Posted: 29 Dec 2018 09:47 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-30 12:47


เริ่มแล้ว ศรีสุวรรณ ตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช. 5 คนที่เป็นเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 ในการพิจารณากรณี ตีตกนาฬิกาหรูประวิตร

30 ธ.ค.2561 จากที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง ยกคำร้องกรณีครอบครองนาฬิกาหรูและแหวนเพชรโดยที่ไม่ได้แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิ้นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้น

ล่าสุดข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (30 ธ.ค.61) ที่ร้าน CHA-SRISUWAN หน้าตลาดยิ่งเจริญ (ประตู 3) สะพานใหม่ ดอนเมือง ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช. 5 คนที่เป็นเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 ในการพิจารณากรณีดังกล่าว

ศรีสุวรรณ กล่าวว่า ป.ป.ช. วินิจฉัยไม่ถูกต้องและทำให้บรรทัดฐานในการเอาผิดนักการเมือง ที่เข้าข่ายทุจริตคอร์รัปชั่นไม่เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจ ก็ต้องอาศัยช่องของกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 และ 237 ที่กำหนดไว้ ให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 20,000 รายชื่อ สามารถเข้าชื่อเพื่อนำเสนอไปยังประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ตั้งผู้ไต่สวนอิสระขึ้นมา เพื่อเสาะแสวงหาพยานหลักฐาน เอาผิดคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 5 คน ว่าเข้าข่ายใช้อำนาจซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือเข้าข่ายประมวลจริยธรรมหรือไม่อย่างไร

ใช้เวลาเกือบปี ป.ป.ช. ลงมติ 5:3 แหวนมารดา-นาฬิกายืมเพื่อนไม่ผิด พล.อ.ประวิตร รอด

วันนี้ทางสมาคมฯ จึงถือเป็นวันแรกที่จะตั้งโต๊ะให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้มีสิทธิ์ และมีส่วนในการกำหนดมาตรฐานของสังคมไทย และนอกจากจะใช้จุดนี้เป็นจุดให้ประชาชนได้ลงชื่อถาวรกว่าจะครบ 20,000 รายชื่อแล้ว ตนก็จะเดินทางไปยังต่างจังหวัดเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในต่างจังหวัด ได้มีส่วนร่วมเข้าชื่อในการเอาผิด 5 ป.ป.ช. และคาดว่า ประมาณ 2 สัปดาห์จะได้รายชื่อครบ 20,000 รายชื่อ



ต่อคำถามที่ว่า ทำไมถึงถอดถอนเพียง 5 กรรมการป.ป.ช. นั้น ศรีสุวรรณ กล่าวว่า ป.ป.ช.ทั้งหมดมี 9 คน แต่เสียงข้างน้อยมีแค่ 3 คน ประธานป.ป.ช. ขอถอนตัวจากการร่วมพิจารณา ดังนั้นก็ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย จึงจำเป็นต้องดำเนินการเพียง 5 คนเท่านั้น

[full-post]


Posted: 30 Dec 2018 03:14 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-30 18:14


'ปิยบุตร' จัดอันดับ '3 ที่สุดกฎ กกต.' ยก 'ห้ามระดมทุนออนไลน์' อับดับ 1 ไม่เข้าใจว่า เป็นยุค 4.0 แต่ทำไม ทำไม่ได้ ขณะที่ 3 ที่สุด 'กิจกรรมพรรคการเมือง' ยกปรากฏการณ์ 'ดูด ส.ส.' อันดับ 1

30 ธ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟสบุ๊คเพจพรรคอนาคตใหม่ - Future Forward Party ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จัด 3 อันดับที่สุด "กฎเกณฑ์การเลือกตั้ง" ที่เป็นข่าวในช่วง 2561 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า อันดับ 3 เกี่ยวกับ บัตรเลือกตั้ง ไม่มี สัญลักษณ์พรรค และ ชื่อพรรค ซึ่งตอนแรก กกต.ตั้งใจจะออกแบบบัตรเลือกตั้งมาแบบนี้ ให้ประชาชนจดจำหมายเลขผู้สมัคร แล้วเข้าคูหา แต่ทว่า มีเสียงต่อต้านมาก จึงเปลี่ยนกลับมา ให้มีสัญลักษณ์พรรค และ ชื่อพรรค เหมือนเดิม

อันดับ 2 เกี่ยวกับ การแบ่งเขตเลือกตั้ง แบบพิสดาร ซึ่ง กกต. เปิดรับฟังความคิดเห็น จากพรรคการเมืองต่างๆ เกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง แต่สุดท้ายแล้ว ความเห็นต่างๆ ก็ไม่ได้ถูกนำไปใช้ จนในที่สุด ก็เกิดการแบ่งเขตเลือกตั้ง แบบพิสดารขึ้นมา ยกตัวอย่าง จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมืองเพียงอำเภอเดียว ถูกแบ่งออกเป็นถึง 4 เขต หรือ จังหวัดสุโขทัย แบ่งเขตเลือกตั้ง แบบโยงกันเป็นเส้น ข้ามกันไป ข้ามกันมา เป็นต้น

"สำหรับที่สุดของกฎเกณฑ์การเลือกตั้ง อันดับ 1 เกี่ยวกับการจัดกิจกรรมระดมทุน การขายสินค้าและของที่ระลึก และการรับบริจาค ยุคนี้เป็นยุคที่เราบอกว่า เป็นไทยแลนด์ 4.0 แต่ปรากฏว่า การขายสินค้าที่ระลึกของพรรคการเมือง เพื่อระดมทุนสนับสนุนเงิน ให้กับพรรคการเมืองต่างๆ ปรากฏว่า ขายสินค้าที่ระลึกทางออนไลน์ไม่ได้ ต้องตั้งสินค้าบนแผงต่างๆ ให้คนมาซื้อ การจัดกิจกรรมระดมทุนก็เช่นกัน ไม่สามารถทำได้ การรับบริจาค ก็ทำได้เพียงแค่ คณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ในขณะที่ พรรคการเมืองของประชาชน ที่ไม่ต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ เราจำเป็นต้องรับบริจาคเงิน จากบุคคลภายนอกให้มาก แต่ กกต. ก็ตีความว่า ติดล็อกคำสั่ง คสช. ไม่สามารถทำได้ แทนที่ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ มีหน้าที่ส่งเสริมพรรคการเมือง จะตีความให้เป็นคุณกับพรรคการเมือง แต่กลับตีความไปขยายอำนาจให้ คสช. แต่อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือตั้งใจ เพราะหลังจากที่ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศอยากที่จะเปิดระดมทุน โดยการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน ซึ่งเขาสามารถระดมทุนได้ 650 ล้านบาท พอพรรคพลังประชารัฐตัดสินใจจะ ระดมทุน คสช.ก็ปลดล็อกให้พอดี ทำให้ตอนนี้ ทุกพรรคการเมือง สามารถเปิดรับบริจาค และระดมทุนได้แล้ว แต่สำหรับ การขายสินค้าออนไลน์ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ยังคงทำไม่ได้เช่นเดิม" ปิยบุตร กล่าว
3 ที่สุด "กิจกรรมพรรคการเมือง" ยกปรากฏการณ์ "ดูด ส.ส." อันดับ 1

ขณะที่ วานนี้ (29 ธ.ค.61) พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ จัด 3 อันดับที่สุด กิจกรรมพรรคการเมืองในปี 2561 โดย พรรณิการ์ กล่าวว่า เริ่มต้นที่อันดับ 3 คือ กิจกรรมเดินคารวะแผ่นดินของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นชื่อกิจกรรมที่น่ายกย่อง ตรงกับคอนเซ็ปต์พรรค ถ้าใครติดตามดูเฟสบุ๊กไลฟ์ของพรรค รปช. จะเห็นว่าเป็นสีสันอย่างมาก แม้แต่เราเอง ก็อยากรู้ว่า คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะไปเจอกับอะไรบ้าง พ่อค้าแม่ค้าจะเข้ามาชื่นชมไหม ใครจะเข้ามามอบดอกไม้ หรือมีใครจะเข้ามาคืนนกหวีดให้หรือเปล่า ซึ่งแม้จะเจอกับอุปสรรคต่างๆ แต่คุณสุเทพ ก็ยืนหยัดเดินหน้าต่อไป ก็ขอเป็นกำลังใจให้พรรค รปช. กับกิจกรรมเดินคารวะแผ่นดิน คาดว่าปีหน้าจะมีสีสันยิ่งขึ้นอีก

พรรณิการ์ กล่าวว่า อันดับที่ 2 การระดมทุนโต๊ะจีน พรรคพลังประชารัฐ ซึ่ง 200 โต๊ะจองเต็มไม่ถึงสัปดาห์ คืนเดียว ได้เงินถึง 650 ล้านบาท ซึ่งอดไม่ได้ ที่จะเทียบกับพรรคอนาคตใหม่ ที่ไม่รู้ว่า ต้องขายของที่ระลึกกี่ชิ้น จึงจะเท่ากับหนึ่งคืนของพรรคพลังประชารัฐ นี่เป็นความแตกต่างระหว่างการระดมทุนของคนธรรมดา กับพรรคที่มีนายทุนใหญ่สนับสนุน แต่อย่างไรก็ตาม มีประเด็นข้อครหาตามมา คือ มีชื่อของหน่วยงานรัฐบนโต๊ะต่างๆ กับคำถามที่ว่าเอาเงินรัฐมาใช้หรือไม่ มีการล็อบบี้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางพรรคพลังประชารัฐต้องตอบคำถามกับสังคม

"สำหรับกิจกรรมพรรคการเมือง ที่เรายกให้เป็นอันดับ 1 คือ ปรากฎการณ์ดูด ส.ส. ซึ่งไม่แน่ใจว่าเคยมีการดูดแบบนี้มาก่อนหรือไม่ แต่ครั้งนี้ชัดเจนที่สุด เป็นการดูดยกพื้นที่ ดูดยกจังหวัด เข้าใจอยู่ว่า การย้ายพรรคของ ส.ส. ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด สามารถเกิดขึ้นได้ แต่คำว่า ดูด นั้นไม่ใช่ระดับธรรมดา เพราะหลายอย่าง ชักชวนโดยผลประโยชน์หรือไม่ การใช้คดีความกดดันหรือไม่ เป็นที่ครหา ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหม่ ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกแปลกใจและการดูดนี้เอง ก็ทำให้ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, คุณไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนสมาชิกพรรค และ คุณจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค โดนคดี พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ จากการวิจารณ์เรื่องนี้ ในรายการ คืนวันศุกร์ให้ประชาชน แต่ไม่ว่าคนส่วนใหญ่จะวิจารณ์ปรากฏการณ์ดูดอย่างไร ก็ยังมีการดูดต่อไป ซึ่งน่าติดตามว่าการดูดแบบนี้ จะนำไปสู่ชัยชนะของ พรรคพลังประชารัฐหรือไม่" พรรณิการ์ กล่าว

[full-post]


Posted: 30 Dec 2018 03:42 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-30 18:42


ปฏิเสธส่งสัญญาณสั่งเลื่อนเลือกตั้ง รัฐบาลยันยึดโรดแมปตามเดิม 24 ก.พ.62 หากมีเหตุต้องเลื่อน กกต.ต้องให้เหตุผลและอธิบายกับประชาชนให้เข้าใจ 'อภิสิทธิ์' เตือนหากเลื่อนผู้มีอำนาจเสียหาย ขาดความน่าเชื่อถือ 'วรชัย' ชี้หากกกต.รับลูกเน่าแน่


30 ธ.ค.2561 จากกรณีมีกระแสข่าวว่าอาจมีการเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกราว 1 เดือน เนื่องจากปัญหาการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งอาจเสร็จไม่ทันตามกำหนด พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุว่า การจะพิจารณากำหนดวันเลือกตั้ง เป็นดุลยพินิจของ กกต. ซึ่งจะประกาศกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 5 วันหลัง พ.ร.ฏ.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้ โดยระยะเวลาที่กำหนดวันเลือกตั้งได้คือตั้งแต่ 24 ก.พ.- 9 พ.ค.2562 ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต. นั้น

วานนี้ (29 ธ.ค.61) พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ตนไม่ทราบถึงกระแสข่าวดังกล่าว แต่ยืนยันรัฐบาลยังยึดโรดแม็ปเลือกตั้งเดิม 24 ก.พ.62 ทั้งนี้ หากมีปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปจริง กกต.ต้องให้เหตุผลและอธิบายกับประชาชนให้เข้าใจ เพราะรัฐบาลไม่มีเหตุผลใดที่ต้องเลื่อน และขณะนี้ไม่มีสัญญาณอะไรจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลถึงกรณีดังกล่าว

