ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้มี การปกครองตามระบอบที่ควรจะเป็น อย่างที่รู้ๆกันว่า การมอบอำนาจอธิ ปไตยของปวงชนชาวไทยต่อรัฐบาลก่ อนหน้า คสช ได้สิ้นสุดลงเมื่อปี 2557 แม้ว่ารัฐบาลชุดนั้นมีความตั้ งใจที่จะคืนอำนาจอันพึงมีนั้น ให้กับประชาชน แต่ก็ถูกขัดขวาง จากการประท้วงของคนกลุ่มหนึ่งที่ เรียกตัวเองว่า “มวลมหาประชาชน” จนการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็ นโมฆะในที่สุด
หลังจากการเลือกตั้งผ่านมาเพี ยงไม่กี่เดือน การรัฐประหาร ครั้งที่ 13 ก็เกิดขึ้นและถูกจารึกลงในหน้ าประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่ค่ อยจะน่าจดจำสักเท่าไร หลังจากนั้นประเทศไทยได้มี การเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ประเทศอื่นก้าวไปไกล และรวดเร็ว เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต พัฒนาคิดค้นสิ่งต่างๆ ที่ทันสมัยมากมาย เมื่อย้อนดูประเทศไทย ประเทศไทยก็ยังคงพัฒนาอย่างช้าๆ และยังไม่มีวี่แววที่จะคื นอำนาจอธิปไตยนั้นให้กั บประชาชนชาวไทย แม้ว่าที่ผ่านมา อาจมีหลายๆสิ่งเกิดขึ้นภายใต้รั ฐบาลชุดนี้จริง แต่จะเห็นได้ว่าไม่ตอบโจทย์ คนหลายกลุ่ม เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรคนจน) โดยแท้จริงแล้ว บัตรคนจน ไม่ได้สร้างความเท่าเทียมอันเป็ นพื้นฐานสำคัญของระบอบประชาธิ ปไตย ให้กับคนในประเทศยกตัวอย่างให้ เห็นภาพชัดเจน ขณะที่คนมีรายได้ระดับกลางหรื อรายได้สูง ไม่มีสิทธิ์ได้นั่งรถเมล์ฟรี ในกรุงเทพ เช่นเดิม หรือรับสิทธิ์ลดครึ่งราคาเหมื อนผู้ใช้บัตรคนจนทั้งๆที่จ่ ายภาษีเช่นเดียวกันทั้งๆที่ คนมีรายได้ระดับกลางหรือรายได้ สูงเสียภาษีให้กับประเทศเหมื อนกันและมากกว่าผู้มีรายได้น้อย
มีคำกล่าว อดีตนายกเทศมนตรี เอนริเก เปญาโลซา ว่า "เมืองที่พัฒนาแล้วจะไม่ใช่เมื องที่คนจนทุกคนหันมาใช้รถ แต่เป็นเมืองที่คนรวยทุกคนหั นมาใช้ขนส่งมวลชน"1 เพียงแค่คำกล่าวสั้นๆนี้สะท้ อนให้เห็นชัดเจนว่าระบบขนส่ งมวลชนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่ งบอกว่าประเทศนั้นๆมีการพัฒนา และมีการจัดการ การคมนาคมได้เป็นอย่างดี ตอบสนองคนในสังคมและแสดงให้เห็ นถึงความเท่าเทียมกันของผู้ คนในประเทศที่สามารถใช้ระบบขนส่ งมวลชนของประเทศโดยได้รับการจั ดสรรการปฏิบัติเสมอกัน อันเป็นอีกหนึ่งพื้นฐานสำหรั บประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็ นประชาธิปไตย
การที่ประเทศที่ได้ชื่อว่า พัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่ รัฐให้ความสำคัญในเรื่องการจั ดสวัสดิการ(Welfare state) คือสร้างความมั่นคงและจัดสรร สวัสดิการของรัฐอย่างเท่าเที ยมกันโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ มีมาตรฐานที่ดีที่สุด คำนึงถึงความเสมอภาคของคนในสั งคมโดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็น คนจนเท่านั้น การวัดความยากจนนี้ ทำให้ลดคุณค่าความเป็นคนโดยเพี ยงแค่นำเส้นแบ่งทางรายได้มาวั ดคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นคน สำหรับประเทศไทยยังคงจัดเป็น สวัสดิการโดยรัฐ (State welfare) ที่ประชาชนยังคงมีความเหลื่อมล้ำ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง รายได้ คุณภาพชีวิต สิทธิ และโอกาสต่างๆ ประเทศไทยมักจะช่วยเหลือผู้ด้ อยโอกาส เช่น การแจกผ้าห่ม ในช่วงฤดูหนาวมักแจก เฉพาะคนที่มีรายได้น้อยหรื อขาดแคลน เท่านั้นซึ่งทำให้การจัด สวัสดิการ ของรัฐคนทุกคนไม่เสมอภาคกันเหมื อน รัฐสวัสดิการ
