เรื่องราวจากห้องพิจารณาคดี "ไผ่ ดาวดิน"
Posted: 21 Jan 2017 06:18 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท) 


เมื่อวานนี้ (20 มค. 60) ผมกับเพื่อนทนายความไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อว่าความให้กับ "ไผ่ ดาวดิน"
ไผ่ถูกกล่าวหาจากทหารว่า เขากระทำผิดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา กรณีนำบทความของบีบีซีไทยไปแสดงในเฟสบุ๊คของตัวเอง
เมื่อวานเป็นวันที่ศาลนัดไต่สวนคำร้องของตำรวจที่ขอขังไผ่ไว้ในคุกอีก 12 วัน หลังจากที่ขังมาแล้วตั้งแต่ 22 ธค. ปีที่แล้ว
เมื่อวานนี้มีประชาชนผู้สนใจเข้าฟังการพิจารณาคดีจนเต็มห้องพิจารณาคดีที่ 2 มีทั้งอาจารย์ นักศึกษา เพื่อนฝูง และญาติมิตรของไผ่จำนวนมาก
เมื่อถึงเวลาผู้พิพากษาสาวท่านหนึ่งได้ขึ้นบัลลังก์พร้อมกับประกาศว่าจะพิจารณาคดีนี้แบบลับ ๆ ไม่เปิดเผย และจะห้ามมิให้คนอื่น ๆ เข้าฟังนอกจากไผ่ พ่อแม่ไผ่ และทนายความ
ทุกคนในห้องพิจารณา (นอกจากผู้พิพากษาสาวท่านนั้น) ต่างตกตะลึง งุนงง และไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ให้ประชาชนฟังการพิจารณาคดีนี้ (ว่ะ) หลังจากหายตกตะลึงแล้วผมและเพื่อนทนายความช่วยกันแถลงกับผู้พิพากษาท่านนั้นว่า วันนี้เป็นแค่การไต่สวนตำรวจว่าทำไมต้องขังไผ่ไว้อีก 12 วัน มีเหตุผลอย่างไร เพราะถ้าศาลเห็นว่าไม่จำเป็นต้องขังไผ่ไว้ ไผ่ก็จะได้ออกมาเรียนหนังสือตามปรกติ
นอกจากผมแล้ว ไผ่กับพ่อของไผ่ต่างลุกขึ้นชี้แจงแถลงว่า เขายอมรับการพิจารณาคดีในอำนาจของศาลแต่ต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผยต่อสาธารณชนเท่านั้น
ไผ่ถามถึงเหตุผลว่า ทำไมศาลจึงต้องสั่งให้พิจารณาคดีลับ ไม่ยอมให้ประชาชนเพื่อนฝูงและญาติมิตรของเขาเข้าฟังด้วย มันขัดต่อหลักกฎหมายมิใช่หรือ
เท่าที่ผมได้ยินการตอบโต้ระหว่างไผ่กับผู้พิพากษาสาวท่านนั้น ผมเองรับว่าไม่ได้ยินเหตุผลอะไรจากผู้พิพากษานอกจากระบุว่า คดีนี้เป็นคดีความมั่นคง
สุดท้ายหลังจากไปปรึกษาหารือ (กับใครก็ไม่รู้) ท่านผู้พิพากษาได้กลับมาและแจ้งยืนยันว่า ท่านตกลงยืนยันให้การพิจารณาคดีนี้เป็นการพิจารณาคดีลับ ขอให้ประชาชนญาติมิตรเพื่อนฝูงของไผ่ออกไปจากห้องพิจารณา ให้เหลือแต่ไผ่ พ่อ และทนายความ
ผมจำได้ว่า ทันทีที่ผู้พิพากษาสั่งเสร็จ ผมสบตากับไผ่สาบานได้ว่าผมเห็นแววตาที่ยิ้มเย้ยหยัน ผมยอมรับว่าในเวลานั้นผมละอายใจต่อไผ่และอับอายความเป็นจริงที่ผมมีส่วนยืนอยู่ในห้องพิจารณาคดีนี้
ผมจำได้ว่า ไผ่ยืนขึ้นและกล่าวกับผู้พิพากษาอย่างที่ผมเห็นว่า ทรนงองอาจอย่างยิ่งที่สุด ไผ่พูดด้วยเสียงราบเรียบอย่างอารมณ์ดีชนิดที่เป็นนิสัยของเขาว่า เมื่อท่านไม่ให้คนอื่นฟังการพิจารณาคดีนี้เขาก็ไม่ประสงค์ให้ทนายของเขาอยู่ในห้องพิจารณาคดีด้วย เขาเชิญให้ทนายออกไปเขาจะว่าความต่อสู้เองเพราะเขาไม่เคยได้รับสิทธิอะไรอยู่แล้ว จึงขอสละสิทธิที่จะมีทนายความในวันนี้ด้วย
ผมมองไผ่และผู้พิพากษาที่สบตากันอยู่ ในวินาทีนั้นผมเห็นชัดว่า ใครเป็นผู้ต้องหาใครเป็นผู้พิพากษากันแน่
คนอื่น ๆ และทนายความของไผ่เดินออกจากห้องพิจารณาคดี ก่อนออกจากห้อง ผมกอดไผ่และบอกขอโทษเขา และเราทิ้งไผ่กับพ่อให้ต่อสู้เพื่อความถูกต้องด้วยตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 2 ของศาลจังหวัดขอนแก่นตามลำพัง ผมไม่ทราบว่าหลังจากนั้นในห้องพิจารณาคดีเกิดอะไรขึ้น
น้องทนายที่ไปด้วย ถามผมว่าผมขอโทษไผ่ทำไม ตอบตรง ๆ ผมก็ไม่รู้ว่าผมขอโทษไผ่ทำไม แต่ผมบอกน้องทนายที่ถามผมว่าพี่ขอโทษไผ่แทนกระบวนการยุติธรรมว่
หลังการต่อสู้อย่างเดียวดายในห้องพิจารณาคดี
ไผ่ถูกสั่งขังต่อไปอีก 12 วัน



หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกใน Facebook Krisadang-Pawadee Nutcharus

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.