วันนี้ (30 ธ.ค.61) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสเลื่อนเลือกตั้งเช่นกัน ว่า วันนี้อย่าไปทำอะไรให้กระทบกับความสะดวก ความเข้าใจของประชาชน อย่าทำอะไรให้กระทบกับความเชื่อมั่นที่ชาวไทย และชาวโลกมี เพราะถ้าเลื่อนไปอีก ขอเรียนตรงๆ ว่าคนที่เสียหายที่สุด คือ ผู้มีอำนาจ เพราะขาดความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น ไม่สามารถเดินหน้าตามสิ่งที่ตัวเองได้ประกาศไว้ ส่วนกรณีเลขากกต.ไม่สามารถบอกได้ว่าเลือกตั้งจะเลื่อนหรือไม่นั้น ต้องไปถาม กกต.ว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง เหตุผลคืออะไร

ขณะที่ วรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า กรณีกระแสข่าวการเลื่อนเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่าเรื่องนี้มีปัญหา เพราะได้ข่าวว่ากระแสของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แพ้กระฉูด ได้แค่ร้อยละ 4-5 เท่านั้น เพราะฉะนั้นมีการประชุมและตกลงกันว่าถ้าเป็นแบบนี้แพ้แน่ คงจะต้องเลื่อนไปก่อน โดยรัฐบาลจะให้ กกต.ประกาศเลื่อนเลือกตั้งโดยให้เหตุผลพิมพ์บัตรไม่ทัน ซึ่งก่อนหน้านี้ กกต.ยืนยันชัดเจนมาตลอดว่า พิมพ์บัตรทันแน่นอน ดังนั้นถ้า กกต.จะรับลูก คสช.ก็จะเน่าไม่ต่างจาก ป.ป.ช.ที่ลงมติเรื่องนาฬิกาหรู ซึ่ง กกต.และ ป.ป.ช.มาจาก คสช.ก็จริง แต่กินเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน ต้องยึดหลักการไม่ใช่เอนเอียงให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถ้า กกต.เป็นคนเลื่อนเลือกตั้ง คนก็จะด่า กกต.และไม่เชื่อถือในการจัดเลือกตั้งอีกต่อไป ดังนั้นวันนี้ไม่ควรเลื่อนเลือกตั้ง อยู่ๆ จะมาบอกว่าไม่ทันคนจะไม่เชื่อแล้ว ทั้งนี้กระแสข่าวนี้ทำประชาชนสับสนไปหมด ขอให้ประธาน กกต.ต้องยืนหยัดนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยให้ได้ เอาความชอบธรรมของประเทศกลับคืนมา



ที่มา ไทยโพสต์, เวิร์คพอยด์นิวส์, ไทยรัฐออนไลน์

[full-post]


Posted: 30 Dec 2018 04:26 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-30 19:26

ลำดับเหตุการณ์หลังปล่อยเพลง #ประเทศกูมี และ #8barsRAD ตั้งแต่รองฯ ศรีวราห์สั่งสอบก่อนทะลุล้านวิวจนได้ข้อสรุปว่า “ฟังได้ ร้องได้ แชร์ได้ ไม่ผิด” ถึงมติ ป.ป.ช. 5 : 3 แหวนมารดานาฬิกายืมเพื่อนไม่ผิด และคลิป Parody จนถึง Reaction #ประเทศกูมี จาก Yoshi300 ถึง สัญญาลักษณ์ ดอนศรี "ประเทศมึงไม่มี You land no have" จากรีวิวโดย ANMLY YouTuber อังกฤษ ถึง คลิปตลกคณะเหยิน สกอร์เปี้ยนในงานวันเกิดเป้ ไฮร็อค


13 ตุลาคม 2561 RAP AGAINST DICTATORSHIP ปล่อย Official Audio "ประเทศกูมี TH" (ชมคลิป)

22 ตุลาคม 2561 RAP AGAINST DICTATORSHIP ปล่อย MV " ประเทศกูมี" (ชมคลิป)

23 ตุลาคม 2561 RAD ชวนร่วมกิจกรรม "ประเทศกูมี 8 BARS CHALLENGE" โดยดาวโหลดบีทแล้วอัพโหลดเพลงลงใน Facebook หรือ YouTube พร้อมใส่แฮทแท็ก #ประเทศกูมี #8barsRAD โดยมีผู้ร่วมสนุกแต่งเนื้อร้องต่อเป็นจำนวนมาก (ชมคลิป)

26 ตุลาคม 2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กล่าวว่าดูคลิป “ประเทศกูมี” แล้วเนื้อหาจะผิดหรือไม่เท่าที่ดูจากคลิปก็ 50-50 ต้องให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตรวจสอบอีกครั้งว่าเนื้อหาเข้าข่ายขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือไม่ ส่วนคนที่อยู่ในคลิปก็จะต้องเชิญตัวมาให้ปากคำว่ามีเจตนาที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือขัดคำสั่ง คสช.ด้วยหรือเปล่า

ด้านพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารู้สึกเสียใจกับเพลงนี้ ในคลิปมีซับไตเติลเป็นภาษาอังกฤษ ผมเห็นเนื้อหาเหมือนต่อว่ารัฐบาล แต่สุดท้ายคนที่เสียหายมากที่สุดคือประเทศไทย (อ่านข่าว)

ที่สุดแห่งปี 2018

26 ตุลาคม 2561 #ประเทศกูมี ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ใน Twitter ด้านรองโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เปิดเผยว่าตำรวจ บก.ปอท. กำลังตรวจสอบว่าผู้ปรากฎในคลิปเป็นใคร เพราะว่าเนื้อหาค่อนข้างให้ร้ายประเทศไทย ทำให้ประเทศเสียหายอยู่หลายเรื่อง (อ่านข่าว)

ช่อง "ตีลังกาดูหนัง" ทำคลิป "ตีลังกา REACTION - RAP AGAINST DICTATORSHIP - ประเทศกูมี" ให้กำลังใจศิลปินที่ร้องเพลงประเทศกูมี (ชมคลิป)


28 ตุลาคม 2561 ณอน บูรณะหิรัญ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง ทำคลิป "RAP AGAINST DICTATORSHIP REACTION / ประเทศกูมี" โดยแสดงรีแอคชันหลังชม MV ประเทศกูมี พร้อมให้กำลังใจ "ที่อเมริกามี The First Amendment คือบุคคลสามารถแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์ได้อย่างเสรี ฮิพฮอพถูกสร้างมาเพื่อช่วยสังคม เพื่อระบายอารมณ์ และบางสิ่งที่คนบางคนไม่กล้าพูด มันจึงเป็นศิลปะที่ถูกสร้างมาให้ใช้แบบนี้" (ชมคลิป)


29 ตุลาคม 2561 จั๊ด ธีมะ กาญจนไพริน เล่าข่าวในรายการ "ข่าวเย็นช่องวัน" (ชมคลิป) ทางช่อง One31 และในรายการ "ฟ้าทะลายโจร" (ชมคลิป) ทางช่อง Bluesky หรือฟ้าวันใหม่ โดยมีเนื้อหาและจุดยืนของจั๊ด ธีมะ ในบางช่วงแตกต่างกันจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก

ทำให้ต่อมาในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ในเฟสบุ๊คเพจ JudgeJudd เขาได้โพสต์บทความ "อำลา “ฟ้าทะลายโจร”" เปิดเผยว่าได้ยุติการจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์ Bluesky (อ่านข่าว)

30 ตุลาคม 2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ได้เรียกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ที่เกี่ยวข้องการสืบสวนสอบสวนกรณี "ประเทศกูมี" โดยบอกว่ายังไม่มีหมายเรียกใคร ไม่จำเป็นต้องเชิญใครมาในตอนนี้ อย่าให้ราคามาก "ยอมรับว่าในชั้นนี้ยังไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ ตอนนี้ฟังได้ ร้องได้ แชร์ได้ ไม่ผิด" (อ่านข่าว)

18 พฤศจิกายน 2561 ADZ และ Terry ชาวอังกฤษในช่อง ANMLY ทำคลิป "RAP AGAINST DICTATORSHIP - ประเทศกูมี Reaction | UK Artists React To Thai Rap!!!" โดยเป็นการรีแอคชันและวิจารณ์เนื้อหาและมิวสิควิดีโอเพลง (ชมคลิป)


20 พฤศจิกายน 2561 นักแสดงตลก "คณะเหยินสกอร์เปี้ยน" ร่วมแสดงตลกในงานวันเกิดเป้ ไฮ-ร็อก นักดนตรีชื่อดัง ช่วงหนึ่งได้ร้องเพลงประเทศกูมี และแปลงเนื้อร้อง 8 bars ช่วงเริ่มต้นเพลงเป็น "แม่กินเป็บซี่ พ่ออยู่ใต้รึ" และ "พ่อมึงตาย แม่มึงสิ" รวมทั้งมีนักแสดงตลกอย่าง "น้าเยาว์ สกอร์เปี้ยน" ที่แต่งตัวคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รวมทั้งมีนักแสดงตลกอีกรายสวมบทบาทคล้าย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ชมคลิป)

5 ธันวาคม 2561 RAD ยกทีมไปเล่นโชว์กันครั้งแรก ที่งาน MAHA SUP YAH PARTY ที่ร้านแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม ก่อนที่ช่วงกลางงานจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจปัสสาวะ และตรวจบัตรประชาชน ผู้ที่มาร่วมงานทุกคนอย่างละเอียด และควบคุมตัวเยาวชนที่อายุไม่ถึงเกณฑ์เข้าสถานบันเทิง

22 ธันวาคม 2561 RAD ร่วมกับศิลปินแนวอันเดอร์กราวด์จะแสดงดนตรีที่ร้าน STEP UP ลาดกระบัง

23 ธันวาคม 2561 หนุ่มซิ่งรถเก๋งติดสติ๊กเกอร์ 'ประเทศกูมี' ชนเสาไฟฟ้าบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี (อ่านข่าว)

27 ธันวาคม 2561 มติ ป.ป.ช. มีมติ 5:3 ยกคำร้องปมแหวนมารดา-นาฬิกายืมเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เชื่อยืมเพื่อนมาจริง ส่วนแหวนเป็นมรดก


คลิป Parody "ประเทศกูมี"


Yoshi300 "ที่นี่ไม่มี (ประเทศกูมี 8 Bars Challenge)" (26 ต.ค. 2561) (ชมคลิป)

OKyouLIKEs "ประเทศผมมี (ได้แรงบันดาลใจจากเพลง ประเทศกูมี)" (27 ต.ค. 2561) (ชมคลิป)


สัญญาลักษณ์ ดอนศรี "ประเทศมึงไม่มี You land no have" (27 ต.ค. 2561) (ชมคลิป)

HONCOOL KK GAMER "ประเทศกูมี (Ver. ROV)" (5 พ.ย. 2561) (ชมคลิป)
เมียกูมี - หมากแอปเปิ้ลโปรเจ็ก [cover ประเทศกูมี] (22 พ.ย. 2561) (ชมคลิป)

fedfeclip "เซเว่นกูมี - FEDFE" (24 พ.ย. 2561) (ชมคลิป)

เพจเบื่อเมีย "RAP AGAINST DICTATOR WIFE - ประเภทของเมีย" (12 ธ.ค. 2561) (ชมคลิป)

ฯลฯ

‘ประเทศกูมี’ แร็ปต้านเผด็จการ สัมภาษณ์กลุ่มแร็ปเปอร์และผู้กำกับมิวสิควิดีโอ, 25 ตุลาคม 2561
ส่องรีแอคชั่นจากยูทูบเบอร์ ไทย-เทศ ต่อ ‘ประเทศกูมี’, 2 พฤศจิกายน 2561
ประเทศกูมี : ขบถอำนาจรัฐด้วยศิลปะและดนตรีการเมืองร่วมสมัย, 6 พฤศจิกายน 2561
เกษียร เตชะพีระ: ทำไมประเทศกูถึงมี “ลัทธิชังชาติ”, 10 พฤศจิกายน 2561
















[full-post]


Posted: 30 Dec 2018 07:01 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-30 22:01


ใจ อึ๊งภากรณ์

เมื่อไม่นานมานี้มีสหายท่านหนึ่งตั้งคำถามในโซเชียลมีเดียว่าทำไมพรรคการเมืองไทยไม่ค่อยสนใจประเด็นสิทธิทางเพศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะสิทธิของคนรักเพศเดียวกัน และสิทธิของคนข้ามเพศ

หลายคนเมื่อพูดถึงคนที่เป็นคนรักเพศเดียวกัน หรือคนข้ามเพศ มักจะพูดในทำนองทีตลกขบขัน หรือมองว่าเป็นคนที่ผิดจากมนุษย์ธรรมดา แต่สำหรับนักสังคมนิยม เราตั้งคำถามว่า “เกย์ ทอม ดี้ กะเทย เป็นมนุษย์เพี้ยน หรือ ระบบมันเพี้ยน?” และเราตอบเองว่าปัญหาอยู่ที่ระบบทุนนิยมและชนชั้น เพราะระบบปัจจุบันเน้นครอบครัวจารีตแบบผัวเมียพ่อแม่ ซึ่งแนวคิดนี้กีดกันสิทธิทางเพศของคนรักเพศเดียวกัน ของคนข้ามเพศ และของสตรี ผู้มีอำนาจในระบบทุนนิยมพยายามสร้างให้สังคมมีเพียงสองเพศเท่านั้น เพศอื่น ๆ ที่ดำรงอยู่ในสังคม ถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติเป็นเรื่องแปลกประหลาด ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย สังคมไทยและสังคมเอเซียแถบนี้มีคน “เพศที่สาม” มาพันๆ ปี สังคมตะวันตกก็เช่นกัน

