทยได้ไม่ยาก
ทั้งหมดนี้เราน่าจะจับชีพจรแห่
พฤติกรรมเดียวกันแต่เพศสภาพต่ างกันมีความรังเกียจต่างกัน
สมมติว่ามีผู้ชายมานั่งสูบบุหรี่ ใกล้ ๆ คุณแล้วคุณรู้สึกเหม็นและไม่ชอบ คุณอาจจะแค่รังเกียจการสูบบุหรี่ ของเขาแต่คุณไม่ได้รังเกี ยจความเป็นชายของเขา แต่ถ้าเป็นทอมมานั่งสูบบุหรี่ ใกล้ ๆ คุณอาจจะไม่ได้แค่หงุดหงิดกั บการสูบบุหรี่ของทอมเท่านั้นแต่ คุณอาจพาลเกลียด “ความเป็นทอม” ของเขาไปด้วย
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น เพราะความเป็นชายเป็นเพศสภาพที่ ได้รับการยอมรับในสังคมอยู่แล้ วเราจึงไม่รู้สึกรังเกี ยจความเป็นชายแต่รังเกียจที่ พฤติกรรมของเขา ในขณะที่ “ความเป็นทอม” เป็นเพศสภาพที่นอกกรอบจากบรรทั ดฐานของสังคม ดังนั้นไม่ว่าทอมจะทำอะไรจึงเป็ นเรื่องผิดหูผิดตาคนอื่นไปเสี ยหมด
หรือกะเทยที่วี๊ดว๊าดกระตู้วู้ ส่งเสียงดังคุณอาจจะไม่ได้แค่รั งเกียจบุคลิกจัดจ้านของกะเทยเท่ านั้นแต่คุณอาจรังเกียจ “ความเป็นกะเทย” ของเธอ หรือเกลียด “ภาวะข้ามเพศ” ของเธอไปด้วย กะเทยบางคนมีบุคลิกเรียบร้อยจึ งมักจะโดนรังเกียจตั้งแต่ยังไม่ ได้ทำอะไรเลย
นับประสาอะไรกับคดี ฆาตกรรมทอมคนหนึ่งที่ กระบวนการฆาตกรรมจะไม่มีอะไรเกี่ ยวข้องกับความเป็นทอมเลยเชี ยวหรือ? นี่อาจเป็นคำถามที่ชวนให้ผู้ คนหันมาตระหนักรู้ในเรื่อง “อาการรังเกียจทอม” ที่กระจัดกระจายอยู่ในสั งคมไทยมากยิ่งขึ้น
แล้วผู้หญิงที่เคยรักทอมจะหันมา “เกลียดทอม” จนฆ่าทอมได้หรือไม่
เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ “ดี้” บางคนเคยเป็นแฟนกับทอม ต่อมาเลิกกันเพราะทอมหันไปมี คนอื่น จึงปักใจโกรธเกลียดทอม ซึ่งภาวะ “เกลียดทอม” นี้ไม่ได้เกลียดเฉพาะทอมที่ เคยเป็นคนรักเก่าเท่านั้น แต่พาลเกลียดทอมทุกคนที่เห็นหรื อเกลียดทอมทุกคนบนโลกก็มีเหมื อนกัน
จึงมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายหญิ งอาจเป็นฝ่ายบงการอุ้ม “สุภัคสรณ์” เสียเองตามที่กระแสข่าวส่วนหนึ่ งนำเสนอว่าอาจจะเป็นเช่นนั้น ซึ่งก็คงต้องคอยเฝ้าดูการสรุ ปผลรูปคดีของตำรวจกันต่อไปว่ าจะลงเอยในแบบใด
ผู้รับจ้างฆ่ามักเป็น “เพศชาย”
เราเคยตั้งข้อสังเกตกันบ้างหรื อไม่ว่าเหตุใดผู้รับจ้างฆ่าหรื อมือปืนจึงมักเป็นเพศชาย ไม่ค่อยมีเพศหญิงหรือเพศสภาพอื่ น ๆ เข้ามารับงานลักษณะนี้
การที่เพศชายเป็นเพศที่รับจ้ างฆ่าไม่ว่าจะเป็นคดีฆาตกรรมใด ๆ ก็ตามโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “คดีสุภัคสรณ์” ทำให้คดีนี้กลายเป็นคดี ฆาตกรรมที่รุนแรงระหว่าง “เพศชาย” กระทำกับ “ทอม” ไปโดยปริยาย ไม่ว่าผู้ว่าจ้างหรือผู้ บงการจะเป็นเพศใดก็ตาม
ตั้งแต่กระบวนการ “อุ้ม” จนถึงขั้นตอน “ทรมาน” นำไปสู่การ “ฆาตกรรม” ประกอบไปด้วยผู้รับจ้างชาย 5 คน เป็นไปได้หรือไม่ว่าขณะรับงาน ผู้รับจ้างทั้งหมดเมื่อทราบข้ อมูลและรูปถ่ายว่าพวกตนต้องลั กพาตัว “ทอม” ไปสั่งสอน ในจังหวะที่รับรู้นั้น “ความรังเกียจทอม” ที่มีอยู่ในใจแต่เดิมก็เริ่มก่ อตัวขึ้น ในขณะ “อุ้ม” เมื่อ “สุภัคสรณ์” ปกป้องขัดขืนก็เริ่มมี โทสะผสมผสานกับความรังเกี ยจทอมที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งทวี ความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้นก็ยิ่ งลงไม้ลงมือหนักขึ้น ทั้งขณะ “ทรมานร่างกาย” ก็รู้สึกสะใจที่ได้กระทำรุ นแรงกับบุคคลที่เป็นทอมจนกระทั่ ง “สุภัคสรณ์” สิ้นใจไปในที่สุด
นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเกิดขึ้นกับขณะจิตของผู้ กระทำการฆาตกรรมทั้ง 5 คนซึ่งเป็นเพศชายทั้งหมดกระทำกั บทอมคนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่น่าคิด
ไม่เคยมีการเปลือยศพทอมลักษณะนี้ มาก่อน
เรามักจะพบข่าวเปลือยศพตามหน้ าข่าวอยู่บ้าง แต่สำหรับข่าวเปลือยศพนี้เป็นข่ าวแรกที่กระทำกับหญิงผู้มีอัตลั กษณ์ทอม มันแปลว่าอะไร ? เหตุใดจึงต้องเปลือยศพทอม ?
