ผมอาจรู้สึกเฉยๆ กับยิ่งลักษณ์-ทักษิณ แต่ผมรู้สึกอย่างแรงกล้าในทุกด้านกับหมอเลี้ยบ (หรือพี่อ๋อย ฯลฯ) อาจเพราะเรามาจากอุดมการณ์เดียวกัน เป็น "พวกเดนตายจากการปฏิวัติ" คนตุลาที่มีอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงสังคม (แม้หมอเลี้ยบไม่ได้เข้าป่า อยู่สานต่องานนักศึกษาที่มหิดล) แล้วต้องมาต่อสู้กับเผด็จการอนุรักษ์นิยมอีกครั้ง (ฉันใดฉันนั้น ผมก็รู้สึกแรงกล้าในด้านตรงข้ามกับพวกตุลาเสื้อเหลือง แม้บางครั้งตัดไม่ขาดเพราะร่วมชะตากรรมมาด้วยกัน แต่อารมณ์โกรธและแค้น มากกว่าสลิ่มบ้านๆ หลายสิบเท่า)
แน่ละ ไม่ใช่รู้สึกอย่างนี้กับคนตุลาทุกคนในฝ่ายนี้ เพราะบางรายก็มีนะ นิสัยแย่ๆ หาประโยชน์ บางคนก็เลอะเทอะ แต่หมอเลี้ยบ - ซึ่งจริงๆ ผมมารู้จักสมัยทำไทยโพสต์แทบลอยด์สัมภาษณ์เรื่อง 30 บาทนี่เอง (ไล่ดูพบว่าเรียนเตรียมอุดมรุ่นเดียวกัน แต่หมอเลี้ยบห้องคิง ผมนี่ห้องเฮๆฮาๆ เข้ามหาลัยแกไปรามาผมธรรมศาสตร์ แม้อยู่ในขบวนนักศึกษาก็ไม่เคยรู้จัก) หมอเลี้ยบเป็นคนสุภาพ อัธยาศัยดี กับทุกคนไม่ใช่แค่กับสื่อ หรือผู้มีอำนาจ ขณะเดียวกันก็เข้มแข็งอยู่ภายใน มีหลักการ สู้งานอย่างทรหด สมัยเป็น รมช.สาธารณสุขผลักดันนโยบาย 30 บาทนี่ไม่ใช่งานง่ายนะครับ ใครก็ไม่เชือว่าทำได้ พวกหมอโรงพยาบาลใหญ่ก็ต่อต้าน อาจารย์หมอก็โวยวาย หมอเลี้ยบ หมอสงวน และหมอมงคลที่เป็นปลัดตอนนั้น มีพวกแพทย์ชนบทเป็นฐาน แต่ก็ต้องสร้างแนวร่วมกับผู้บริหาร กับหมอๆ ทั้งหลาย ต้องไปพูดคุยเคลียร์ทำความเข้าใจกับคนส่วนต่างๆ ปากเปียกแล้วปากแฉะอีก พูดง่ายๆ แต่ทำยาก คือต้องแข็งในหลักการแต่ก็ต้องประสานสิบทิศ ต้องรู้จักยืดหยุ่นในเรื่องที่ไม่กระทบหลัก นี่หมอเลี้ยบทำสำเร็จในปีกว่าเท่านั้น จนผ่าน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพและประชาชนเห็นผล จึงไปเป็น รมว.ไอซีที แน่ละ ความสำเร็จนี้ต้องยกย่องหมอสงวนพร้อมๆ กัน หมอสงวนต่างจากสายหมอประเวศคนอื่นๆ ตรงที่แกทัศนะเปิดกว้าง รู้จัก compromise (ไม่ได้เห็นคนชั่วไปหมดหรือเห็นหมอในเมืองเป็นแพทย์พาณิชย์ไปหมด) แต่ก็มั่นคงในหลักเช่นกัน ขณะที่หมอเลี้ยบต้องรับมือขึ้นมาอีกขั้น เพราะต้องเคลียร์แรงกดดันทางการบริหารทางการเมืองด้วย (ดีนะที่รัฐบาลไทยรักไทยเป็นเอกภาพ ทักษิณมั่นคงในนโยบายนี้ ไม่งั้นก็ล้มตั้งแต่แรกแล้ว คิดดูใครๆ ก็รุมถล่ม)