นอกจากนี้คนทำบัตรคนจนในต่างจั งหวัดได้รับสิทธิ์ ในการลดราคาในระบบขนส่งมวลชนจริ ง แต่น้อยมากที่ผู้ทีอยู่ ตามชนบทจะได้ใช้ ซึ่งไม่ตอบโจทย์สำหรับคนส่ วนใหญ่ มีเพียงแต่เงินเดือน 300 บาทที่ได้รับอย่างแน่นอนกั บสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ มิเพียงแต่เท่านี้บางคนไม่มี ความซื่อสัตย์ (อันเป็นลักษณะพื้นฐานที่ติดตั วของคนไทยบางคน) เห็นแก่ประโยชน์ของตน สวมรอยทำบัตรดังกล่าวแม้ว่ าฐานะจะดีแต่ได้รับบัตรนี้อย่ าง่ายดาย จะเห็นได้ว่าปูพื้นฐานประชาธิ ปไตยได้เป็นอย่างดี มองไม่เห็นความเหลื่อมล้ำของสั งคมแม้แต่นิดเดียว
ที่เห็นได้ชัดเจนอีกอย่างคือ เรื่องค่านิยม 12 ประการ เป็นสิ่งที่เด็กๆ หลายคนท่องจำจนขึ้นใจแต่หลายๆข้ อ ผู้ใหญ่ยังไม่สามารถแสดงให้เด็ กดูได้ ออกข่าวจนรู้สึกเอือมละอาที่ จะเปิดโทรทัศน์หรือสื่อโซเชี ยลเน็ตเวิร์คต่างๆ จะเห็นได้ว่ามีข่าวอาชญากรเต็ มไปหมด ข่าวทุจริตคอรัปชั่น ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่ ของผู้มีอำนาจ นักการเมือง ทหาร ตำรวจ รวมไปถึงหลายสาขาอาชีพที่มั กจะมีการรายงานตามแหล่งข่าวต่ างๆ
ในข้อเรียนรู้อธิปไตยของประชา คือ ไม่มีให้เรียนรู้เพราะหลายๆคน ไม่ทราบว่า อำนาจอธิปไตยคืออะไร จนถึงวันนี้ ปีพุทธศักราช 2561 กล้าที่จะพูดว่า ประชาชนชาวไทย มากกว่า 4 ล้านคนไม่ทราบว่าอำนาจอธิปไตยคื ออะไร การเลือกตั้งในแต่ละครั้งมี คนจำนวนหนึ่งที่ตระหนักถึ งการใช้สิทธิพื้นฐานของตน ในการเลือกผู้แทนราษฎรหรือรั ฐบาลที่เลือกโดยการพิจารณาไตร่ ตรอง และคำนึงถึงการพัฒนาประเทศเป็ นหลัก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลื อกเพราะปัจจัยต่างๆ ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบพฤติ กรรมการออกเสียง A General model of voting ²
1. ภูมิหลังเศรษฐกิจสังคม ครอบครัว (Social context) สำหรับประเทศไทยจริงๆ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามี คนจนเป็นจำนวนมากและมี คนรวยจำนวนหนึ่งซึ่งช่องว่ างของรายได้เหลื่อมล้ำกันมาก มีคนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง หากพูดให้เห็นภาพอย่างชัดเจนคือ การที่ครอบครัวคนจนเลื อกพรรคใดพรรคหนึ่งโดยพ่อเลื อกเบอร์ 1 ทุกคนในบ้าน หรือวงศาคณาญาติ ก็อาจจะเลือกเบอร์ 1 เช่นเดียวกัน และเห็นได้ชัดเจนมากในแถบชนบทที่ มีการลงคะแนนเสียงดังนี้ แต่ชนชั้นกลางก็จะค่อนข้างมี เหตุผลของตัวเอง มีความรู้หรือแนวคิดที่ก้าวหน้ ากว่ามาโต้แย้งกันได้
2. ความนิยมในตัวพรรค (Party idenfication) ประเทศไทยมีความชัดเจนเป็นอย่ างมาก แบ่งเป็น กีฬาสีของประเทศอย่างชัดเจน จะเห็นได้ว่า 2 พรรคใหญ่ จะมีคนที่เชื่อหรือมีอุดมการณ์ ร่วมกับพรรคๆ นั้น เมื่อพรรคนั้นลงรับสมัครเลือกตั้ งครั้งใดก็ตั้งใจจะเลือกพรรคนั้ นตลอด
3. ปัจจัยด้านพรรค (Government and Party action) วิปรัฐบาลค่อนข้างได้เปรี ยบเพราะเป็นผู้ควบคุมงบประมาณ บริหารจัดการงบ และจัดทำนโยบายหากทำได้ดี ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ ดีขึ้น การเลือกตั้งครั้งหน้ารัฐบาลชุ ดนี้ก็จะได้รับความนิยมได้รั บการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งอี กวาระหนึ่ง แต่ถ้าทำผิดพลาด ทุจริตขึ้น หรือถูกฝ่ายค้านโจมตี หรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ความนิยมของพรรคก็จะเปลี่ยนไป ในส่วนของประเทศไทยนั้นจะมีวงจร อิจฉาริษยา เกิดขึ้นกับรัฐบาล หากพรรคใหญ่พรรคหนึ่งจัดตั้งรั ฐบาลขึ้นก็จะเกิดการประท้วง หรือปิดสถานที่ราชการขึ้น จนในที่สุดอำนาจอธิปไตย ตกไปอยู่ในมือของ ท.ท....
