7 จังหวัดภาคใต้รับฝนตกหนักอีก 22-25 ม.ค.นี้
Posted: 20 Jan 2017 11:13 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ปภ.เผยน้ำท่วมภาคใต้ตั้งแต่ ธ.ค. 2559 ประชาชนได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 122 อำเภอ 755 ตำบล 5,812 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 563,616 ครัวเรือน 1,725,714 คน ผู้เสียชีวิต 80 ราย วันที่ 22-25 ม.ค. ฝนตกหนักอีก 7 จังหวัด
ที่มาภาพ: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
21 ม.ค. 2560 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้ นที่ภาคใต้และจังหวัดประจวบคีรี ขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ถึงปัจจุบัน ได้รับผลกระทบ 12 จังหวัด รวม 122 อำเภอ 755 ตำบล 5,812 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 563,616 ครัวเรือน 1,725,714 คน ผู้เสียชีวิต 80 ราย ผู้สูญหาย 4 ราย ถนน 4,314 จุด คอสะพาน 348 แห่ง ท่อระบายน้ำ 243 แห่ง ฝาย 126 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง สถานที่ราชการเสียหาย 25 แห่ง โรงเรียน 2,336 แห่ง โดยล่าสุดสถานการณ์คลี่คลายอยู่ ระหว่างการฟื้นฟู 5 จังหวัด ได้แก่ ระนอง นราธิวาส ปัตตานี กระบี่ และตรัง และยังมี 7 จังหวัดที่ยังมีน้ำท่วมบางพื้ นที่ ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง ยะลา ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา รวม 27 อำเภอ 133 ตำบล 861 หมู่บ้าน
“จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุ ตุนิยมวิทย วันนี้ (21ม.ค.) จะมีฝนหนักถึงหนักมากบริเวณจั งหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จากความกดอากาศสูงกำลังค่อนข่ างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุ มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉี ยงเหนือที่พัดปกคลุมอ่ าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนวันที่ 22-25 มกราคม 2560 จะมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจั งหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส” อธิบดีปภ. กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปภ.ได้เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนั กและฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำ ท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ ยงภัย โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์ เตือนภัยติดตามสภาพอากาศอย่ างใกล้ชิด รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภั ยประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติ การเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
หลายจังหวัดภาคใต้น้ำยังท่วมหนั ก
ที่มาภาพ: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
วันเดียวกันนี้ (21 ม.ค.) สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่าฝนที่ตกหนักอย่างต่ อเนื่องตลอด 4 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโก- ลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ ง1.55 เมตร ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริ มฝั่งแม่น้ำโก-ลก 9 ชุมชน จำนวน 800 ครัวเรือน รวม 2,553 คน ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิ ดขึ้น และจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ กองสวัสดิการสังคมเทศบาลเมืองสุ ไหงโก-ลก ยังคงออกประชาสัมพันธ์แจ้งเตื อนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้ นที่ประสบภัยอพยพไปอยู่ที่ศูนย์ อพยพผู้ประสบอุทกภัยโรงเรี ยนเทศบาล 4 และโรงเรียนเทศบาล 1 แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ ยอมอพยพออกมาจากบ้าน ทำให้มีเพียง 7 ครัวเรือนรวม 24 คนเท่านั้นที่อพยพออกไปอยู่ในพื้ นที่ปลอดภัย
ด้านนายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้ อำนวยการโครงการชลประทานนราธิ วาส กล่าวว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำโก-ลกในห้วงนี้ จะเพิ่มสูงขึ้นชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร และคาดว่าจะมีระดับสูงสุดที่ ประมาณ 1.80 เมตรแล้วจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้ นอีกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณฝนจะลดลงแม้จะมี ฝนตกต่อเนื่องต่อไปจนถึงวันที่ 25 มกราคมนี้ สำหรับการระบายน้ำออกจากพื้นที่ ยังใช้การระบายน้ำทางธรรมชาติที่ น้ำในแม่น้ำโก-ลกจะไหลลงสู่ที่ ต่ำในพื้นที่อำเภอตากใบแล้ วไหลลงสู่ทะเล แต่จำเป็นต้องมีการบริหารจั ดการในส่วนของประตูระบายน้ำในพื้ นที่เพื่อป้องกันน้ำทะเลที่หนุ นสูงไหลเข้ามาสมทบ
