แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องทางการไทย-ลาว ติดตามกรณีอุ้มหาย เนื่องในวันผู้สูญหายสากล
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรียกร้องทางการไทยและลาว ให้ติดตามกรณีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร รวมทั้งนายพอจะลี (บิลลี่) รักจงเจริญ และนายสมบัด สมพอน นักพัฒนาอาวุโสชาวลาว เนื่องในวันผู้สูญหายสากล (International Day of the Disappeared) ซึ่งตรงกับวันที่ 30 สิงหาคม ของทุกปี
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า หลายประเทศยังคงใช้วิธีการอุ้มหายเพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงติดตามกรณีการหายตัวไปของนาย สมบัด สมพอน นักพัฒนาอาวุโสชาวลาวที่หายตัวไปตั้งแต่ปลายปี 2555 อย่างต่อเนื่อง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลลาวจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสืบหาความจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากการสืบสวนของตำรวจที่ผ่านมาไม่มีประสิทธิภาพ และทางการเองไม่สามารถแจ้งความคืบหน้าการสืบสวนต่อครอบครัวของสมบัดได้ นอกจากนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังขอเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐฯ พูดถึงประเด็นดังกล่าวในการเดินทางเยือนลาวในเดือนหน้าด้วย
ในส่วนของประเทศไทยนั้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงติดตามกรณีการหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนคนสำคัญของประเทศ ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2547 และกรณีของนายพอจะลี (บิลลี่) รักจงเจริญ ผู้นำกลุ่มชาวกะเหรี่ยงในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ที่หายตัวไปเมื่อปี 2557 โดยศาลฎีกาได้ยกฟ้องผู้ต้องสงสัยทั้งหมดในทั้งสองคดี
ทั้งนี้ วันผู้สูญหายสากลมีขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่สูญหายจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ภาวะสงคราม การปราบปรามจากรัฐ หรือการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีผู้สูญหายและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยในหลายประเทศ วิธีการบังคับบุคคลให้สูญหายหรือที่เรียกว่า “อุ้มหาย” ยังคงใช้กันอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอำนาจรัฐและปิดปากผู้เห็นต่าง ซึ่งเป็นการกระทำที่การขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายระหว่างประเทศขั้นร้ายแรง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศทั่วโลก สืบหาความจริงในกรณีการอุ้มหายอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง นำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี รวมทั้งออกกฎหมายป้องกันและปราบปรามการอุ้มหาย ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตลอดจนชดเชยเยียวยาครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสมด้วย
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
แสดงความคิดเห็น