สะท้อนความถอยหลังทุกด้านสิครับ ตั้งแต่เนื้อหาในร่าง รธน. มาจนรูปแบบวิธีการทำประชามติ
รธน.2550 พยายามออกจากความเป็นประชาธิปไตยมาครึ่งใบ ลด สว.เลือกตั้งเป็นสรรหากึ่งหนึ่ง เพิ่มอำนาจศาลองค์กรอิสระ ศาล รธน.ยุบพรรคได้ แต่ในการทำประชามติ ยังเปิดกว้างให้ดีเบตให้รณรงค์ แม้ไม่เต็มที่นักเพราะอยู่ใต้กฎอัยการศึกหลายพื้นที่ แต่ กมธ.ตอนนั้นก็ใช้วิธีหลอกล่อ รับ รธน.เลือกตั้งเร็ว รับไปก่อนแก้ทีหลัง แก้ง่ายนิดเดียว
รธน.2559 ต่างกันสุดกู่ เป็นความพยายามจะออกจากประชาธิปไตย แม้ครึ่งใบแบบ 50 ยังน้อยไป สว.แต่งตั้งทั้วหมด+คำถามพ่วง สว.ร่วมเลือกนายกฯได้ องค์กรอิสระมีอำนาจยับยั้งนโยบาย เอาศาลฎีกามาถอดถอนนักการเมือง ฯลฯ ขณะที่การทำประชามติก็ปิดกั้นทุกวิถีทาง ไม่มีการหลอกล่อว่ารับ รธน.เลือกตั้งเร็ว รธน.แก้ยากจนความเป็นจริงไม่มีทางแก้
แต่จุดขายที่เอามาอ้างคือ อำนาจที่ไม่มาจากเลือกตั้งนี่ละจะปราบโกง วางยุทธศาสตร์ชาติ ปฏิรูปประเทศ ดูแลตั้งแต่ท้องแม่ยันแก่เฒ่า
เรื่องน่าสมเพชคือวิธีคิดเช่นนี้กลับมีพวกสุดขั้วสุดโต่งสนับสนุนและเห็นด้วย อ้างเหตุต่างๆ นานา ที่ล้วนไม่มีเหตุผล ไม่มีตรรกะ ไม่มีความคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
มองอีกด้าน วิกฤติการเมืองสิบปีมานี้ได้ขุดพลังล้าหลังทางภูมิปัญญาในสังคมไทยขึ้นมาอย่างน่าสมเพชจริงๆ


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.