ปีใหม่ 2560 'ยิ่งลักษณ์' ทวง 'คสช.' คืนประชาธิปไตย 'อภิสิทธิ์' ชี้นักการเมืองจะเรียกศรัทธาคืน
Posted: 01 Jan 2017 03:25 AM PST

'ยิ่งลักษณ์' วอนทุกฝ่ายช่วยประคองบ้านเมืองปี 2560 ทวงสัญญา คสช.คืนประชาธิปไตยทำตามโรดแม็ปเลือกตั้ง เผยประเทศเสียโอกาสไปมากช่วง 2 ปี ระบุรัฐไม่จริงใจสร้างปรองดอง ห่วงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ฉุดประเทศไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ด้าน 'อภิสิทธิ์' ปลุกนักการเมืองเป็นผู้นำปฏิรูป ชี้ปี 2560 เรียกคืนศรัทธาจากประชาชน มุ่งเสนอนโยบายแก้ปากท้องเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง 
 
1 ม.ค. 2560 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงทิศทางการเมืองในปี 2560 ว่า เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ การเลือกตั้งที่จะเดินตามโรดแม็ป การเมืองปี 60 เป็นปีที่ต้องช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดในการเมืองปีนี้คือ ทุกฝ่ายเดินเข้าหาโรดแม็ปที่วางไว้ เพราะเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อกลับเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและคนไทย จะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจ
 
เมื่อถามว่า ยังมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 60 หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อยากร้องขอให้ คสช.ดำเนินการตามโรดแม็ปที่วางไว้ ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ขอให้ช่วยกันประคับประคอง เพราะเลื่อนเลือกตั้งหรือเลื่อนโรดแม็ปมานานแล้ว เราผ่านมา 2 ปี โดยไม่ได้คืนประชาธิปไตยให้ประชาชนเสียโอกาสต่างๆ ไป ไม่อยากให้เสียอะไรไปมากกว่านี้ อะไรที่ไม่จำเป็นอยากให้ช่วยกันประคับประคองแก้ไขกันไป แต่หากจำเป็นจริงๆ ควรมีเหตุผลเหมาะสมที่จะชี้แจงมากกว่าขอเลื่อนเฉยๆ มิเช่นนั้นโรดแม็ปจะเลื่อนไปเรื่อย ๆ
 
เมื่อถามว่า หวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลายเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ได้ผ่านการทำประชามติไปแล้ว อย่างไรก็ตามการออกกฎหมายต่างๆ อยากให้รัฐบาล และสนช.ฟังเสียงประชาชน เพื่อช่วยกันปรับไปเรื่อยๆ อะไรปรับได้อยากให้ปรับ อยากให้พยายามเพื่อให้บ้านเมืองสงบ อยากเห็นการปรองดองเกิดขึ้นอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาการปรองดองที่แท้จริงยังไม่ได้เห็นจากรัฐบาลชุดนี้ ขอฝากคำว่า ปรองดองที่แท้จริงไว้ เพื่อให้คนไทยกลับมามองหน้ากันได้และมีความสุข
 
เมื่อถามว่า มองว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลยังไม่จริงใจในการแก้ปัญหาเรื่องความปรองดอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลบอกว่า พยายามสร้างความปรองดองนั้น วันนี้ยังไม่เห็น ตนขอเป็นกระบอกเสียงของประชาชนอยากให้ช่วยกัน ทั้งนี้คงไม่กล้าฝากคำแนะนำไปถึงรัฐบาล เพราะรัฐบาลก็มีความสามารถ มีทีมบริหารอยู่ เชื่อว่ารัฐบาลคงรู้ว่าแนวทางอย่างไรที่สำคัญ ส่วนประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นห่วง เพราะการวางแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี เป็นเรื่องยาก วันนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไป เรื่องในประเทศก็เปลี่ยนแปลง การที่จะวางแผน 20 ปี จึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นต้องมีช่องว่างให้มีทางออกสำหรับรัฐบาลในอนาคตได้ปรับตัวให้ทัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการแก้ปัญหาประเทศ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า มาติดกับข้อกฎหมายจนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
 
'อภิสิทธิ์' ปลุกนักการเมืองเป็นผู้นำปฏิรูป ชี้ปี 2560 เรียกคืนศรัทธาจากประชาชน
 
ด้าน สำนักข่าวไทย รายงานว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปี 2560 ว่า เป็นปีที่เดินเข้าสู่ระยะที่ 3 ของโรดแมปมีความแตกต่างจากปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่มีการลงประชามติรัฐธรรมนูญ และเริ่มมองเห็นว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่ จะกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ในปี 2560  จะเห็นการเดินเข้าสู่เลือกตั้งเป็นรูปธรรมมากขึ้น
 