ที่จังหวัดสงขลา หลังจากที่เกิดฝนตกต่อเนื่องกั นระยะนี้ทำให้หลายพื้นที่เกิดน้ำ ท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 4 เช่นที่บ้านแลแบง หมู่ที่ 1 ตำบลสะบ้าย้อย อำเภอสะบ้าย้อย น้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ได้ไหลลงมาเข้าท่วมตั้งแต่ช่ วงเช้าของวันนี้ (21 ม.ค. 60) และได้มีการอพยพชาวบ้ านออกจากหมู่บ้านแล้ว 36 ครัวเรือน จำนวน 202 คน ไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่ วคราวภายในศาลาประชาคมอำเภอสะบ้ าย้อย
นอกจากนี้ น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ภายในเขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้ อยบางส่วน โดยเฉพาะเส้นทางสายสะบ้าย้อย-บ้ านโหนด น้ำท่วมสูงประมาณ 50 เมตร และสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงเนื่ องจากยังมีน้ำหนุนขึ้นอย่างต่ อเนื่อง
เช่นเดียวกับในพื้นที่ 4 อำเภอริมทะเลสาบสงขลา ขณะนี้ บางพื้นที่เริ่มถูกน้ำ จากทะเลสาบสงขลาหนุนเข้าท่วมซ้ำ อีกครั้ง เช่นในพื้นที่อำเภอกระแสสินธุ์ หลายชุมชนระดับน้ำสูงขึ้น และอยู่ในภาวะเฝ้าระวัง
ส่วนสภาพน้ำท่วมในพื้นที่ เขตอำเภอเมืองยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากที่ ตำบลสะเตงนอก ซอยปะจูรง ซอย 6 ผังเมือง 4 ชุมชนหลังวัดตรีมิตร ยังคงมีน้ำท่วมขัง เนื่องจากปริมาณน้ำที่ สะสมจากฝนตกหนัก และคูระบายน้ำออกไม่ทัน อยู่ประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยลดลงจากเมื่อวานนี้ ส่วนที่ชุมชนวิฑูรอุทิศ 10 เทศบาลนครยะลา ได้เร่งนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำ ออกจากถนนที่มีน้ำท่วมขัง จนลดลงเกือบเป็นปกติ ขณะที่ ถนนเส้นทางไปยังชุมชนบ้ านเปาะยานิ ยังคงมีน้ำท่วมขังสูง เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นเส้ นทางไม่ให้รถสัญจรไป-มา เนื่องจากพื้นที่บ้านเปาะยานิ เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ประกอบกับเป็นพื้นที่รับน้ำ จากบึงแบเมาะ ซึ่งมีปริมาณน้ำล้นตลิ่งเนื่ องจากฝนตกหนัก ทำให้ยังมีน้ำท่วมขังสูงกว่า 50 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่รอบเขตเมืองยะลา ซึ่งติดริมแม่น้ำปัตตานี น้ำยังคงล้นเอ่อเข้าท่วมบ้านเรื อนประชาชน
ขณะที่ นายกาส เส็นโต๊ะเย็บ หัวหน้าสำนักงานป้องกั นและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ได้รายงานสถานการณ์หลังฝนตกหนั กต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดยะลา ว่าในส่วนของพื้นที่อำเภอเมื องยะลา มีพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 5 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 720 ครัวเรือน 2,882 คน อพยพ 32 ครัวเรือน 150 คน ถนน 3 สาย (สามารถสัญจรได้) สะพาน 1 แห่ง ฝาย 1 แห่ง พื้นที่การเกษตร 566 ไร่ บ่อปลา 2 บ่อ ประกอบด้วย ตำบลพร่อน หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 จำนวน 290 ครัวเรือน 1,450 คน ตำบลสะเตงนอก หมู่ที่ 1 , 3 , 4 , 6 , 7 , 9 , 10 , 12 , 13 จำนวน 44 ครัวเรือน 176 คน ตำบลลำใหม่ หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 จำนวน 106 ครัวเรือน 304 คน ตำบลยุโป หมู่ที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 จำนวน 280 ครัวเรือน 952 คน ตำบลท่าสาป หมู่ที่ 3 (น้ำกัดเซาะแนวริมเขื่อนแม่น้ำ ปัตตานี) โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้ องได้เร่งให้ความช่วยเหลื อประชาชนแล้ว
ส่วนแนวโน้มสถานการณ์มีฝนตกต่ อเนื่อง มีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มพื้นที่ ตำบลพร่อน อำเภอเมืองยะลา ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีและแม่ น้ำสายบุรี เริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ใกล้แม่น้ำ และคาดว่าจะขยายวงกว้างในพื้นที่ ใกล้เคียง มีการแจ้งเตือนเฝ้าระวังและติ ดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันทางชลประทานยะลา ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังเขื่อนเก็ บน้ำชลประทานปัตตานี ให้แจ้งเตือนประชาชนท้ายเขื่อน อำเภอเมือง อำเภอหนองจิก อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ลุ่มต่ำ เตรียมขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูง เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปั ตตานี ที่ไหลมาจากอำเภอบันนังสตา อำเภอกรงปินัง และอำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา มีมวลน้ำปริมาณมากจากปริ มาณฝนตกสะสม จึงอาจจะทำให้มวลน้ำดังกล่ าวไหลไปสมทบกับปริมาณน้ำในเขื่ อนปัตตานี และจะไหลลงสู่ปลายน้ำที่จังหวั ดปัตตานี ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสู งในพื้นที่ริมแม่น้ำปัตตานี จึงขอให้ประชาชนติดตามข่ าวสารจากสื่อและการแจ้งเตื อนจากทางจังหวัดในทุกระยะ
ขณะที่ เขื่อนบางลางจังหวัดยะลา ยังคงสามารถรับน้ำได้อีกถึง 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการปล่อยน้ำจากเขื่ อนบางลางแต่อย่างใด
แสดงความคิดเห็น