เหตุผลที่มีแนวคิดครอบครัวจารีตคือ มันเกี่ยวข้องกับการผลิตมนุษย์รุ่นต่อไป มันเกี่ยวกับความต้องการแรงงานรุ่นต่อไปแบบราคาถูก คือยกให้เป็นเรื่องภาระปัจเจกในการเลี้ยงเด็กของสังคม โดยผู้หญิงต้องรับภาระนี้เป็นหลัก

แต่เมื่อทุนนิยมพัฒนามากขึ้นและดึงผู้หญิงเข้าไปในสถานที่ทำงานมากขึ้น เพราะขาดแคลนกำลังงาน ผู้หญิงเหล่านั้นมั่นใจที่จะพึ่งตนเอง และมั่นใจมากขึ้นที่จะรวมตัวกับผู้หญิงคนอื่นในการเรียกร้องสิทธิ การเรียกร้องสิทธิของมวลชนในรูปแบบนี้ให้กำลังใจกับ เกย์ ทอม ดี้ กะเทย คนผิวดำ และคนที่ถูกกดขี่อื่นๆ เพื่อที่จะลุกขึ้นเรียกร้องสิทธิของตนเองด้วย เราเห็นปรากฏการณ์นี้ทั่วโลก และในสังคมไทยด้วย

นี่คือสาเหตุที่ชนชั้นปกครองเริ่มยอมในเรื่องสิทธิทางเพศบางส่วน แต่พยายามปกป้องครอบครัวจารีตในเวลาเดียวกัน

บ่อยครั้งการต่อสู้ของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมจะขึ้นๆ ลงๆ ตามกระแสสากล สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือพรรคการเมืองที่ปลุกระดมคนในสังคมเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมจะอธิบายว่าทำไมเราต้องสู้เพื่อสิทธิต่างๆ พร้อมจะอธิบายว่าจะสู้อย่างไร และพร้อมจะเถียงกับคนที่เห็นต่างเสมอ

แต่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในไทย ทั้งพรรคเก่าและใหม่ ไม่ทำในสิ่งนี้ บางพรรคอาจพูดในนามธรรมว่าทุกคนควรมีสิทธิทางเพศ พูดถึงความเสมอภาค และบางพรรค เช่นพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคเพื่อชาติ พูดว่าควรแก้กฏหมาย แต่บ่อยครั้งมีการพูดแบบคลุมเครือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อนในสังคม” ซึ่งคงเป็นแนวทางสู่การประนีประนอมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่สำคัญคือพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่กล้ารณรงค์เรื่องนี้อย่างชัดเจนหรือปลุกระดมมวลชนให้เปลี่ยนความคิด เพราะภายในพรรคยังไม่เป็นเอกภาพเรื่องนี้ และกลัวว่าจะเสียคะแนนเสียงจากประชาชนในวันเลือกตั้ง พรรคส่วนใหญ่จึงเดินตามกระแสที่มีอยู่ในสังคมซึ่งได้รับอิทธิพลจากความคิดจารีตนิยม [ดูข่าวประชาไท 10 พรรคการเมืองหนุน LGBT มีสิทธิเท่าเทียมคนทั่วไป]

ภาพโดย WASAWAT LUKHARANG/BBC THAI

ถ้าจะพูดกันถึงรูปธรรม มันมีหลายเรื่องที่ถกกันในสังคมไทยตอนนี้ เช่นร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต ที่ตกค้างมาจากยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นักกิจกรรมหลายคนต้องการเห็นการผ่าน พ.ร.บ.นี้ เพราะจะเปิดโอกาสให้คนรักเพศเดียวกันจดทะเบียนเป็น “คู่ชีวิต” ได้ แต่มีนักเคลื่อนไหวและนักวิจัยอีกหลายคน เช่นชวินโรจน์ ธีรพัชรพร ที่ชี้ว่า พ.ร.บ. นี้ให้สิทธิกับคนรักเพศเดียวกันน้อยกว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างชายกับหญิง เช่นสิทธิที่จะร่วมกันเลี้ยงลูกที่มาจากวิธีการต่างๆ สิทธิที่จะลดภาษี สิทธิในสวัสดิการสังคม สิทธิที่จะใช้นามสกุลร่วมกัน ฯลฯ [ดู พ.ร.บ. คู่ชีวิต : ครม. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต แต่ยังไม่เปิดให้รับบุตรบุญธรรมร่วมกัน ]

ส่วน ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ เสนอว่าควรแก้กฎหมายสมรส ให้เปลี่ยนคำจาก “ชาย-หญิง” เป็นการจดทะเบียนระหว่าง “บุคคล” ก็น่าจะทำให้สิทธิเท่าเทียมกันมากขึ้น

และสำหรับสิทธิของคนข้ามเพศ (“กะเทย”) หรือคนที่ไม่อยากจำกัดตัวเองว่าเป็นเพศอะไร คณาสิต พ่วงอำไพ นักกิจกรรมภาคี “นอนไบนารี” (ไม่มีแค่สองเพศ) อธิบายว่าร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิตไม่ให้อะไรกับคนเหล่านี้

ในประเทศตะวันตกเริ่มมีการต่อสู้ของคนข้ามเพศ เพื่อให้มีสิทธิเลือกเพศที่ตนเองต้องการในเอกสารทางการ เพื่อให้มีสิทธิ์เลือกเข้าห้องน้ำตามเพศที่ตัวเองเลือก และสำหรับคนที่ต้องติดคุกก็เพื่อที่จะเลือกอยู่คุกตามเพศที่ตนเลือกเช่นกัน แต่เป็นที่น่าสลดใจที่พวกสิทธิสตรีคับแคบล้าหลังบางคน ไม่พอใจกับการเรียกร้องสิทธิของคนข้ามเพศ เพราะอ้างว่ามันจะทำให้ความเป็นผู้หญิงหมดความหมาย

ที่แน่นอนก็คือในไทย ยังไม่มีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ที่ชูประเด็นนี้และพร้อมจะต่อสู้เพื่อสิทธิทางเพศอย่างถ้วนหน้า ซึ่งนอกจากสิทธิของคนรักเพศเดียวกัน คนข้ามเพศ และคนไม่เลือกเพศแล้ว ยังต้องรวมถึงสิทธิทำแท้งเสรีสำหรับสตรีอีกด้วย

เราชาวสังคมนิยมมองว่า ไม่ว่ามนุษย์ในสังคมจะเลือกเป็นเพศอะไร หรือเลือกที่จะรักเพศอะไร อย่างไร นับเป็นสิทธิที่ชอบธรรมอันดับแรกที่สามารถเลือกได้ และพวกเราที่ต้องการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมจะต้องสนับสนุนสิทธิดังกล่าวอย่างไม่มีเงื่อนไข ตราบใดที่คนรักเพศเดียวกัน คนข้ามเพศ หรือสตรี ไม่มีสิทธิเต็มตัว สังคมเราไม่มีวันมีประชาธิปไตยและเสรีภาพสมบูรณ์ นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่เราควรมีพรรคสังคมนิยม



เผยแพร่ครั้งแรกใน: Turnleft-Thailand


Posted: 30 Dec 2018 07:11 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-12-30 22:11


ใบตองแห้ง

“ประเทศกูมี” Rap Against Dictatorship ยอดวิว 49 ล้านกว่าแล้ว ก่อนเที่ยงคืน 31 ธ.ค. 2561 น่าจะทะลุ 50 ล้าน นี่คือ “ปรากฏการณ์แห่งปี” เป็นจุดร่วมให้ประชาชนระเบิดความอัดอั้น หลังอยู่ใต้รัฐประหารมา 4 ปี อยู่ใต้การบ่อนทำลายประชาธิปไตยมา 12 ปี

หรือนับย้อนไปก็ 42 ปี ที่ประเทศนี้อ้างศีลธรรมความเป็นไทย เหนือกฎหมายเหนือความยุติธรรม กระทั่ง “แจกเก้าอี้” แปลงใจกลางกรุงเป็นทุ่งสังหาร

“ประเทศกูมี” สะท้อนความวิบัติถึงที่สุดของตรรกะ เหตุผล ในยุคเผด็จการศรีธนญชัยนำประเทศถอยหลัง ปิดกั้นเสรีภาพ ทำลายประชาธิปไตย ใช้อำนาจตามอำเภอใจ แต่อ้างตนเป็นคนดี แถมลอยหน้าสอนสั่ง ให้คนไทยมีวินัย ให้ประชาชนเคารพกฎหมาย ในขณะที่รถถังฉีกกติกา 86 ปี 13 ครั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วออกคำสั่งเป็นกฎหมาย นิรโทษตัวเองได้

สังคมไทยมาถึงจุดวิบัติ ไม่ใช่แค่ทางการเมือง หากยังวิปริตถึงสังคม วัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อมั่น ต่อรัฐ ต่อกระบวนการยุติธรรม ต่อผู้กุมอำนาจ กุมเศรษฐกิจ หรือกระทั่งผู้กุมความเชื่อถือศรัทธา

ย้อนดู “ดราม่า” ข่าวใหญ่ของชาติในรอบปี ก็เห็นได้ชัด “นาฬิกาเพื่อน” “เสือดำ” “ป้าทุบรถ” “ลอตเตอรี่ 30 ล้าน” “บ้านป่าแหว่ง” “โกงเงินคนจน” “ขนมจีนราดน้ำปลา” “ทหารเกณฑ์เลี้ยงไก่” ฯลฯ

ดราม่าออนไลน์ ใครถูกใครผิดก็ตาม จุดติดเสมอ เมื่อพัวพันผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ คนรวย คนมีอำนาจ หรือผู้เป็นที่นับหน้าถือตา กรรมการสภามหาวิทยาลัย พระ ครู หมอ ไม่เว้นแม้ NGO หรือสื่อ ซึ่งตายเกลื่อนหน้าถ้ำ เพราะเอาแต่จ่อไมค์ถาม “รู้สึกอย่างไรคะ”

สังคมดราม่าวูบวาบ เกิดจากความไม่ไว้วางใจอำนาจ อภิสิทธิ์ ชั้นชน รัฐรวมศูนย์อำนาจราชการก็พยายามแก้ไขเฉพาะหน้าโดยใช้อำนาจเอาใจกระแส ในขณะที่โครงสร้างเชิงระบบ ล่มจมลงไปทุกที ความรู้สึกต่อกองทัพ ความรู้สึกต่อกระบวนการยุติธรรม ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ความเชื่อมั่นต่อองค์กรอิสระ ไม่ต้องพูดถึงนักการเมือง ตำรวจ ข้าราชการ ที่ตกต่ำมานานแล้ว

กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ในเมื่อนึกอยากบังคับอะไร ก็ออกคำสั่งได้ นึกอยากให้ผ่านสภา ก็ยกมือ 3 วาระรวด แต่นึกอยากแก้ไข ก็ใช้ ม.44 หรือเขียนกฎหมายอยู่ดีๆ ก็ยืดเลือกตั้ง 90 วัน

แม้แต่ที่ตีปี๊บกันใหญ่โต “รัฐธรรมนูญปราบโกง” พอ ป.ป.ช. ออกประกาศให้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ประธาน กรธ. “เชฟปลาปักเป้า” ก็ทิ้งเก้าอี้นายกสภามหาวิทยาลัย สุดท้ายต้องใช้ ม.44 แก้ไข กรรมการสภามหาวิทยาลัยเป็นคนดี ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน

องค์กรอิสระล้มละลาย ทีละองค์กร “นาฬิกาเพื่อน” ทำลายเครดิต ป.ป.ช. กฎหมายให้อยู่ต่อถูกอดีต ตลก.ขนานนาม “ลูกทรพี” ม.44 ปลด กกต.ข้างแคร่ ม.44 ขยายเวลาแบ่งเขตอัปลักษณ์ สตง.เป็นที่รู้จักจากโรคพิษสุนัขบ้า กสม.เป็นง่อยมาทั้งปีสรรหาได้ข้าราชการ 2 คน ส่งท้ายด้วยการเลือกวุฒิสภา 1,303 ล้าน “เงียบที่สุดในโลก” เพื่อให้ได้ 200 คนส่ง คสช.จิ้มเอา 50 คน