นี่คือ Hate Crimeหรือเปล่า ?
นี่คือความรังเกียจทอม ไม่ต้องการให้ทอมมีตัวตนอยู่ บนโลกนี้ใช่หรือไม่?
คล้าย ๆ กับเป็นการอนาจารศพ เหมือนกับว่าในเมื่อเป็ นทอมเวลาตายก็ไม่จำเป็นต้องให้ เกียรติผู้ตาย ให้ตายแบบเปลือย ๆ ดูคล้ายกับเป็นสัญลักษณ์อย่ างหนึ่ง
เป็นไปได้ยากที่จะคิดว่าผู้ ตายเป็นเพียง “ผู้หญิง” คนหนึ่ง จึงเป็นประเด็นที่สามารถตั้ งคำถามได้ว่า “เพราะเป็นทอมใช่ไหมจึงต้องลงทุ นทำร้ายกันขนาดนี้”
เราไม่มีกฎหมาย “อาชญากรรมแห่งความรังเกียจ” เราจึงไม่มีแว่นที่จะใช้ส่องเพื่ อเฝ้ามองเรื่อง Gender
ในประเทศที่ยังไม่มีกฎหมายคุ้ มครองความแตกต่างในเรื่องเพศ สีผิว เชื้อชาติ ภาษาและศาสนา จะเป็นไปได้หรือที่คดีฆาตกรรมที่ มีความเกี่ยวพันกับเรื่ องเพศสภาพจะสามารถสืบสวนไปสู่มู ลเหตุจูงใจแห่งการฆ่า “เพราะเหตุว่าเธอเป็นทอม”
จุดมุ่งหมายของกฎหมาย Hate Crime เกิดขึ้นมาก็เพื่อปกป้องสิทธิ ของคนที่แตกต่างมิให้ถูกทำร้าย สถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อกฎหมายตั วนี้กระทำไปพร้อม ๆ กับให้การศึกษาแก่สังคมได้ ตระหนักรู้ถึงความแตกต่างไม่ว่ าใครจะมีความแตกต่างแค่ ไหนพวกเขาก็ไม่ควรถูกทำร้ายอั นเนื่องมาจากความแตกต่างที่ พวกเขาเป็น อย่างน้อยการทำร้ายกันด้ วยความรังเกียจก็จะไม่เกิดซ้ำ และสังคมควรเรียนรู้ว่าทุกเพศมี สิทธิ์เติบโตและดำรงอยู่ บนโลกอย่างเท่าเทียมกัน
และถึงแม้จะมิได้มีอะไรแตกต่ างไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม จะเป็นผู้ชาย จะเป็นผู้หญิง ก็มิควรถูกทำร้าย
ไม่ว่าผลของรูปคดีนี้จะสรุ ปออกมาเป็นอย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นความรุ นแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ งที่มีอัตลักษณ์ทอม หากจะพูดว่ามันเป็น Hate Crimeก็ถือว่าเป็น Hate Crime ที่แนบเนียนเสียจนคนทั่ วไปมองไม่ออกว่ามันเป็น Hate Crime ตรงไหน
Hate Crime ที่มีต่อทอมนั้นมีมาระยะหนึ่ งแล้วแต่เราไม่เคยมีการนำมาพู ดคุยกัน บทความนี้ต้องการตั้งข้อสั งเกตและตั้งคำถามต่าง ๆ นานากับ “คดีสุภัคสรณ์” ในบรรยากาศที่สังคมไทยยังคงมี ความรังเกียจทอมตลบอบอวลอยู่ทั่ วไป เป็นไปได้หรือที่คดี “สุภัคสรณ์” จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกั บความเป็นทอมเลย ?
หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกใน .teenpath.net
แสดงความคิดเห็น