ที่เล่ามานี่ไม่ใช่ผมสนิทสนม แต่ยกย่องชื่นชม และติดตามการทำงานเสมอ แม้แต่ในช่วงด่ารัฐบาลทักษิณเหลิงอำนาจ ผมก็ยกหมอเลี้ยบและ 30 บาทไว้อีกด้าน มีช่วงหนึ่งเผลอด่าเรื่องแปรสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตตาม TDRI อยู่เหมือนกัน จนหลังรัฐประหารถึง "ตาสว่าง" อ๊ะนี่มันแย่งเนื้อจากปากรัฐวิสาหกิจเสือนอนกินนี่หว่า ดันหาว่า "ประเทศชาติเสียหาย"
หลังยุบพรรคพลังประชาชน หมอเลี้ยบก็แทบตัดขาดจากการเมือง ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ช่วงที่มีปัญหาหมอๆ เบื้ยเหมาจ่าย P4P ผมก็เชิญมาออกรายการที่ Voice (ซึ่งหมอเลี้ยบก็ไม่ได้เห็นด้วยกับหมอประดิษฐ์หมอณรงค์ในตอนนั้น) แล้วบางครั้ง ถ้ามีเรื่องข้องใจเกี่ยวกับปัญหาสาธารณสุข ผมก็โทรถามบ้าง เจอกันในงานศพหรืองานสังคมของเพื่อนพ้องเดือนตุลา (ขั้วนี้) บ้าง
เมื่อเดือนกรกฎา บังเอิญเจอกันในงานศพ ผมบอกด้วยความเป็นห่วงว่า คุณหมอ ผมประเมินอะไรหลายๆ อย่างแล้วผมกลัวแทนจริงๆ นะ หมอเลี้ยบบอกว่า ไม่เป็นไร ผมไม่หนี ผมเชื่อว่ามีพยานหลักฐานเป็นเอกสารราชการที่หักล้างข้อกล่าวหาได้ แต่ถ้าอะไรจะเกิดก็ให้เกิด
ครับ บวรศักดิ์เขียนลงเอกสารราชการอย่าง แต่ให้ปากคำอีกอย่าง อ้างคำพูดในโทรศัพท์ส่วนตัว
อ้อ ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ไม่ใช่ที่เขียน ส่วนที่เขียนบางส่วนก็พูดถึงความผูกพัน ว่าคำพิพากษาไม่ได้ลบล้างความรักความผูกพัน (หรือความนิยมทางการเมือง) เพียงแต่เมื่อเรา "อาศัยแผ่นดินไทยอยู่" ก็ต้องน้อมรับคำพิพากษา ส่วนคำให้การบวรศักดิ์ ความเป็นเหตุเป็นผล ก็เขียนให้คนอ่านคิดได้เอง แถมพ่วงเรื่องชูชีพ-วิทยา ติดคุก แต่อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี เรื่องถอดถอนประชา ประสพดี หาว่าแทรกแซงการประชุมบอร์ดปลด ผอ.ข้อหาทุจริต ที่ไหนได้ ปปช.กลับมติเอกฉันท์ ผอ.ไม่ผิด อยู่จนครบวาระแล้วมาเป็นผู้ว่าการยาง ที่ ครม.ลุงตู่เพิ่งแต่งตั้ง คนดี๊คนดี
"อาศัยแผ่นดินไทยอยู่" ก็ต้องน้อมรับคำพิพากษา เพียงเศร้าใจที่ครบรอบ 40 ปี 6 ตุลา "สังหารโหด" หมอเลี้ยบไม่ได้มา


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.