Posted: 25 Dec 2018 06:46 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Tue, 2018-12-25 21:46
สำนักงานศาลยุติธรรมและกรมคุมประพฤติ ร่วมประชุมซักซ้อมความเข้าใจ กับศาลทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมในการนำ EM มาใช้กับผู้กระทำความผิดในระบบงานคุมประพฤติ โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562
25 ธ.ค.2561 กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม แจ้งว่า วันนี้ (25 ธ.ค.61) เมื่อเวลา 8.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้น 4 อาคารศาลอาญา สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมและ ประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ ร่วมประชุมซักซ้อมความเข้าใจกับศาลและสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศผ่านระบบการถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียง (Streaming) เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) มาใช้กับผู้กระทำความผิดในระบบงานคุมประพฤติ เพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่แก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับเงื่อนไขการ คุมความประพฤติตามที่ศาลมีคำสั่งพิพากษา และพระราชบัญญัติคุมประพฤติ พ.ศ. 2559 โดยกรมคุมประพฤติจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562
สำหรับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) จำนวน 4,000 เครื่อง จะถูกนำมาใช้กับกลุ่มผู้กระทำความผิดในระบบงานคุมประพฤติ ได้แก่ ผู้ถูกคุมความประพฤติที่เป็นผู้ใหญ่ ตามมาตรา 56 ผู้ถูกคุมความประพฤติที่เป็นเด็กและเยาวชน ผู้ต้องขังที่ได้รับการพักการลงโทษ/ลดวันต้องโทษจำคุก และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์และผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยมีเงื่อนไขในการคุมความประพฤติ เช่น ห้ามออกนอกเขตพื้นที่ที่กำหนด ห้ามเข้าเขตพื้นที่ที่กำหนด จำกัดความเร็ว หรือกำหนดเส้นทาง ทั้งนี้ การนำ EM มาใช้สำหรับควบคุมผู้ถูกคุมความประพฤติ ถือเป็นมาตรการแทนการลงโทษจำคุก และให้โอกาสผู้กระทำผิดให้ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวในสังคมได้อย่างปกติและยังสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว แต่ยังต้องพิสูจน์ตนเองในการปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด โดยไม่หวนไปกระทำผิดซ้ำภายใต้การคุมความประพฤติอย่างเข้มงวด ในขณะเดียวกันให้ครอบครัวได้มีส่วนช่วยในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชนอีกด้วย
แสดงความคิดเห็น