ว่าที่จริง ปีนี้เป็นปีที่เต็มไปด้วยเรื่องตลกขบขัน เพราะตรรกะวิบัติทำให้เกิดความย้อนแย้งพิลึกพิลั่น ต้นปี คนอยากเลือกตั้ง ถูกจับกุมตั้งข้อหาเป็นหางว่าว ปลายปี คนขัดขวางเลือกตั้งกลับมาตั้งพรรคเดินหาเสียงทั้งแผ่นดิน ต้นปี ศรีวราห์จับม็อบขึงขังมีแต่เสียงเชียร์ ปลายปี ศรีวราห์โดนกระหน่ำ “ใบอนุญาตแล้วหรือยัง”

ถ้าปีนี้เป็นอย่างนี้ แล้วใครจะเชื่อว่าปีหน้าสามารถกลับสู่ภาวะปกติ


วาทะแห่งปี คนจนหมดประเทศ” VS คนจะอดตายอยู่แล้ว

แฮชแท็กแห่งปี #เกาะโต๊ะ

แบบเรียนภาษาอังกฤษแห่งปี อื้อฮือ เยส เยส อื้อฮือ แท้งกิ้ว ชัวร์

นักอ่านแห่งปี วันละ 800 บรรทัด

สปิริตแห่งปี ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมจะไปจากตำแหน่งนี้

รัฐมนตรีตัวอย่าง การคิดเหมือนกันมันคือหลักเผ่ากู (ขอโทษ ไม่รู้ว่านักข่าวอัดเทป)

วัตถุมงคลแห่งปี GT200

สิทธิมนุษยชนแห่งปี ขอโทษแทนตำรวจ จับพุทธะอิสระ ทำเกินกว่าเหตุ

บุคคลตัวอย่างมารยาทงาม ศรีวราห์รับไหว้

ป๋าดันแห่งปี ศรีวราห์อีกละ 3 วัน “ประเทศกูมี” ยอดวิว 20 ล้าน

ยาแรงแห่งปี โทษปรับใบขับขี่ 50,000

ความยุติธรรมแห่งปี สนช.ผ่าน กม.เบี้ยประชุมศาลเพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน

ความหวังประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา

















เผยแพร่ครั้งแรกใน: www.khaosod.co.th/hot-topics/news_2021655

[full-post]


Posted: 30 Dec 2018 09:51 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Mon, 2018-12-31 00:51


คาดมี 3 ศพถูกทุบทิ้งแม่น้ำโขง ตร.เร่งหาเบาะแสคดี ขณะที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยเป็น 3 แกนนำเสื้อแดงที่ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหายตัวไปตั้งหลัง 12 ธ.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่ ส่วนเมียไม่เชื่อเป็น 'สุรชัย แซ่ด่าน' คาดลักพาตัวเพื่อหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านเผด็จการ

31 ธ.ค.2561 สำนักข่าวไทย รายงาน คืบหน้าคดีฆ่าคว้านท้องชาย อายุประมาณ 30-40 ปี ยัดเสาปูน 1 เมตร ถ่วงแม่น้ำโขง ก่อนศพลอยอืดขึ้นที่บริเวณ ริมตลิ่งแม่น้ำโขง บ้านสำราญเหนือ ตำบลอาจสามารถ จังหวัดนครพนม ชุดสืบสวนภูธรเมืองนครพนม ระบุเบื้องต้นตรวจสอบในพื้นที่ใกล้เคียง ยังไม่มีผู้ใดเข้าแจ้งความคนหาย ขณะนี้รอผลชันสูตรศพ จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศรีนรินทร์ ขอนแก่น ที่จะทำให้ได้เบาะแสผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากจากการตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่มีการแจ้งบุคคลหายแต่อย่างใด ขณะที่การสืบสวนพบก่อนหน้านี้ เพียง 2 วัน พบศพถูกฆ่าในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ สภ.ธาตุพนม สันนิษฐานทั้ง 2 ศพ อาจเกี่ยวข้อง และถูกฆ่ามาจากที่เดียวกัน อีกทั้งผู้ตายทั้ง 2 มีรูปร่างใกล้เคียงกัน และอาจเป็นไปได้ว่า จะถูกฆ่าในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากลักษณะมีความเป็นมืออาชีพ ส่วนสาเหตุให้น้ำหนักไปที่เรื่องขัดผลประโยชน์ และเรื่องส่วนตัว

ขณะที่ สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ นรข. คนหนึ่งได้โพสต์ภาพลงสื่อโลกโซเซียลออนไลน์ ว่าพบศพชายไทยไม่ทราบสัญชาติ ลอยอืดโผล่ติดริมตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน มีลักษณะถูกฆ่าเหี้ยมโหดคล้ายคลึงกันกับศพที่พบที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง

นอกจากนี้ในโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเฟสบุ๊คยังไม่การตั้งประเด็นโยงกับ การหายตัวไปของผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (สุรชัย แซ่ด่าน) นักเคลื่อนไหวทางการเมืองวัย 75 ปีซึ่งได้ลี้ภัยออกจากประเทศไทยหลังการรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ได้หายตัวออกจากที่พักพร้อมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยอีก 2 คนที่พักอาศัยอยู่ด้วย หลังจากที่มีการโทรศัพท์ติดต่อกับคนอื่นๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2561 เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ลี้ภัย เช่น ดีเจซุนโฮ (อิทธิพล สุขแป้น) ตั้งแต่ปี 59 หรือโกตี๋ (วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ) ปี 60 ก็หายตัวไปและไม่ทราบชตากรรม คาดว่าถูกอุ้มหาย

ลืออุ้ม อ.สุรชัย ผู้ลี้ภัยหายจากที่พัก 12 วันแล้ว
ผู้ลี้ภัยหายในต่างแดนทำอย่างไร : คุยกับนักสิทธิฯ ปม ‘โกตี๋-ดีเจซุนโฮ’ หายตัว

ข่าวสดออนไลน์ รายงานวันนี้ว่า ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ ป้าน้อย ภรรยาของสุรชัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ทางครอบครัวยังไม่สามารถติดต่อกับนายสุรชัยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่เชื่อว่าศพที่ลอยแม่น้ำโขงมานั้นจะเป็นศพของสามี เนื่องจากรูปพรรณสัณฐานของศพเป็นคนหนุ่มอายุ 30-40 ปี จึงเชื่อว่าไม่ใช่สามีของตนอย่างแน่นอน ประกอบกับตนกำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติธรรม จึงไม่สะดวกที่จะเดินทางไปดูผลการพิสูจน์อัตลักษณ์ศพดังกล่าว

ปราณี กล่าวต่อว่า ตนอยากให้ญาติพี่น้องที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนผู้ลี้ภัยทั้ง 2 คนขอสุรชัยเดินทางไปดูผลพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อความสบายใจ การหายตัวไปของสุรชัยคาดว่าเป็นการลักพาตัวเพื่อหยุดการแสดงความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์การเมือง เพราะช่วงหลังๆ สุรชัยได้อัดคลิปแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ต่อต้านเผด็จการบ่อยขึ้น ดังนั้น การหายตัวไปของสุรชัยคือการลักพาตัวที่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

ปราณี กล่าวต่อว่า ตนได้เตรียมใจสำหรับเรื่องแบบนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วว่า ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องการเมืองส่วนใหญ่ถ้าไม่ตายก็ติดคุก หรือไม่ก็ต้องหนีออกจากประเทศเท่านั้น ตนเป็นห่วงก็มีเรื่องสุขภาพของนายสุรชัย เพราะดูจากสภาพการรื้อค้นในบ้านพัก นายสุรชัยไม่ได้นำสิ่งของที่ปกติจะพกติดตัวไปด้วย โดยเฉพาะยาที่ต้องกินเป็นประจำ แต่ก็ยังหวังว่าคงไม่ถึงกับฆ่าแกงกัน อาจจะแค่กักขัง เพื่อหยุดการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองของนายสุรชัยเท่านั้น ซึ่งตนก็ยังคงรอการติดต่อจากนายสุรชัยและผลพิสูจน์ที่ชัดเจน

[full-post]


แฟ้มภาพ

Posted: 28 Dec 2018 08:39 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2018-12-29 11:39


จากกรณี ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง ยกคำร้องกรณีถือครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ‘ศรีสุวรรณ’ เตรียมตั้งโต๊ะล่า 2 หมื่นรายชื่อถอดถอน 5 ป.ป.ช. ชี้เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ ตั้งแต่ 30 ธ.ค. นี้ เวลา 9.00 – 21.00 น. ของทุกวัน บริเวณด้านหน้าร้าน CHA-SRISUWAN หน้าตลาดยิ่งเจริญ (ประตู 3) สะพานใหม่ ดอนเมือง 

29 ธ.ค. 2561 จากกรณีป.ป.ช แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีถือครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง ยกคำร้องกรณีดังกล่าว

วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ซึ่งได้ออกแถลงการณ์สมาคมฯ ระบุ ไม่เห็นด้วยกับกรรมการ ป.ป.ช. 5 คนปฏิบัติหน้าที่เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 234(1) ของรัฐธรรมนูญ 2560 กรณีวินิจฉัยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ได้จงใจที่จะยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีที่ไม่แสดงนาฬิกาหรูกว่า 22 เรือนและแหวนประดับมีค่าที่สวมใส่ในโอกาสต่าง ๆ โดยอ้างว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ทว่ากลับไม่มีการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามข้อเสนอของกรรมการ ป.ป.ช.เสียงส่วนน้อย รวมทั้งเป็นกรณีที่สังคมสามารถใช้เป็นกรณีเปรียบเทียบในกรณีของรถยนต์ของสุพจน์ ทรัพย์พร้อม อดีตปลัด กท.คมนาคมว่าเป็นการวินิจฉัย 2 มาตรฐานหรือไม่นั้น

“การกระทำของ 5 กรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมากดังกล่าว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมไทยในทุกระดับ และทุกหย่อมหญ้า ทำให้สังคมไทยสิ้นหวังต่อระบบการตรวจสอบ ซึ่งอาจกระทบไปยังองค์กรอิสระอื่น ๆ ในระนาบเดียวกันได้และไม่เป็นผลดีต่อการปราบปรามการทุจริตและคอรัปชั่นในอนาคตของประเทศไทยตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ” แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้แถลงการณ์ระบุว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะตั้งโต๊ะเพื่อขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนได้เข้าชื่อเสนอให้ประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกาตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระมาดำเนินการเพื่อนำไปสู่การถอดถอนและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยจะเริ่มตั้งโต๊ะขอรายชื่อในวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 9.00 – 21.00 น. ของทุกวัน ณ บริเวณด้านหน้าร้าน CHA-SRISUWAN หน้าตลาดยิ่งเจริญ (ประตู 3) สะพานใหม่ ดอนเมือง เป็นสถานที่เริ่มต้น โดยสมาคมฯจะเตรียมแบบฟอร์มไว้แล้ว ขอให้เตรียมสำเนาบัตรประชาชนจำนวน 1 แผ่นมาพร้อมด้วย ส่วนผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด หรือประสงค์จะขอแบบฟอร์มให้ติดต่อมาที่อีเมลล์ thaisgwa@gmail.com, และหรือ Inbox ในเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/thaisgwa ทางสมาคมฯจะจัดส่งแบบฟอร์มไปให้ทุกท่านต่อไป


สำหรับรายละเอียดแถลงการณ์มีดังนี้


ตามที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกแถลงการณ์เพื่อขอให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่เห็นด้วยกับกรรมการ ป.ป.ช. 5 ท่านปฏิบัติหน้าที่เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 234(1) ของรัฐธรรมนูญ 2560 กรณีวินิจฉัยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ได้จงใจที่จะยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีที่ไม่แสดงนาฬิกาหรูกว่า 22 เรือนและแหวนประดับมีค่าที่สวมใส่ในโอกาสต่าง ๆ โดยอ้างว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ทว่ากลับไม่มีการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตามข้อเสนอของกรรมการ ป.ป.ช.เสียงส่วนน้อย รวมทั้งเป็นกรณีที่สังคมสามารถใช้เป็นกรณีเปรียบเทียบในกรณีของรถยนต์ของนายสุพจน์ ทรัพย์พร้อม อดีตปลัด กท.คมนาคมว่าเป็นการวินิจฉัย 2 มาตรฐานหรือไม่นั้น

