Posted: 24 Dec 2018 07:45 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Mon, 2018-12-24 22:45
เลขาธิการ กกต. ชี้แจงสั่งสอบคลิปสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแลกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดใช้เวลา 30-60 วัน รู้ผล ย้ำกรณีโต๊ะจีนถ้ามีมูลความปิดถือเป็นคดีอาญา เผยยอดผู้ผ่านการคัดเลือก ส.ว. ระดับจังหวัดมีทั้งหมด 2,746 คน เตรียมเลือกระดับประเทศต่อไป
24 ธ.ค. 2561 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณีคลิปที่อ้างการเชิฐชวนประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเพื่อแลกกับบัตรสัวสดิการแห่งรัฐในพื้นที่จ.ยโสธร ว่า ไดเมอบหมายให้ด้านสืบสวนสอบสวนแจ้งไปยังหน่วยข่าวทางจังหวัดเพื่อตรวจสอบ โดยเฉลี่ยจะใช้เวลา 30-60 วันสรุปข้อเท็จจริงจะทราบว่าเป็นความผิดตามข้อกฎหมายใด โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาทางสำนักงานได้รายงานข้อเท็จจริงเบื้องต้นต่อที่ประชุมกกต.รวมถึงกรณีการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งที่ประชุมได้ซักถามขั้นตอนการทำงาน และให้แนวปฏิบัติว่ากรณีที่จะจัดงานหรือการกระทำที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย
“หากสำนักงานทราบล่วงหน้าควรเข้าไปติดตามตั้งแต่ต้น ไม่ใช่พอเป็นข่าวจึงเข้าไปแก้ไขจนถูกหยิบไปเป็นประเด็นการเมือง และหากกรณีที่สำนักงานเห็นว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายแล้ว ต้องตรวจสอบพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ามีมูลต้องเสนอให้กกต.ตั้งคณะกรรมการไต่สวน เริ่มจากการนำเสนอข่าวของสื่อ โดยครั้งที่แล้วได้เชิญสื่อมาให้ข้อมูล เป็นการค่อย ๆ ก้าวเข้าไปของเจ้าพนักงานว่าได้ทราบข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน เพื่อให้สามารถสืบสวนต่อไปได้ อย่างเรื่องการจัดโต๊ะจีนระดมทุนที่มีการนำเสนอรูปผังที่นั่งในงาน เราก็ต้องเชิญสื่อที่นำเสนอข้อมูลดังกล่าวมาให้ข้อมูลว่าผังดังกล่าวได้มาจากไหน ได้มาจากใคร” เลขาธิการกกต. กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า หากพบว่ามีข้าราชการบริจาค แล้วต่อมาพรรคพลังประชารัฐ คืนเงิน ถือเป็นความผิดหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ถ้าเข้าข้อกฎหมายก็ต้องดำเนินการ การคืนเงินผิดหรือไม่ต้องไปดู เพราะเรื่องนี้เข้าข่ายทางอาญา ถ้าพบว่ามีมูลความผิดทางอาญาอาจจะส่งพนักงานสอบสวนหรือส่งอัยการ
ส่วนกรณีเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แกนนำพรรคไทยรักษาชาติร้องตรวจสอบอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่สมัครเป็นสมาชิกหลังจากที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นเรื่อง แต่เรื่องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริง คงตรวจสอบไม่ยาก ซึ่งกฎหมายระบุไว้หากมีชื่อเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแล้ว ความเป็นสมาชิกจะนับย้อนไปถึงวันที่มายื่นขอยื่นจัดตั้งพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง
นอกจากนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังแถลงจำนวนผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครเป็น ส.ว. รวม 7,056 คน โดยแยกเป็นสมัครด้วยตนเอง 6,551 คน สมัครด้วยตนเองพร้อมหนังสือแนะนำชื่อจากองค์กร 505 คน มีผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด 2,746 คน แยกเป็นเพศชาย 2,116 คน และเพศหญิง 630 คน โดยสมัครด้วยตัวเอง 2,294 คน สมัครด้วยตนเองพร้อมหนังสือแนะนำชื่อจากองค์กร 452 คน ประกอบด้วย กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง สมัครด้วยตนเอง 264 คน องค์กรแนะนำ 30 คน รวม 294 คน , กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สมัครด้วยตนเอง 187 คน องค์กรแนะนำ 70 คน รวม 257 คน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า กลุ่มการศึกษาและการสาธารณสุข สมัครด้วยตนเอง 275 คน องค์กรแนะนำ 71 คน รวม 346 คน , กลุ่มอาชีพกสิกรรม