“แม้การเลือกตั้งจะไม่เกิดในปี 60 แต่สังคมจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากขึ้น  ความสนใจก็จะเข้าสู่ปัญหาของประชาชน ว่าจะได้รับการแก้ไขหลังการเลือกตั้งอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีความขัดแย้งแบบเดิมหลังการเลือกตั้ง ดังนั้น ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมชนบท และคนที่มีรายได้น้อย จะมีการถกเถียงแสดงออกมากขึ้น ว่าจะแก้อย่างไร เมื่อใกล้สู่การเลือกตั้งจะมีการประเมินว่า มีการปฏิรูปมากน้อยแค่ไหน อะไรที่ต้องทำต่อ และอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง” นายอภิสทธิ์ กล่าว
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าโจทย์สำคัญคือ ต้องหาคำตอบให้กับอนาคตของประเทศ ว่าจะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างไร เพราะนับวันความต้องการของประชาชนจะมีความหลากหลาย และมีช่องว่างมากขึ้น เช่น ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่มีความหมายสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีปัญหาภัยแล้ง พืชผลตกต่ำ  เรื่องเงินเฟ้อถึง 1 %  ไม่มีความหมายเท่ากับของแพงหรือไม่ เช่นเดียวกับนโยบาย 4.0 ไม่ใช่คำตอบสำหรับคนทุกกลุ่ม
 
นายอภิสิทธิ์ หวังว่า ปี 2560 จะมีความตื่นตัวเรื่องทางเลือกนโยบายมากขึ้น ก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง แทนที่จะถกเถียงเรื่องกฎหมายหรือกติกา ซึ่งพรรคจะเดินหน้าเท่าที่ทำได้ ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย แต่ผมได้พบปะกลุ่มคนต่าง ๆ หลากหลายเพื่อรวบรวมวิธีการนำเสนอนโยบายให้ตรงจุด โดยเรื่องใหญ่ที่ประเทศต้องเผชิญต้องทำให้สอดคล้องกัน เช่น การศึกษา จะพูดเรื่องคุณภาพอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูเรื่องความเปลี่ยนแปลงด้วย ทำให้ระบบการศึกษากระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม
 
“เป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดการทำงานของพรรคการเมืองในปีหน้าเพราะเมื่อกฎหมายพรรคการเมืองบังคับใช้ ก็ต้องมีการประชุม เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย  พรรคการเมืองจะมีเสรีภาพในการทำงาน และจะเป็นคำตอบว่า ประชาชนจะมีความเห็นอย่างไรกับพรรคการเมือง พรรคจะมุ่งนโยบายให้เป็นความหวังของประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนรู้สึกว่าพึ่งได้ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ของตัวเอง  ปี 2560 จึงเป็นปีที่ท้าทายว่า จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้หรือไม่ว่า พรรคการเมืองเป็นคำตอบไม่ใช่ผู้สร้างปัญหา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับพรปีใหม่  ขอให้ปี 2560 มีการวางรากฐานให้เศรษฐกิจไท ยเป็นเศรษฐกิจสำหรับคนไทยทุกคน ให้การเมืองไทยเป็นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และคนในระบบประชาธิปไตยใช้เสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ ให้สังคมไทยใช้พลังความสามัคคีเป็นพื้นฐานให้ประเทศมีอนาคตที่ดีต่อไป  คสช.ที่ต้องการวางรากฐานประเทศจะอยู่บนความคิดว่า นักการเมืองชั่วหมด ต้องกำจัดเสรีภาพคงไม่ได้ เพราะต้องนำสังคมไทยกลับสู่การเลือกตั้ง จึงหวังว่าจะปรับเปลี่ยนท่าที เพื่อเตรียมสังคมให้มีความพร้อมสำหรับอนาคตต่อไป ถ้าไม่ทำก็เสี่ยงว่า สิ่งที่ทำไว้จะไม่ได้ผลอะไร เพราะทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับกติกาที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่คิดว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะการเมืองจะเปลี่ยนอย่างไร อยู่ที่พฤติกรรมมากกว่ากติกา เนื่องจากบทบัญญัติต่าง ๆ มีความพยายามจะทำให้ดีขึ้น แต่ไม่ได้เป็นหลักประกัน เพราะปัญหาประเทศไทยที่ผ่านมาคือ การบังคับใช้กฎหมายและวัฒนธรรมทางการเมือง ถ้านักการเมืองยังมุ่งประโยชน์ของตน มองหาช่องว่างทางกฎหมาย หรือใช้กฎหมายในทางบิดเบี้ยว กติกาก็ไม่ช่วยอะไร
 
“พลังสังคมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเมือง และการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ถ้าระบบการเมืองไม่สามารถสร้างความศรัทธาได้ สุดท้ายจะย้อนกลับสู่ปัญหาเดิม เมื่อถึงการเลือกตั้ง สังคมจะมีโอกาสเลือกพรรคการเมือง ถ้าสนับสนุนคนเก่า ให้ทำแบบเก่า ก็ได้ผลแบบเก่า แต่ในฐานะนักการเมือง ก็เรียกร้องนักการเมืองด้วยกันว่า ต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.