การกระทำของ 5 กรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมากดังกล่าว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมไทยในทุกระดับ และทุกหย่อมหญ้า ทำให้สังคมไทยสิ้นหวังต่อระบบการตรวจสอบ ซึ่งอาจกระทบไปยังองค์กรอิสระอื่น ๆ ในระนาบเดียวกันได้และไม่เป็นผลดีต่อการปราบปรามการทุจริตและคอรัปชั่นในอนาคตของประเทศไทยตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ ดังนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงพร้อมแล้วที่จะตั้งโต๊ะเพื่อขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกท่านได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอให้ประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกาตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระมาดำเนินการเพื่อนำไปสู่การถอดถอนและเอาผิดตามกฎหมายต่อไป โดยจะเริ่มตั้งโต๊ะขอรายชื่อในวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 9.00 – 21.00 น. ของทุกวัน ณ บริเวณด้านหน้าร้าน CHA-SRISUWAN หน้าตลาดยิ่งเจริญ (ประตู 3) สะพานใหม่ ดอนเมือง เป็นสถานที่เริ่มต้น โดยสมาคมฯจะเตรียมแบบฟอร์มไว้ให้ทุกท่านได้เข้าชื่อ และขอให้ทุกท่านเตรียมสำเนาบัตรประชาชนจำนวน 1 แผ่นมาพร้อมด้วย ส่วนผู้ที่อยู่ต่างจังหวัด หรือประสงค์จะขอแบบฟอร์มให้ติดต่อมาที่อีเมลล์ thaisgwa@gmail.com, และหรือ Inbox ในเฟซบุค https://www.facebook.com/thaisgwa ทางสมาคมฯจะจัดส่งแบบฟอร์มไปให้ทุกท่านต่อไป
[full-post]


Posted: 29 Dec 2018 12:02 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2018-12-29 15:02

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงาน

ศูนย์ทนายสิทธิฯ ประมวลสถานการณ์บังคับใช้ม.112 รอบปี 61 พบแนวทางปฏิบัติใหม่อัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องแต่เพียงผู้เดียว-ศาลยกฟ้องแม้ให้การรับสารภาพ แต่ยังถูกจำคุกในคดีก่อน-ยกฟ้องข้อหา 112 แต่ลงโทษด้วยข้อหาอื่นแทน เช่น ม.116 พ.ร.บ.คอมฯ-เปลี่ยนเป็นข้อหาหมิ่นประมาท โดยผู้เสียหายไม่ต้องแจ้งความร้องทุกข์เอง รวมทั้งการปิดกั้นและการคุกคามที่ยังคงอยู่หลังโพสต์ความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 หลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 และการขึ้นทรงราชย์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 สถานการณ์ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์เข้มข้นมากขึ้น จากปรากฏการณ์ “ล่าแม่มด” ต่อบุคคลผู้แสดงออกแตกต่าง และตามมาด้วยการดำเนินคดีด้วยข้อหานี้หลายสิบคดี

ในช่วงปี 2560 ก็ยังมีการดำเนินคดีมาตรา 112 สำคัญหลายคดี ทั้งคดีของ “ไผ่ ดาวดิน” จากการแชร์ข่าวบีบีซีไทย, คดีของผู้แชร์ข้อความเกี่ยวกับหมุดคณะราษฎรจากโพสต์ของ “Somsak Jeamteerasakul” หรือการรื้อฟื้นคดีเก่าที่เกิดขึ้นก่อนรัฐประหารมาดำเนินคดีใหม่ เป็นต้น (ย้อนดูประมวลสถานการณ์คดีมาตรา 112 เมื่อปี 2560)

หากในปี 2561 ที่กำลังจะผ่านพ้นนี้ นับเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงในการบังคับใช้มาตรา 112 อย่างเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน ทั้งการแทบไม่มีคดีใหม่ที่ถูกกล่าวหาด้วยข้อหามาตรานี้ขึ้นสู่ศาล (เท่าที่ทราบ) และการยกฟ้องคดีข้อหานี้หลายคดีที่ยังดำเนินอยู่ในชั้นศาล โดยเฉพาะที่ถูกพิจารณาโดยศาลพลเรือน แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสังคมไทยพัฒนาขึ้นแต่อย่างใด

ในส่วนการดำเนินคดี แม้จะเกิดปรากฏการณ์ของการไม่พยายามนำข้อกล่าวหามาตรา 112 มาใช้ในการกล่าวหาหรือลงโทษ แต่ข้อกล่าวหาอื่น อาทิเช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” ตามมาตรา 116 ก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ถูกนำมาใช้ควบคุมการแสดงออกต่างๆ และยังถูกนำมาใช้ดำเนินคดีหรือลงโทษผู้แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง

ทั้งความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ยังสัมพันธ์กับบริบทหลังการเปลี่ยนรัชสมัยโดยตรง ไม่ได้เกิดขึ้นจากความตระหนักของเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมถึงปัญหาของการบังคับใช้มาตรา 112 ที่ถูกชี้ให้เห็นเรื่อยมาหลายปี หรือมาจากการเคารพในหลักการสิทธิมนุษยชนมากขึ้นในสังคมไทยแต่อย่างใด ทิศทางแนวโน้มของการควบคุม-ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นจึงยังคงดำรงอยู่ แม้รูปแบบอาจเปลี่ยนแปลงแตกต่างออกไปก็ตาม

รายงานชิ้นนี้ ชวนย้อนทบทวนปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่กำลังจะผ่านไปนี้

อัยการทหารมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีส.ศิวรักษ์ หลังการเข้าเฝ้ากราบบังคับทูล


ความเปลี่ยนแปลงในคดีมาตรา 112 ในรอบปีนี้ เริ่มพิจารณาได้ตั้งแต่ในเดือนมกราคม (17 ม.ค. 61) เมื่ออัยการศาลทหารได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีมาตรา 112 ของสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ จากกรณีคำอภิปรายเมื่อปี 2557 วิพากษ์วิจารณ์ประวัติศาสตร์การทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวร โดยอัยการระบุเรื่องพยานหลักฐานไม่เพียงพอให้ฟ้อง แม้ก่อนหน้านั้นคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะมีความเห็นสั่งฟ้องก็ตาม

สุลักษณ์ได้เปิดเผยภายหลังว่าคำสั่งของอัยการทหาร ว่าเป็นผลมาจากการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ ซึ่งทรงพระมหากรุณาธิคุณ โดยทรงแนะนำรัฐบาลให้ยุติคดีดังกล่าว ภายหลังจากเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 60 ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มอบปริญญาบัตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติศักดิ์ให้เขา สุลักษณ์ได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลกับในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยตรง


สุลักษณ์ ศิวรักษ์


สุลักษณ์ยังระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 61 ว่านอกจากเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่คดีของเขายุติลงได้ “ใช่แต่เท่านั้น ยังทรงพระมหากรุณาจัดสั่งไปทางประธานศาลฎีกาและอัยการสูงสุดให้ยุติคดี 112 ไม่ให้มีการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอีก”

ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ในปัจจุบัน


แนวปฏิบัติใหม่ของอัยการสูงสุด


ในเดือนกุมภาพันธ์ ยังได้มีการเผยแพร่หนังสือของอัยการสูงสุด ลงวันที่ 21 ก.พ. 61 ส่งถึงผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานอัยการสูงสุดทุกระดับชั้น กำหนดให้สำนักงานอัยการที่ได้รับสำนวนคดีมาตรา 112 ส่งสำเนาการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาทันที โดยยังไม่ต้องทำความเห็น โดยให้อัยการสูงสุดเท่านั้นเป็นผู้พิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ พนักงานอัยการระดับทั่วไปไม่อาจทำความเห็นได้เหมือนก่อนหน้านั้นอีก

การดำเนินการดังกล่าว ยังรวมถึงขั้นตอนที่มีการดำเนินคดีมาตรา 112 ที่อยู่ในขั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ด้วย ที่ให้มีการสำเนาคำพิพากษาส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา

นอกจากนั้น ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา อัยการสูงสุดยังได้มีการออกระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการสั่งคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ลงวันที่ 15 มิ.ย. 61

ระเบียบฉบับนี้เป็นการแก้ไขจากในฉบับเดิมเมื่อปี 2554 โดยมีการเพิ่มปัจจัยที่นำมาพิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีที่ไม่เป็นประโยชน์ฯ โดยเพิ่มเติมในเรื่อง “เหตุผลตามความเห็นของนายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานอื่นถึงผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” และเพิ่มเติมในประเด็นอำนาจสั่งไม่ฟ้องคดีที่ไม่เป็นประโยชน์ฯ ซึ่งเดิมต้องเป็นการเสนอเรื่องขึ้นมาจากพนักงานอัยการที่พิจารณาคดีตามลำดับชั้น แต่ระเบียบที่แก้ไขนี้ หากอัยการสูงสุดเห็นเอง ก็มีอำนาจสั่งไม่ฟ้องหรือถอนฟ้องคดีนั้นได้โดยตรง

ความเปลี่ยนแปลงโดยระเบียบทั้งสองประการดังกล่าว ทำให้อัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น โดยพนักงานอัยการระดับทั่วไปไม่มีอำนาจในการสั่งคดีนี้ได้อีก และอัยการสูงสุดยังเป็นหน่วยที่พิจารณาริเริ่มถอนฟ้องคดีได้เอง ตามความเห็นที่อาจได้รับมาจากนายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งจะทำให้แนวทางการสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง-ถอนฟ้องคดีนี้ถูกควบคุมไปในทิศทางเดียวกันภายใต้ระเบียบทั้งสองฉบับนี้


ศาลยกฟ้องแม้ให้การรับสารภาพ แต่ยังถูกจำคุก


จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เท่าที่มีข้อมูลในรอบปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการฟ้องร้องคดีมาตรา 112 เป็นคดีใหม่ในชั้นศาล แม้ปรากฏมีการจับกุมผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 อยู่ในปีนี้ แต่ก็เป็นกรณีการโพสต์แสดงความคิดเห็นที่เกิดขึ้นหลายปีแล้ว มีการออกหมายจับเอาไว้ โดยที่ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ก่อนมีการจับกุมได้ในปีนี้

ขณะเดียวกัน คดีมาตรา 112 ที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็ปรากฏความเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เมื่อในหลายคดี ศาลมีการยกฟ้องคดี แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ตาม ซึ่งก่อนหน้านี้แทบไม่เคยเกิดกรณีลักษณะเช่นนี้ขึ้นมาก่อน
คดีของธานัท หรือ “ทอม ดันดี”

ทอม ดันดี แนวร่วม นปช. และนักร้องเพลงเพื่อชีวิต ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีมาตรา 112 มาก่อนหน้านี้แล้ว 2 คดี เมื่อช่วงต้นปี 2561 ที่ผ่านมา ธานัทยังตกเป็นจำเลยในคดี 112 ที่ถูกสั่งฟ้องเข้ามาใหม่อีกสองคดี แต่ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องทั้งสองคดี แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ตาม ได้แก่
คดีจากการปราศรัยที่จังหวัดลำพูนเมื่อปี 2554 ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 61 โดยศาลวินิจฉัยว่าข้อความตามที่โจทก์ฟ้อง ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอว่าจำเลยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษได้
คดีจากการปราศรัยที่จังหวัดราชบุรีเมื่อปี 2553 ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 61 โดยเห็นว่าคำปราศรัยตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง ยังไม่มีความแจ้งชัดว่าเป็นการใส่ความ ดูหมิ่น หมิ่นประมาทตามฟ้อง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้

แม้ทั้งสองคดีจะยกฟ้อง แต่ธานัทยังคงถูกคุมขังในเรือนจำต่อไป เนื่องจากต้องรับโทษในสองคดีเดิม ซึ่งศาลอาญาและศาลทหาร พิพากษาจำคุกรวมกันเป็นเวลา 10 ปี 10 เดือน การยกฟ้องของศาลในปีนี้ จึงไม่ได้หมายถึงการได้รับอิสรภาพของเขาแต่อย่างใด



ทอม ดันดี ภาพโดย banrasdr photo

คดีของสกันต์

สกันต์ (สงวนนามสกุล) ถูกกล่าวหาจากเหตุการณ์พูดคุยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ระหว่างถูกจำคุกในคดีที่สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2552 โดยมีผู้ต้องขังด้วยกันเองเป็นผู้กล่าวหา และอัยการมาสั่งฟ้องคดีเมื่อเดือนธ.ค. 2560 ก่อนหน้านี้จำเลยเลือกจะต่อสู้คดี แต่ได้ขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ก่อนหน้าการเริ่มสืบพยาน

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 61 ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้ โดยให้เหตุผลว่าข้อความที่อัยการระบุว่าจำเลยได้พูดในเรือนจำนั้นจำเป็นต้องตีความ และในข้อความไม่ได้ระบุว่ากล่าวถึงใครอย่างชัดเจน แม้ในคดีนี้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันในข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์และพระราชินีตามที่ถูกกล่าวหา


ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหา 112 แต่ลงโทษด้วยข้อหาอื่นแทน


นอกจากการยกฟ้องในลักษณะดังกล่าว ในรอบปีนี้ ยังมีแนวโน้มจากหลายคดีที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 แต่ให้ลงโทษด้วยข้อหาอื่นๆ แทน โดยเฉพาะข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหา “ยุยงปลุกปั่น” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 รวมถึงข้อหาอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา ทำให้จำเลยหลายรายยังคงถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดและได้รับโทษอยู่ แม้จะไม่ได้โดนลงโทษด้วยข้อหาตามมาตรา 112 ก็ตาม คดีลักษณะนี้ เท่าที่มีการเปิดเผยข้อมูล อาทิเช่น