ปลูกพืชล้มลุก ทำนา ทำสวน ทำไร่ ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง สมัครด้วยตนเอง 284 คน องค์กรแนะนำ 52 คน รวม 336 คน , กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคลซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้ใช้แรงงาน / อาชีพอิสระ สมัครด้วยตนเอง 217 คน องค์กรแนะนำ 14 คน รวม 231 คน , กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์ และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารการพัฒนานวัตกรรม สมัครด้วยตนเอง 149 คน องค์กรแนะนำ 29 คน รวม 178 คน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ประกอบธุรกิจ หรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว สมัครด้วยตนเอง 227 คน องค์กรแนะนำ 35 คน รวม 262 คน , กลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ สมัครด้วยตนเอง 276 คน องค์กรแนะนำ 107 คน รวม 383 คน , กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างวรรณกรรม สมัครด้วยตนเอง 187 คน องค์กรแนะนำ 26 คน รวม 213 คน และกลุ่มอื่น ๆ (ผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามย่อมมีสิทธิสมัครในกลุ่มอื่น ๆ) สมัครด้วยตนเอง 228 คน องค์กรแนะนำ 18 คน รวม 246 คน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวด้วยว่า จังหวัดที่มีผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัดมากที่สุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร 74 คน , นครราชสีมา 57 คน , ราชบุรี 56 คน , ปทุมธานี 53 คน และสงขลา 52 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัดน้อยที่สุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย บึงกาฬ 12 คน , สิงห์บุรี และชุมพร 16 คน , นครนายก และพังงา 17 คน อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กกต.จะดำเนินการเลือก ส.ว.ระดับประเทศ ในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ ที่ฮอล 2 เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ได้ผู้สมัครเป็น ส.ว. 200 คน แล้วเสนอบัญชีรายชื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คัดเลือกเหลือ 50 คน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า จากการเลือก ส.ว.ระดับจังหวัด พบปัญหาว่ามีผู้สมัครมารายงานตัวไม่ทันเวลา 08.00-09.00 น. ทำให้ถูกตัดสิทธิ์จำนวนหลายคน ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถยื่นศาลได้ เพราะมีการกำหนดกรอบเวลาไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจนถึงกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ จึงต้องยึดตามนั้น ไม่สามารถอนุโลม
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังพบปัญหามีผู้สมัครลงคะแนนในบัตรลงคะแนนด้วยเลขไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ใช้เลขอารบิกเท่านั้น เพราะเขียนด้วยเลขไทยอาจจะเป็นการทำสัญลักษณ์ให้ผู้สมัครรายอื่นเห็นว่าบัตรเลือกตั้งใบนั้นเป็นของใคร อาจจะมีการตกลงกันไว้ก่อนว่าจะลงคะแนนเป็นเลขไทย จึงต้องกำหนดให้ใช้เลขอารบิกเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นในการเลือก ส.ว.ระดับประเทศ จึงขอให้ผู้สมัครเตรียมตัวให้พร้อมและไปรายงานตัวให้ทันเวลา รวมทั้งศึกษาวิธีการลงคะแนนที่ถูกต้องด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการลงคะแนน ที่ผลออกมาเท่ากัน เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เมื่อมีคะแนนเท่ากัน ก็ต้องจับฉลาก ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ แม้จะมีผู้สมัครบางคนมองว่าผ่านการคัดเลือกเข้ามาด้วยวิธีการจับฉลากนั้น เพราะระเบียบและกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า หากคะแนนเท่ากันให้จับฉลาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกในระดับท้องถิ่น หรือระดับประเทศ ซึ่งถ้าคะแนนเท่ากัน ก็ใช้วิธีนี้มาโดยตลอด ไม่ใช่พึ่งใช้ในการเลือก ส.ว.ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
แสดงความคิดเห็น