4. ปัจจัยด้านสื่อ (Media context) สื่อเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิ พลต่อความคิดของคนมากในยุคสมั ยนี้ จะเห็นได้ว่า ข่าวบางข่าวไม่ได้เป็นเรื่องจริ งแต่มีการเผยแพร่เกิดขึ้น เช่น ในโลกออนไลน์ หลายๆคนมักเชื่อถือข่าวเหล่านั้ นได้อย่างง่ายดาย และสื่อมีอิทธิพลต่ อการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพราะ จะมีการพูดสนับสนุ นพรรคตลอดเวลาในทางกลับกันมั กโจมตีและเสียดสีพรรคตรงข้ามอยู่ เป็นประจำ ดังนั้นเมื่อผู้รับสื่อเป็ นแฟนคลับช่องไหน ก็จะเลือกพรรคนั้น
จะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งมีปั จจัยต่างๆ ทั้งในช่วงก่อนการเลือกตั้งที่ มีการวางรากฐานหรือเตรียมการ การเลือกตั้งของไทยก็มี ความบกพร่องในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาลชุ ดๆนั้น ความพร้อมของประชาชน ปัจจัยต่างๆที่มีอิทธิพลต่ อประชาชน ก็ส่งผลในการเลือกตั้งในแต่ ละครั้ง ไม่ใช่การมอบอำนาจให้กับรั ฐบาลเพื่อมาพัฒนา ดูแล ประเทศชาติอย่างแท้จริงแต่เป็ นการนึกถึงผลประโยชน์ ของตนมากกว่า เช่น ต้องการเอาชนะ ต้องการนโยบายประชานิยม หรือที่ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งคือ การเลือกตั้งเพราะได้รับค่าจ้าง ของคนไทยบางคนเมื่อได้เงินแล้ วจึงออกไปใช้สิทธิ์ของตนอย่ างสนุกสนานโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้ งสิ้น
การเลือกตั้งจะไม่มีความหมาย หากคนไทยไม่มีความรู้ การศึกษา และไม่ตระหนักถึงสิ่งที่ควรจะมี ควรจะเป็นแม้ว่าการเลือกตั้ง จะเป็นอำนาจอันพึง แต่ถ้าหากมีแล้วใช้ในทางผิดๆ อย่างที่ผ่านมาก็จะทำให้สั งคมไทยมักมีรัฐบาลที่อยู่ไม่ ครบวาระ4 ปี อย่างที่ผ่านมา รัฐบาลชุดปัจจุบันนี้อาจจะไม่ เลือกตั้งในปีนี้ตามที่เคยกล่ าวไว้ หากจะดำรงตำแหน่งอยู่ถึง10-20ปี ก็ควรจะออกนโยบายหรือสร้ างความรู้ความเข้าใจให้กั บปวงชนชาวไทยเพื่อประชาธิปไตยที่ แท้จริง มิใช่ออกนโยบายเอาใจคนไทยอย่ างเช่นทุกวันนี้ที่ไม่รู้ว่าคื นความสุขให้ใครกันแน่
เชิงอรรถ
1 รถเมล์ สัญลักษณ์ประชาธิปไตยในเชิงปฏิ บัติ. (n.d.). Retrieved from https://www.ted.com/talks/ enrique_penalosa_why_buses_ represent_democracy_in_action/ transcript?utm_source= directon.ted.com&awesm=on.ted. com_g0RNQ&share=1758b59b4a& utm_medium=on.ted.com-none& language=th&utm_content= roadrunner-rrshorturl&utm_ campaign=
2 เชียงกูล, ร. (2560). การปฏิวัติประชาธิ ปไตยคนไทยควรรู้อะไร. กรุงเทพ: ISBN.
เกี่ยวกับผู้เขียน: อนินท์ญา ขันขาว เป็น นศ.ชั้นปีที่ 1 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แสดงความคิดเห็น