เมียนมาเปิดการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเป็นทางการ
รัฐบาลพรรคเอ็นแอลดีแห่งเมียนมาเปิดการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ อย่างเป็นทางการที่กรุงเนย์ปิดอว์ วันนี้ (31 ส.ค.) โดยมีผู้แทนกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย 17 กลุ่มเข้าร่วมด้วย จากทั้งหมด 20 กลุ่ม เพื่อหารือแนวทางที่จะยุติความขัดแย้งซึ่งดำเนินมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งยังเป็นการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายใต้การนำของรัฐบาลพลเรือน
นายบัน คี มูน เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพครั้งนี้ ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ และนายบันจะหารือกับรัฐบาลเมียนมา รวมถึงนางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี และผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ทั้ง 17 กลุ่ม ทั้งยังมีเป้าหมายจะเจรจากับรัฐบาลเมียนมาให้ผลักดันมาตรการปกป้องคุ้มครองชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา โดยเฉพาะกลุ่มชาวโรฮิงญาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ของเมียนมา ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555
รัฐบาลพรรคเอ็นแอลดีแห่งเมียนมาเปิดการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ อย่างเป็นทางการที่กรุงเนย์ปิดอว์ วันนี้ (31 ส.ค.) โดยมีผู้แทนกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย 17 กลุ่มเข้าร่วมด้วย จากทั้งหมด 20 กลุ่ม เพื่อหารือแนวทางที่จะยุติความขัดแย้งซึ่งดำเนินมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งยังเป็นการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายใต้การนำของรัฐบาลพลเรือน
นายบัน คี มูน เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพครั้งนี้ ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ และนายบันจะหารือกับรัฐบาลเมียนมา รวมถึงนางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี และผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ทั้ง 17 กลุ่ม ทั้งยังมีเป้าหมายจะเจรจากับรัฐบาลเมียนมาให้ผลักดันมาตรการปกป้องคุ้มครองชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา โดยเฉพาะกลุ่มชาวโรฮิงญาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ของเมียนมา ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555
ขณะที่โจนาห์ ฟิชเชอร์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำเมียนมา ระบุว่ากองทัพเมียนมายังมีบทบาทสำคัญทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เนื่องจากกองทัพมีอำนาจแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งถึง 25% ในทั้งสองสภา ทำให้กองทัพยังคงมีอำนาจในการที่จะแทรกแซงประเด็นต่างๆ ได้ แม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลพลเรือน
การเจรจาครั้งนี้มุ่งเน้นที่การหารือข้อตกลงที่จะนำไปสู่การวางอาวุธและหยุดยิงของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการจัดสรรอำนาจในการบริหารจัดการตนเองในพื้นที่ปกครองของกลุ่มชาติพันธุ์ ขณะที่กลุ่มติดอาวุธอีก 3 กลุ่มซึ่งไม่ได้เข้าร่วมในการเจรจาครั้งนี้ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขดังกล่าว
การเจรจาครั้งนี้มุ่งเน้นที่การหารือข้อตกลงที่จะนำไปสู่การวางอาวุธและหยุดยิงของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการจัดสรรอำนาจในการบริหารจัดการตนเองในพื้นที่ปกครองของกลุ่มชาติพันธุ์ ขณะที่กลุ่มติดอาวุธอีก 3 กลุ่มซึ่งไม่ได้เข้าร่วมในการเจรจาครั้งนี้ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขดังกล่าว
แสดงความคิดเห็น