คดีของทนายประเวศ ถูกลงโทษด้วยข้อหา 116 แต่ไม่วินิจฉัยใดๆ เรื่องข้อหา 112

ประเวศ ประภานุกูล ถูกกล่าวหาดำเนินคดีจากการโพสต์เฟซบุ๊กหลายข้อความ ด้วยข้อหาตามมาตรา 112 จำนวน 10 ข้อความ และข้อหาตามมาตรา 116 จำนวน 3 ข้อความ จำเลยเลือกต่อสู้คดีนี้โดยไม่ยอมรับกระบวนการที่เกิดขึ้น ไม่ให้การ และไม่นำสืบพยาน

ก่อนศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 61 โดยวินิจฉัยให้จำเลยมีความผิดตามมาตรา 116 ลงโทษจำคุกกรรมละ 5 เดือน รวมจำคุก 15 เดือน และกำหนดโทษจำคุกอีก 1 เดือนในข้อหาไม่พิมพ์ลายนิ้วมือในชั้นสอบสวน แต่คำพิพากษาไม่ได้มีวินิจฉัยใดๆ ถึงข้อหาตามมาตรา 112 จำนวน 10 ข้อความ ที่มีการฟ้องร้องเข้ามา

ในวันพิพากษาดังกล่าว ประเวศถูกคุมขังมาเป็นเวลา 13 เดือนเศษแล้ว ทำให้ต่อมาเขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม เมื่อรับโทษจำคุกครบ 16 เดือน ตามคำพิพากษา



ประเวศ ประภานุกูล ภาพโดย banrasdr photo

คดีหญิงตาบอดชาวยะลา ยกฟ้องในคดีหนึ่ง แต่ลงโทษตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในอีกคดี

กรณีของ นูรฮายาตี มะเสาะ หญิงพิการทางสายตาชาวยะลาวัย 24 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่าด้วยมาตรา 112 จากการใช้แอปพลิเคชันสำหรับคนตาบอดโพสต์ความคิดเห็นและคัดลอกบทความของ ใจ อึ๊งภากรณ์ ลงในเฟซบุ๊ก หลังข่าวการสวรรคตของรัชกาลที่ 9 ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 คดีถูกฟ้องขึ้นสู่ชั้นศาล โดยจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลจังหวัดยะลาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 61

หลังจากนั้นกรณีของเธอได้รับการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ และเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งกับครอบครัวให้ไปรับตัวผู้ต้องขัง เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 61 เพราะได้รับการปล่อยตัวแล้ว โดยไม่มีใครทราบว่าผู้ใดเป็นผู้ทำเรื่องขอประกันตัว และด้วยวงเงินเท่าใด

จากนั้นเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 61 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีนี้ เนื่องจากเห็นว่าจำเลยตาบอดสนิททั้งสองข้าง และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการที่จำเลยคัดลอกข้อมูลลงในระบบคอมพิวเตอร์นั้น เกิดขึ้นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าข้อความดังกล่าวจะเป็นการหมิ่นประมาทรัชกาลที่ 9

แต่จากนั้นไม่นาน ทางครอบครัวได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 61 นูรฮายาตีได้ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวจากบ้าน และในวันที่ 5 มี.ค. อัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้สั่ั่งฟ้องคดีในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการแชร์คลิปรายการวิทยุของ “ดีเจตีโต้” และ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ บนเฟซบุ๊ก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 59 เป็นอีกคดีหนึ่ง ก่อนในวันที่ 6 มี.ค. จำเลยได้ให้การรับสารภาพ และศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้เธอถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพจนถึงปัจจุบัน

กรณีของ “เค” โพสต์ขายเหรียญ ลงโทษด้วยข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กรณีของ ‘เค’ (นามสมมติ) ได้โพสต์ขายเหรียญลงในกรุ๊ปเฟซบุ๊กซื้อขายของเก่าในช่วงหลังการเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ 9 ทำให้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาด่าทอโต้เถียงด้วย และได้บันทึกภาพหน้าจอไปแจ้งความดำเนินคดี พร้อมกับมีการบุกมาทำร้ายร่างกาย ทำให้เขาถูกดำเนินคดีมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14

แม้จะได้รับการประกันตัว แต่ “เค” ถูกสั่งฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดชลบุรี และเลือกจะต่อสู้คดีในชั้นศาล จนวันที่ 5 ก.ค. 61 ศาลได้พิพากษาให้ยกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 แต่ลงโทษฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จโดยหลอกลวง ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ให้จำคุก 1 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการยื่นอุทธรณ์

คดีเผาซุ้มฯ ยกฟ้องข้อหา 112 แต่ลงโทษข้อหาอื่นๆ


กรณีนี้จำเลยรวมทั้งสิ้น 11 ราย ถูกกล่าวหาเรื่องการเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติในจังหวัดขอนแก่นหลายจุด เมื่อต้นเดือนพ.ค. 60 โดยกรณีนี้แยกเป็นสองส่วน คือส่วนแรก กลุ่มวัยรุ่นจำนวน 9 ราย ที่ถูกควบคุมตัวก่อน ถูกดำเนินคดีแยกเป็น 3 คดี จากการก่อเหตุในแต่ละจุด ในข้อหาทั้งซ่องโจร, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์, และความผิดตามมาตรา 112 เมื่อจำเลยทั้งหมดหันมาให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดพลได้พิพากษาลงโทษจำคุกในทุกข้อหาด้วยอัตราโทษต่างๆ กัน

ต่อมา จำเลยวัยรุ่น 6 คน ได้ตัดสินใจอุทธรณ์ใน 2 คดี และศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 61 โดยพิพากษาให้ยกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 ทั้ง 2 คดีดังกล่าว โดยศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกมุ่งประสงค์ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินอันได้แก่ ซุ้มประตู ไม่ปรากฏว่ามีความมุ่งหมายที่จะกระทำผิดตามมาตรา 112 แต่เห็นว่าจำเลยทั้งหมดกระทำความผิดในข้อหาอื่นๆ ตามฟ้องแทน มีโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญาแตกต่างกันไปตั้งแต่ 3 ปี – 4 ปี 6 เดือน ในทั้งสองคดี

ส่วนที่สอง มีจำเลยอีก 2 ราย คือ นายปรีชา และนายสาโรจน์ ถูกจับกุมในภายหลังกลุ่มวัยรุ่น และถูกดำเนินคดีในข้อหาเช่นเดียวกัน และแยกฟ้องรวม 3 คดี โดยทั้งสองคนให้การรับสารภาพทุกคดี และเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 61 ศาลจังหวัดพลได้พิพากษาให้ยกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 ทั้งสามคดี แต่พิพากษาลงโทษในข้อหาอื่นๆ รวมจำคุกทั้งสองคนละ 12 ปี 6 เดือน

แต่ควรกล่าวด้วยว่า ในปีนี้ยังมีคดีมาตรา 112 ที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายถูกลงโทษด้วยข้อหานี้อยู่ โดยจำเลยคดีนี้ถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊กจำนวน 10 ข้อความ และเลือกจะต่อสู้คดี ก่อนเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2561 ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 จากข้อความตามฟ้องจำนวน 1 ข้อความ และลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญากับจำเลยรายนี้ โดยคดียังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

ทั้งยังมีรายงานข่าวในคดีของอนุวัฒณ์ ทินราช แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 จากการปราศรัยบนเวทีชุมนุมของคนเสื้อแดงในนครราชสีมาเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 57 และเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนครราชสีมาได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา

แนวโน้มในคดีมาตรา 112 ในชั้นศาลในปีนี้ จึงไม่ได้มีแต่คดีที่ยกฟ้องข้อหานี้ทั้งหมดเสียทีเดียว


แนวคำพิพากษาใหม่?: เมื่อศาลฎีกาลงโทษด้วยข้อหาหมิ่นประมาท โดยผู้เสียหายไม่ต้องแจ้งความร้องทุกข์เอง


ก่อนสิ้นปีนี้ (27 ธ.ค. 61) ศาลฎีกายังได้มีคำพิพากษาสำคัญอีกคดีหนึ่ง ได้แก่ คดีของ “นายอานันต์”(สงวนนามสกุล) วัย 70 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาในข้อหามาตรา 112 และหมิ่นประมาทบุคคลตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าได้กล่าววาจาใส่ความสมเด็จพระเทพฯ และพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ กับ รปภ.ของบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อปี 2555 และคดีมาถูกรื้อฟื้นและสั่งฟ้องหลังการรัฐประหาร 2557

ศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษ “อานันต์” ตามความผิดมาตรา 326 จำนวน 2 กรรม ให้จำคุกรวม 2 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ และให้ปรับเป็นเงิน 40,000 บาท โดยศาลเห็นว่าบุคคลทั้งสองพระองค์ ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 เหตุเพราะรัชทายาทนั้นคือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเพียงพระองค์เดียว แต่ศาลเห็นว่าจำเลยได้พูดใส่ความพระองค์ท่านทั้งสองจริง อันเป็นความผิดต่อส่วนตัวฐานหมิ่นประมาท (ดูคำพิพากษาฉบับเต็มโดยสำนักข่าวประชาไท)

คำพิพากษาดังกล่าวเท่ากับทำให้ในคดีความผิดต่อส่วนตัว (มาตรา 326) แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้เอง แต่ถ้าได้มีการสอบสวนความผิดดังกล่าวไว้แล้ว อัยการก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ทั้งที่โดยหลักกฎหมายปกติ หากไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษจากผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน แม้จะสอบสวนไว้ อัยการก็ไม่สามารถฟ้องได้ ถือว่าเป็นการสอบสวนไม่ชอบ

ทั้งศาลยังมีการกล่าวอ้างถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 ไว้เป็นหลักเกณฑ์ในการวางความชอบธรรมของการสอบสวน ทั้งที่เหตุในคดีนี้เกิดขึ้นก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เท่ากับศาลใช้กฎหมายให้มีผลย้อนหลังเพื่อลงโทษจำเลยได้อีกด้วย

แนวเช่นคำพิพากษาเช่นนี้ ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะส่งผลต่อแนวทางการใช้มาตรา 112 และกฎหมายหมิ่นประมาทบุคคลในอนาคตต่อไปอย่างไร


บางคดีได้รับการประกันตัว แต่หลายคนยังถูกจองจำ


แนวโน้มอีกประการหนึ่งในปี 2561 นี้ ซึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน คือศาลมีการอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยในบางคดี หลังจากก่อนหน้านั้น แนวโน้มการได้รับการประกันตัวของผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีข้อหานี้เป็นไปได้ค่อนข้างยาก

ในปีนี้ ศาลทหารได้ให้ประกันตัว “แหวน” ณัฎฐธิดา มีวังปลา พยานปากสำคัญคดีสังหาร 6 ศพวัดปทุมฯ หลังถูกคุมขังมากว่า 3 ปี 5 เดือน โดยคดียังไม่สิ้นสุด, ให้ประกันตัวอัญชัญ ผู้ถูกกล่าวหาจากการเผยแพร่คลิปบรรพตถึง 29 กรรม หลังถูกคุมขังมาเกือบ 4 ปี โดยคดียังไม่สิ้นสุด, ให้ประกันตัว 'บุปผา' ผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊ก 13 ข้อความ หลังถูกคุมขังเกือบ 2 ปี เป็นต้น



ณัฎฐธิดา มีวังปลา ภาพโดย Banrasdr Photo


ขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 เท่าที่ทราบอีกอย่างน้อย 8 ราย ที่ไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดี โดยเฉพาะกรณีของสิรภพ หรือ ‘รุ่งศิลา’ กวีการเมือง ผู้ยื่นขอประกันตัวมาแล้ว 7 ครั้ง แต่ศาลทหารยังคงไม่อนุญาต โดยจนถึงปัจจุบันเขาถูกคุมขังมากว่า 4 ปี 5 เดือนแล้ว และคดีสืบพยานไปได้เพียง 3 ปาก

อีกหลายคดีมาตรา 112 ที่ถูกพิจารณาในศาลทหารมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 และจำเลยเลือกจะต่อสู้คดี ก็ยังดำเนินไปอย่างล่าช้า ส่งผลกระทบทั้งต่อจำเลยที่ไม่ได้รับการประกันตัว และแม้แต่จำเลยที่ได้รับการประกันตัว ก็ยังต้องใช้เวลามากว่า 4 ปีเศษ แล้วเพื่อต่อสู้คดี คดีส่วนใหญ่ที่ต่อสู้คดี ศาลทหารก็ยังไม่ได้มีคำพิพากษาแต่อย่างใด

นอกจากกลุ่มผู้ต้องขังที่ไม่ได้ประกันตัวขณะคดียังดำเนินอยู่แล้ว ถึงสิ้นปี 2561 ก็ยังมีผู้ต้องขังมาตรา 112 อีกอย่างน้อย 18 ราย ที่คดีสิ้นสุดลงแล้ว และยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ (นับเฉพาะผู้ต้องขังมาตรา 112 ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ไม่ได้รวมถึงกรณีมาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง หรือหาประโยชน์ส่วนบุคคล)

