ความสุข การศึกษา และมหาชน
Posted: 21 Jan 2017 05:20 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, 1806-73)
การปฏิรูปการศึกษากับความสุ ขของมหาชนไม่ใช่ประเด็นใหม่แต่ อย่างใด จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, 1806-73) นักปรัชญา นักทฤษฎีรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักการเมือง และเรียกร้องสิทธิสตรีเป็ นคนแรกๆ วิเคราะห์ประเด็นนี้ มิลล์เป็นนักปรัชญาที่ได้รั บการยกย่องสูงมาก มีความใกล้ชิดกับเจเรมี เบนแธม (Jeremy Bentham, 1748-1832) ผู้เป็นบิดาแห่งแนวคิดประโยชน์ นิยม (Utilitarianism) เขาได้รับการศึกษาอย่างดีตั้ งแต่เด็ก ช่วงชีวิตหนึ่งต้องเผชิญภาวะจิ ตหดหู่ ผลงานชิ้นสำคัญคือ ว่าด้วยเสรีภาพ (On Liberty) และ ประโยชน์นิยม (Utilitarianism)
ในทางญาณวิทยา มิลล์เป็นนักประสบการณ์นิยม ซึ่งถือว่าสิ่งที่จริงต้องพิสู จน์ได้ในเชิงประจักษ์ เขาไปไกลถึงขั้นว่าแม้แต่ตรรกวิ ทยาและคณิตศาสตร์ก็เกิ ดจากการอนุมานจากประสบการณ์ ผลงานที่ชื่อระบบตรรกวิทยา (System of Logic) ของเขาก็ส่งอิทธิพลอย่างสู งในการศึกษาตรรกวิทยา แม้ว่าในช่วงหลังนักตรรกวิ ทยาหลายคนจะไม่เห็นด้วยก็ตาม อาทิ เฟรเกอ ฮุสเซิร์ล และนักคิดสายนีโอคานเทียน (Neo-Kantian)
มิลล์เสนอหลักประโยชน์นิยมที่ถื อว่าสิ่งที่มนุษย์ปรารถนาคือสิ่ งที่คนทั่วไปปรารถนากันจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตที่ดีที่เป็ นสากลและเป็นนามธรรม และความสุขบางอย่างสูงส่งกว่ าความสุขบางอย่าง มิลล์ยกตัวอย่างความสุขของหมูย่ อมไม่เท่ากับความสุขของคน หลักประโยชน์นิยมถือว่าความสุ ขจำนวนมากที่สุดสำหรั บคนจำนวนมากที่สุด นอกจากนี้ มิลล์ยังเสนอหลักการแห่งเสรี ภาพที่ถือว่าปัจเจกบุคคลมีเสรี ภาพ ไม่ควรตกอยู่ภายใต้อิทธิ พลของคนอื่นหรือสังคมอย่างเซื่ องๆ หลักการสองอย่างนี้ปรากฏในแนวคิ ดทางการศึกษาของเขาด้วย
David E. Cooper เห็นว่า แนวคิดทางการศึกษาของมิลล์ อาจจะแบ่งเป็น 2 ด้าน ด้านแรกเรียกว่าปรัชญาการศึกษา มิลล์เห็นว่าเด็กมีความเห็นแก่ ตัว หมายถึงมีความปรารถนาต่อสิ่งที่ อยู่เฉพาะหน้า ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวแบบผู้ใหญ่ ที่คำนึงคำนวณประโยชน์ระยะยาว การศึกษาต้องมีหน้าที่ขั ดเกลาให้เด็กคำนึงถึงความสุ ขของส่วนรวมด้วย มิลล์เห็นว่าจะต้องใช้การศึ กษาและทัศนคติซึ่งมีอิทธิพลต่ อบุคลิกลักษณะของมนุษย์ เพื่อสร้างจิตใจของปัจเจกบุ คคลเพื่อผสานระหว่างความสุขส่ วนตัวกับสิ่งที่ดีสำหรับส่วนรวม อีกด้านหนึ่ง มิลล์ให้ข้อเสนอเกี่ยวกับการจั ดการศึกษา หรือการปฏิรูปการศึกษา มิลล์เห็นว่ารัฐต้องจัดหาการศึ กษาที่ดีให้แก่เยาวชน มิเช่นนั้นจะถือเป็นการกระทำที่ ผิดศีลธรรม (moral crime) มิลล์ไปไกลถึงขั้นเสนอว่าควรให้ สิทธิทางการศึกษาแก่สตรีจนถึ งระดับมหาวิทยาลัยด้วย หากพิจารณาถึงเงื่อนไขในยุคสมั ยของเขา นับว่าข้อเสนอนี้ล้ำหน้าอย่ างมาก
ยิ่งกว่านั้น ประเด็นที่ยังเป็นข้อพิพาทกัน และไม่อาจหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ อย่างเช่นเรื่องศาสนาก็ไม่ควรมี การสอน เพราะจะเป็นการจำกัดความคิดเห็น เขากล่าวถึงขั้นว่า “ความพยายามทั้งหลายทั้ งปวงของรัฐที่มีอคติเอนเอียงเกี่ ยวกับข้อสรุปของพลเมืองที่มีต่ อเรื่องที่ยังเป็นข้อพิพาทกั นอยู่นั้น ถือว่าเป็นความชั่วร้าย” (On Liberty, p. 241.) อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของมิลล์ที่ดูจะค่ อนไปทางอนุรักษนิยมก็มีอยู่ นั่นคือ เขาเสนอให้เด็กต้องเรียนภาษากรี กและละตินเพื่อพัฒนาสติปัญญา โดยสรุป มิลล์ถือว่ารัฐมีหน้าที่จั ดการศึกษาให้ประชาชน แต่ไม่ควรเข้ามากำกับการศึกษา เพื่อป้องกันการลำเอียงเข้าข้ างทัศนะแบบใดแบบหนึ่ง
มิลล์เห็นว่าถึงที่สุดแล้วอุ ปสรรคสำคัญที่จะกีดกั้นไม่ให้ เข้าถึงความสุขของคนทุกคนได้ก็ คือระบบการศึกษาที่แย่และการจั ดการสังคมที่เลว สิ่งที่น่าสังเกตคือมิลล์ไม่ได้ พูดถึงหลักการมีชีวิตที่ดี สากลที่นามธรรม แต่หันมาพิจารณาความต้ องการของคนจริงๆในการหาความสุข เลี่ยงความทุกข์
การจัดการศึกษาที่ดีคื อการสอนให้เด็กเข้าใจความต้ องการของตน และคำนึงถึงประโยชน์สุขของส่ วนรวม ขณะเดียวกันก็ประกันเสรี ภาพของปัจเจกบุคคลด้วย แม้แต่ในเรื่องความเห็น
ย่อมไม่ใช่การชูศาสนาใดศาสนาหนึ่ ง หรือแนวคิดแบบใดแบบหนึ่งที่ยั งเป็นข้อพิพาทกันอีก มาเป็นกรอบปฏิรูปการศึกษาเป็ นแน่แท้
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติมที่
Utilitarianism, On Liberty ed. By M. Warnock, London: Collins, 1962.
Fifty Major Thinkers on Education: From Confucius to Dewey, ed. By Joy A Palmer et al. London and New York: Routledge, 2001.
แสดงความคิดเห็น