Posted: 30 Jun 2017 04:36 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

'สมชาย' แถลงปิดคดีสลายชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ 51 ย้ำช่วงเกิดเหตุไม่ได้มีการกำชับคำสั่งใดเป็นพิเศษ ระบุมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต กำกับดูแลร่วมกับตำรวจ ได้สั่งห้ามใช้แก๊สน้ำตา ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคุมสถานการณ์อย่างละมุนละม่อม ไม่ให้เกิดความเสียหาย นัดฟังคำพิพากษา 2 ส.ค.นี้


แฟ้มภาพ เว็บไซต์ www.ptp.or.th

30 มิ.ย. 2560 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แจ้งวัฒนะ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาแถลงปิดคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 โดย สมชาย กล่าวภายหลังด้วยว่า การต่อสู้ตามขั้นตอนปกติ เพราะเชื่อมั่นว่าตนไม่ผิด ส่วนการสืบพยานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย เพราะทีมกฎหมายทำงานเต็มที่ ท้ายสุดการวินิจฉัยเป็นอำนาจของศาล ขอยืนยันว่ากระบวนการดำเนินไปตามปกติ ไม่มีวิธีใดแตกต่างจากคดีอื่นเป็นพิเศษ ทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายตนแสดงความบริสุทธิ์ตามพยานหลักฐาน และเชื่อมั่นในคำตัดสินของศาล ที่นัดพิพากษาในวันที่ 2 ส.ค. นี้

รายงานระบุด้วยว่า หลังการไต่สวนพยานจำนวน 5 ปาก เสร็จสิ้น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ยื่นคำแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรและแถลงการณ์ปิดคดีด้วยวาจาต่อศาล ในคดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 โดยได้ขอความเป็นธรรมต่อศาล ตนไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามที่ถูกกล่าวหา และไม่เคยคิดร้ายหรือเลือกปฏิบัติ ไม่มีคำสั่งใดที่ละเมิดต่อกฏหมายและสั่งให้สลายการชุมนุม

สมชาย ยังชี้แจงถึงเหตุการณ์ในวันที่ 6-7 ต.ค. 2551 ว่า ได้เรียกประชุม ครม. เพื่อประเมินสถานการณ์ในการเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เนื่องจากประธานรัฐสภา ระบุว่าไม่สามารถเลื่อนวันหรือเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายได้ โดยไม่ได้มีการกำชับคำสั่งใดเป็นพิเศษ แต่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี กำชับดูแลเหตุการณ์ในขณะนั้น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และระหว่างปฏิบัติงานได้สั่งห้ามใช้แก๊สน้ำตา ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาควบคุมสถานการณ์อย่างละมุนละม่อม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้รับรายงาน เนื่องจากการดูแลความเรียบร้อยเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของตำรวจ

สมชาย กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. 51 ในช่วงเกิดสถานการณ์ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่ได้สั่งการใด ๆ ทั้งสิ้น และหลังแถลงนโยบายเสร็จได้เดินไปกองบัญชาการกองทัพไทย ตนทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และรับราชการมาหลายปี เป็นทั้งตุลาการ ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ไม่เคยมุ่งร้ายต่อฝ่ายใด มีแต่ทำงานด้วยความประนีประนอม ซึ่งเกิดเหตุการณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูแลประชาชนทุกคนไม่คิดทำร้ายคนไทยด้วยกัน

ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 2 ส.ค. เวลา 09.30 น. พร้อมกำชับจำเลยที่ 2 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้มาฟังคำพิพากษาตามนัด ทั้งนี้การที่ศาลนัดฟังคำตัดสินเกิน 7 วัน เนื่องจากมีพยานและเอกสารจำนวนมากที่ต้องพิจารณา

ที่มา : สำนักข่าวไทย

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.