ยังไม่นับกรณีผู้ลี้ภัยทางการเมืองไปในประเทศต่างๆ จากการแสดงความคิดเห็นเรื่องสถาบันกษัตริย์ และถูกกล่าวหาดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้อีก

เมื่อต้นปีนี้ (ม.ค. 61) ชนกนันท์ รวมทรัพย์ หรือ “การ์ตูน” อดีตโฆษกขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ได้ถูกออกหมายเรียกในข้อหานี้ จากการแชร์รายงานพระราชประวัติรัชกาลที่ 10 จากเว็บไซต์บีบีซีไทยตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 59 เช่นเดียวกับ “ไผ่ ดาวดิน” แต่เธอตัดสินใจลี้ภัยเดินทางออกนอกประเทศไทยไป ทำให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยจากข้อหามาตรานี้ที่เกิดขึ้นล่าสุดในปีนี้

ผลกระทบจากการใช้มาตรา 112 จึงจะยังคงดำรงอยู่สืบเนื่องต่อไป


การปิดกั้นและการคุกคามที่ยังดำรงอยู่


ในปีนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยังได้รับรายงานในเรื่องการที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจมีการติดตามตัวบุคคลถึงบ้าน และเรียกบุคคลไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ทั้งในค่ายทหารและสถานีตำรวจ หลังโพสต์แสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือดูแลเพจบางเพจที่มีเนื้อหาทางการเมือง โดยนอกจากการพูดคุย การตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว ยังมีจัดทำบันทึกการให้ปากคำ การนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปคัดลอก-ตรวจสอบข้อมูล และให้เซ็นข้อความที่ระบุว่าจะไม่กระทำอีก

กรณีเหล่านี้ยังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่ปรากฏเป็นข่าวสาธารณะ และในปีนี้ยังไม่มีจำนวนแน่ชัดว่าเกิดขึ้นในปริมาณมากเพียงใด

ขณะเดียวกัน การปิดกั้นเนื้อหาต่างๆ ในโลกออนไลน์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ก็ยังดำรงอยู่ โดยจากข้อมูลของเฟซบุ๊ก ระบุว่าในปีนี้ระหว่างเดือน ม.ค. ถึง มิ.ย. เฟซบุ๊กได้มีการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาจำนวน 285 ชิ้น รวมทั้งเพจและโพสต์ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นไปตามคำขอของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวนถึง 283 ชิ้น

อีกทั้ง ในปีนี้ก็ยังมีปฏิบัติการของพลเมืองด้วยกันเอง ที่ใช้ทั้งมาตรการทางกฎหมายหรือมาตรการทางสังคม ในการดำเนินการกับผู้ที่แสดงออกเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น กรณีพล.ต.เหรียญทอง ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ออกมาประกาศไล่พนักงานของโรงพยาบาลออก โดยอ้างว่ามีการฉีกธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ และไม่ให้ตรวจโทรศัพท์มือถือเพื่อพิสูจน์การแสดงความคิด แต่ไม่ได้มีการดำเนินคดีมาตรา 112

หรือล่าสุดกรณีที่ชมรมเหยื่อออนไลน์เข้าแจ้งความต่อ ปอท. ให้เอาผิด “มิกซี่ บิ๊กเม้าธ์” เน็ตไอดอล ฐานหมิ่นประมาทจากการโพสต์วิจารณ์วิจารณ์ชุดประกวดมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงออกแบบ

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในสถานะ บทบาท และตัวบทกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในรอบปีนี้ การแสดงความคิดเห็นต่อความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในทางสาธารณะ แม้จะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์บนข้อเท็จจริงและการให้ความเห็นในประเด็นต่างๆ ที่แวดล้อม ยังถูกทำให้กลายเป็นเรื่องอัน “อ่อนไหว” หรือกระทั่ง “ต้องห้าม” ในสังคมไทย

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรอบปีนี้ จึงไม่ควรถูกพิจารณาแต่เพียง “รูปแบบ” ที่แปลกต่างออกไป แต่ยังต้องจับตา “เนื้อหา” ที่ดูจะยังไม่ได้เปลี่ยนแปรไปในสาระสำคัญแต่อย่างใด



เผยแพร่ครั้งแรกที่ การเปลี่ยนแปลงของแนวทางการบังคับใช้มาตรา 112 ในรอบปี 2561


[full-post]


Posted: 29 Dec 2018 03:01 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2018-12-29 18:01

ทีมข่าวการเมือง

ในโอกาสที่ประชาไทยกให้ RAD เจ้าของเพลง 'ประเทศกูมี' เป็นบุคคลแห่งปี 61 ด้วยเนื้อเพลงที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ผ่านมา จึงขอตีความและรวบรวมข่าว/บทความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเพลงมานำเสนอเป็นเชิงอรรถ

จากกรณีที่ประชาไทยกให้ กลุ่มศิลปินเเร๊ป RAP AGAINST DICTATORSHIP (RAD) เจ้าของเพลง 'ประเทศกูมี' เป็นบุคคลแห่งปี ด้วยไรม์ที่มีเนื้อหาบันทึกสังคมการเมืองไทย บวกกับผลสะเทือนทั้งในยูทูบที่มิวสิควิดีโอซึ่งเลือกเอาฉากแขวนคอในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มาเป็นเบื้องหลังจนมียอดเข้าถึงในยูทูบเกือบล้านวิว รวมทั้งมียูทูบเบอร์ทั้งในและต่างประเทศรีแอคกับมิวสิควิดีโอนี้อีกจำนวนมาก ขณะที่โลกออฟไลน์ก็มีปฏิกิริยาตั้งแต่ผู้มีอำนาจรัฐที่ออกมาทำท่าทีขึงขังในการจะจัดการคนกลุ่มนี้ ขณะที่กระแสตอบรับในสังคมกลับได้รับการยอมรับในมุมกว้าง ร้านค้าข้างทางต่างๆ แม้กระทั่งฟิตเนสก็มีการนำมาเปิด

โอกาสนี้ทีมข่าวการเมืองประชาไทจึงลองใส่เชิงอรรถตามการตีความของพวกเรา ที่ไม่เกี่ยวกับการตีความของ RAD เพื่อเป็นน้ำจิ้มประกอบกับบทสัมภาษณ์ที่เรายกให้พวกเขาเป็นบุคคลแห่งปี ดังนี้


ประเทศที่เสือดำหน้าคะมำเพราะ Rifle[1]
ประเทศที่พล่ามแต่ศีลธรรมแต่อาชญากรรมสูงกว่า Eiffel[2]
ประเทศที่กฎหมายไม่สู้พระธรรมหรือ Bible[3]
ประเทศที่คนดี ๆ มี ไม่สดุดีเป็น idol[4]

ประเทศที่ตุลาการมีบ้านพักบนอุทยาน[5]
ประเทศที่ใจกลางกรุงกลายเป็นทุ่งสังหาร[6]
ประเทศที่ผู้นำทานอิฐทานปูนเป็นของหวาน[7]
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศไร้ Corruption ที่ไม่มีการตรวจสอบ[8]
ประเทศที่นาฬิกา รมต. เป็นของศพ[9]
ประเทศที่มีสภาเป็นห้องนั่งเล่นของนักรบ[10]
ประเทศที่เขียนรัฐธรรมนูญให้กองทัพใช้ตีนลบ[11]

ประเทศที่ศิลปินวางท่าเป็นขบถ[12]
ประเทศที่ขบถเจออำนาจราดจนหัวหด
ประเทศที่ขบถเดินตามรัฐเป็นฝูงมด
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่มีคนใส่สูทเวลาติดคำพูดปากเขาว่าแล้วตาขยิบ
คนจนวิ่งตามนโยบายต้องตายเพราะไม่มีบัตรสามสิบ[13][14]
ประเทศที่รวยอำนาจเลยจับเสือป่ายังกะปลาดิบ[15]
จับมือใครดมไม่ได้ ก็เอาเป็นว่างั้นกูไม่ผิด

ประเทศที่ฆ่าคนตายถ้ามีเงินก็ช่วยคดี[16]
ประเทศที่กฎยืดได้ซะยิ่งกว่าแขน Luffy[17]
คนแสร้งพูด จงทำดี จงทำดี
ประเทศกูมี ประเทศกูมี[18]

ประเทศที่ปลายกระบอกคอยจ่อที่ปลายกระเดือก
ประเทศที่บอกเสรีแต่ดันไม่มีสิทธิ์เลือก[19]
ประเทศที่ด่าไม่ได้ทั้ง ๆ ที่ติดที่ปลายเหงือก
ประเทศที่สิ่งที่มึงทำผู้นำจะส่องตามเสือก[20][21]

ประเทศที่อธิปไตยถูกยึดไว้โดยคนสถุน[22]
ประเทศที่มึงจะต้องเลือกจะอมความจริงหรืออมกระสุน
ประเทศที่ขุนกินเบี้ยมีเหี้ยและยิงเป็นฝูง
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่รัฐบาลไม่มีใครกล้าลบหลู่[23]
ประเทศที่มีกฎหมายไว้ให้ตำรวจข่มขู่[24]
ประเทศที่คนมีความคิดต้องพากันแสร้งว่าหลับอยู่
และถ้ามึงไม่อยากอยู่ถ้าเกิดเขาบังคับมึงก็ต้องอยู่[25]

ประเทศที่คนไม่อ่านหนังสือโดยเฉพาะผู้นำ
ประเทศที่บอกให้อยู่เฉย ๆ ถ้าไม่อยากนอนเรือนจำ[26]
ประเทศที่คนมียศทุจริตแค่ไหนก็รอดทั้งวัน[27]
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่พรรคการเมืองเสือกแบ่งเป็นสองขั้ว[28]
ประเทศที่พลเมืองในเมืองแม่งถูกแบ่งเป็นสองข้าง[29]
ประเทศที่คนแม่งตาย ตาย ตาย ในม็อบทั้งสองขั้ว[30]
ประเทศที่คนแม่งกลัว กลัว กลัว ทหารทั้งสองข้าง

ประเทศที่ 4 ปี แล้วไอสัสแม่งยังไม่เลือกตั้ง[31]
ประเทศที่เสรีไอสัสแม่งบอกว่ากูน่ะเลือกได้
ประเทศที่เลือกนายกต้องให้ทหารมาเลือกให้[32]
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่งบประมาณเกินค่าประมาณ[33]
ประเทศที่อุกฉกรรจ์มีเงินคอยซุกตามบ้านข้าราชการ[34]
เป็นประเทศที่ผู้นำค่อนข้างจะน่ารำคาญ[35]
ประเทศที่มีกฎหมายแต่ใช้ปืนกลล้มหน้ากระดาน[36]

ประเทศที่คนยังสุขสำราญแต่ใช้ชีวิตอยู่ในกะลา[37]
4 ปีผ่านไปภายใต้บาทา ไม่มีใครเดินข้างในสภา[38]
ประเทศที่แม่งน่าเอือมระอา ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ดี
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่มีทุกสิ่งยกเว้นหนึ่งสิ่งคือสามัญสำนึก
ขับเคลื่อนฟันเฟืองด้วยเงินตราเหมือนเป็นคาถาสารพัดนึก[39]
เนิ่นนานจนตกผลึกอาจได้เป็นเพชรที่ส่องประกาย
ความชั่วบูชากันเป็นฝูงลิงบนแท่งศิลาของความเห็นแก่ตัว

มัวเมาจนไร้สมองที่โง่เขลาจนไร้การตอบสนอง
เพิกเฉยต่อความถูกต้องปล่อยให้สัตว์ชั่วเนิ่นนานยิ่งหยิ่งผยอง[40]
ปกครองทุกสิ่งด้วยความมืดและความกลัว[41]
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่ดีจังแบบว่าโคตรจะจีรัง
รุ่งโรจน์ไม่ยั่งยืนโดนลักเอาเปรียบมีคนที่เกลียดจนล่ำลือ[42]
ประเทศโดนคว่ำบาตรแล้วมีคนลำบากทุกย่านเดิน[43]
ประเทศในร่างมารมีรัฐประหารต้องทนและกล้ำกลืน[44]

ประเทศที่ลั่นปืนใส่ผู้ชุมนุมในค่ำคืน[45]
ประเทศเอากฎหมายแต่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ชิบหายแล้วบ้านเมือง[46]
ประเทศที่ตั้งตาขยายพันธุ์แดกงบไปมากเปลือง[47]
ประเทศกูมี ประเทศกูมี

ประเทศที่มีความสามารถเสกกฏหมายกลายเป็นข้ออ้าง[48]
ประเทศที่ประชาชนแต่งกลายด้วยความหวังเป็นท่อนบน และมีความจนเป็นท่อนล่าง[49]
ประเทศที่ดูแล้วมันหูตึงจึงไม่ได้ยินประชาชนในช่องว่าง[50]
ประเทศที่ต่างคนก็ต่างบอก ต่างก็ชอบรับฟัง[51]

ประเทศที่เก็บบัญชีในข้อสอบ ต่างก็แย่งกันตอบ เพราะต่างชอบนับตังค์
ประเทศที่ใส่สัญญาหลอก ๆ เป็นกระสุนลงกระบอก สร้างระบอบหลอก บอกให้รักมัน[52]
ประเทศที่แจกเก้าอี้เป็นคำตอบคงดูออก เราชอบนั่งนับวัน[53]
ประเทศกูมี ประเทศกูมี






[1] เสือดำ, PPTV https://bit.ly/2LzdsbD, เสือดำ, ประชาไท https://prachatai.com/category/เสือดำ


[2] นิธิ เอียวศรีวงศ์: รัฐลอยนวล https://prachatai.com/journal/2018/09/78565


[3] ทำไม ‘คนดี’ ในระบบคิดแบบพุทธไทยไม่เคารพหลักการสาธารณะ https://prachatai.com/journal/2018/06/77536


[4] อัตลักษณ์ ‘คนดี’ กับความล้าหลังของประชาธิปไตยไทย https://prachatai.com/journal/2017/12/74699


[5] บ้านพักตุลาการ: ผูกขาดทรัพยากรในมือรัฐ ความไม่เป็นธรรมบนบ่าประชาชน https://prachatai.com/journal/2018/05/76749


[6] การสลายการชุมนุม 10 เม.ย. – 19 พ.ค. 2553 https://prachatai.com/category/การสลายการชุมนุม-10-เมย-–-19-พค-2553


[7] คดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพัก https://prachatai.com/category/คดีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพัก


[8] ดัชนีคอร์รัปชันโลก 2017 ไทยติดอันดับ 96 แต่คะแนนยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก https://prachatai.com/journal/2018/02/75554


[9] นาฬิกา https://prachatai.com/category/นาฬิกา


[10] ไอลอว์ เผย สนช. 89% เป็นทหาร-ข้าราชการ เห็นชอบกฎหมายทุกฉบับเกิน 90% https://prachatai.com/journal/2017/02/70114


[11] ใบตองแห้ง: “ฉีก รธน.” อาชีพสงวน https://prachatai.com/journal/2018/06/77245


[12] นักวิชาการเปิดเส้นทางบทบาทศิลปะต่อต้านประชาธิปไตย-รบ.ทหาร ย้ำควรแสดงออกได้เสรี https://prachatai.com/journal/2017/08/72946


[13] ย้ำกรณียาย 65 ตาย ไม่ได้กล่าวหาหมอไม่ยอมรักษา แต่เพราะไร้สิทธิบัตรทอง จึงไม่กล้าไป รพ.อีก, ประชาไท, 20 ต.ค. 2561 https://prachatai.com/journal/2018/10/79237


[14] ตามรอยเส้นทางบ่อนทำลาย 30 บาทรักษาทุกโรค เมื่อสุขภาพคน 48 ล้านคนคือภาระ, ประชาไท, 4 ก.ย. 2561 https://prachatai.com/journal/2018/09/78570


[15] เสือดำ, PPTV https://bit.ly/2LzdsbD, เสือดำ, ประชาไท https://prachatai.com/category/เสือดำ


[16] 5 ปี ‘บอส’ กระทิงแดงชนตร.ตาย ดึงเชงหวังคนลืม หรือ ใครบกพร่อง!?, ไทยรัฐออนไลน์, 5 เมษายน 2560 https://www.thairath.co.th/content/904840


[17] ประกาศ คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) http://library2.parliament.go.th/giventake/ncpo.html


[18] สัมมาชีพเต็มพื้นที่รากฐานของสังคม, นพ.ประเวศ วะสี, 1 มิถุนายน 2550 https://www.doctor.or.th/article/detail/1239


[19] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF


[20] Single Gateway https://prachatai.com/category/single-gateway


[21] สนช. ถกร่าง พ.ร.บ.ข่าวกรองวันนี้ ‘ดีอี’ ผุดจ้างทำระบบเช็คหน้าบนโซเชียล https://prachatai.com/journal/2018/12/80238


[22] ย้อนรอยรัฐประหาร 13 ครั้ง นานแค่ไหนกว่าจะเลือกตั้ง คสช.ท้าชิงสฤษดิ์-ถนอม

https://prachatai.com/journal/2017/01/69609


[23] iLaw เผย ม.116 มีอัตราการใช้สูงขึ้นหลัง รปห. 57 พบ 20 คดีส่อนัยใช้ปิดปากประชาชน https://prachatai.com/journal/2017/08/72996


[24] 'เอกชัย' ระบุมีตำรวจรออยู่หน้าบ้านแต่เช้า https://prachatai.com/journal/2018/02/75359


[25] ประกาศ คสช. ฉบับที่ 21/2557 เรื่อง ห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร http://library2.parliament.go.th/.../ncpo-annouce21-2557.pdf ต่อมามีการยกเลิกด้วย คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 25/2559 เรื่อง ยกเลิกการห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร (มีผลใช้บังคับ 1 มิ.ย. 2559) แต่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเคยแสดงความเห็นว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 25/2559 เแม้อาจจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ต่อรัฐบาลที่คล้ายผ่อนคลายความเข้มงวดลง แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนมีผู้ได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่ราย และอาจมีการจำกัดสิทธิที่เพิ่มมากขึ้นจากถ้อยคำตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับนี้

https://www.tlhr2014.com/?p=2044


[26] กฎหมายห้ามชุมนุมในรัฐทหาร https://ilaw.or.th/node/4706 มาตรา 112 https://prachatai.com/category/มาตรา-112


[27] อย่าจบแค่เอาผิดคนขาย! หลังศาลสั่งคุก 9 ปี ตัวแทนขาย GT200 ให้นิติเวช https://prachatai.com/journal/2018/10/79081 สอบไมค์แพงสรุป ไม่ถึงขั้นทุจริต แต่ส่วนต่างเยอะ https://www.thairath.co.th/content/456599 แถลงผลสอบอุทยานราชภักดิ์ ไม่พบจ่ายค่าหัวคิว มีแต่จ่าย "ค่าที่ปรึกษา" 20 ล้านบาท https://news.thaipbs.or.th/content/251184 ใช้เวลาเกือบปี ป.ป.ช. ลงมติ 5:3 แหวนมารดา-นาฬิกายืมเพื่อนไม่ผิด พล.อ.ประวิตร รอด https://prachatai.com/journal/2018/12/80264


[28] สภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 23, วิกิพีเดีย https://bit.ly/2EJiReM สภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 24, วิกิพีเดีย https://bit.ly/2Q27lwT


[29] Time: สงครามระหว่างสี: ทำไมแดงถึงเกลียดเหลือง, 29 พ.ย. 2556 https://prachatai.com/journal/2013/11/50071


[30] Timeline: รำลึก1ปี ความรุนแรงที่รามคำแหง-ราชมังคลาฯ https://prachatai.com/journal/2014/12/56763 , รายงาน : ข้อเท็จจริงเบื้องต้น และ เสียงญาติผู้เสียชีวิต นศ.ราม-เสื้อแดง https://prachatai.com/journal/2013/12/50188 , การสลายการชุมนุม 10 เม.ย. – 19 พ.ค. 2553 https://prachatai.com/category/การสลายการชุมนุม-10-เมย-–-19-พค-2553


[31] บีบีซีไทย, ส่อเลื่อนวันเลือกตั้งครั้งที่ 5 จะมีใครเป็น “โมฆะบุรุษ” https://www.bbc.com/thai/thailand-42770720


[32] ก่อนเลือกตั้ง 8 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ ส.ว. | iLaw.or.th https://ilaw.or.th/node/4936


[33] ฉลุยอีกแล้ว! สนช.ผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 62 ภายใน 3 ชม. วงเงิน 3 ล้านล้าน ไม่ค้านสักคน https://prachatai.com/journal/2018/08/78504


[34] สำนักข่าวอิศรา, มาเอาเงินของนาย! คนร้ายเล่า วันปล้นบ้าน ปลัดคมนาคม มี 500 ล. ขนได้ 200 ล. https://www.isranews.org/isranews-scoop/61722-report-61722.html , ไทยโพสต์, ศาลฎีกาฯสั่งคุก!'สุพจน์ ทรัพย์ล้อม'อดีตปลัดคมนาคมไม่แสดงทรัพย์สินกว่า 20 ล้าน https://www.thaipost.net/main/detail/20195


[35] พบส่งท้าย 5 ปีที่ผ่านมา ประยุทธ์จะสัญญาปรับปรุงอารมณ์ตัวเอง ไม่โมโหง่าย https://prachatai.com/journal/2018/12/80139


[36] ฉีกชั่วคราว รธน.50 เว้นหมวดกษัตริย์ ศาล-ส.ว.-องค์กรอิสระทำหน้าที่ต่อ https://prachatai.com/journal/2014/05/53397


[37] พอเพียงกับตัวเลข GDP เติมความสุขกับ GNH https://prachatai.com/journal/2006/06/8804


[38] 'ไอลอว์' เผยสถิติการใช้อำนาจของ คสช. 4 ปี ที่ผ่านมา พร้อม สนช. ที่ผ่านกฎหมายอย่างน้อย 292 ฉบับ โดย 17 ฉบับ ผ่าน 3 วาระรวดในวันเดียว https://prachatai.com/journal/2018/05/77035


[39] ผู้จัดการออนไลน์, คนจนเฮ! รัฐโอนเงินของขวัญปีใหม่ เข้าแถวแห่กด ATM แน่นตู้ https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000122543


[40] สุรชาติ บำรุงสุข: ภัยเสรีนิยม ภาพจางของทหารอาชีพกับสังคมไทยเปลี่ยนไม่ผ่าน https://prachatai.com/journal/2017/09/73320


[41] 1 ทศวรรษคดี 112 ตอนที่ 1: สถิติและความเป็น ‘การเมือง’ ของคดีหมิ่นฯ https://prachatai.com/journal/2017/11/74108


[42] สามชาย ศรีสันต์: นิยาม-แก้ปม 'คนจน' มีปัญหา เสนอให้เข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียมhttps://prachatai.com/journal/2018/12/80127


[43] ไทยติด 1 ใน 38 ประเทศ ‘น่าละอาย’ รายงาน UN กรณีคุกคามนักสิทธิฯ - ผู้เกี่ยวข้อง

https://prachatai.com/journal/2018/09/78686 , ดูความรู้รอบเรือ เมื่อรัฐเล็งทุ่ม 3 พันล้านบาทซื้อเรือประมงไปทำปะการังเทียม https://prachatai.com/journal/2018/07/77880


[44] พ่อขุนอุปถัมภ์ฯ2561 'ทักษ์ เฉลิมเตียรณ' หวังพิมพ์ครั้งสุดท้าย หยุดทหารแทรกแซงการเมือง https://prachatai.com/journal/2018/12/80145 , บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ: เส้นทาง-รากฐาน ‘ระบอบรัฐประหาร’ ที่ไม่จีรังแต่วนลูป https://prachatai.com/journal/2018/07/77787


[45] ลำดับเวลาการตายจากการสลายชุมนุมเสื้อแดง พ.ค.53 และความ(ไม่)คืบหน้าของคดี https://prachatai.com/journal/2018/05/77005


[46] วรเจตน์ ภาคีรัตน์ : ว่าด้วยตุลาการและระบอบแห่งการรัฐประหาร https://prachatai.com/journal/2018/07/77786


[47] สาระ+ภาพ: นายพลล้นกองทัพ: พิจารณาสถิติแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร 2551-2561 https://prachatai.com/journal/2018/09/78803


[48] ฤทธิ์ ม.44 กรรมการสภามหาวิทยาลัย-บอร์ดสุขภาพไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน https://prachatai.com/journal/2018/12/80028


[49] พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย: เศรษฐกิจไทยทำไมไม่แข็ง https://prachatai.com/journal/2017/09/73383 , นักเศรษฐศาสตร์ชี้ไทยอาจเหลื่อมล้ำมากกว่าในรายงาน Global Wealth Report https://prachatai.com/journal/2018/12/79991


[50] โอฬาร อ่องฬะ : ทวงคืนผืนป่า รัฐองค์รวมและการไล่คนออกจากที่ทำกิน https://prachatai.com/journal/2018/08/78517


[51] มทบ.33 ปรับทัศนคติ 2 หนุ่มชู 3 นิ้ว แนะมีปัญหาให้มาเสนอ สปช.-ศูนย์ดำรงธรรม https://prachatai.com/journal/2014/11/56641


[52] เกษียร เตชะพีระ: ทำไมประเทศกูถึงมี “ลัทธิชังชาติ” https://prachatai.com/journal/2018/11/79551


[53] การทำร้ายศพเมื่อ 6 ตุลา 2519: ใคร อย่างไร ทำไม https://prachatai.com/journal/2018/11/79622


[full-post]
ขับเคลื่อนโดย Blogger.