ยอมรับ ครม.อนุมัติซื้อเรือดำน้ำจีนแล้ว
Posted: 24 Apr 2017 04:24 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียอมรับ ครม.อนุมัติซื้อเรือดำน้ำจีนแล้วจริง เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ระบุที่ไม่แถลงเพราะเป็นเอกสารลับ ด้าน 'ประวิตร' กำชับหน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพให้ทำความเข้าใจและศึกษาติดตามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงในรัฐธรรมนูญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนการบริหารราชการ

24 เม.ย. 2560 มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ ตามที่กองทัพเรือเสนอ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ว่า ครม.มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าวจริง โดยจัดซื้อเรือดำน้ำหยวนคลาส เอส 26 ที (Yuan Class S26T) จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 1 ลำ วงเงิน 13,500 ล้านบาท ยืนยันว่าไม่มีอะไรเป็นลับลมคมใน ซึ่งการจัดซื้อเป็นงบผูกพัน ไม่ได้จ่ายเงินครั้งเดียว แต่จะทยอยจ่าย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงกลาโหม ชี้แจงในที่ประชุมว่า มีความจำเป็นต้องจัดซื้อ เพราะเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ ไม่ใช่อยากได้ตามประเทศอื่น แต่กองทัพเรือประเมินจากภัยคุกคามของประเทศที่มีอาณาเขตติดกับไทย ประเมินจากความมั่นคงทางท้องทะเล จึงต้องมีการศึกษาแนวทางการป้องกันทางทะเล เพื่อการป้องกันภัยคุกคามที่มีศักยภาพเหนือกว่า

“ประเทศเราอยู่ติดทะเล วันหน้าไม่มีสิ่งที่แน่นอน เราจึงต้องมีศักยภาพเพื่อป้องกันภัย และการสั่งซื้อไม่ใช่ว่าอนุมัติไปแล้วจะได้ใน 3- 5 วัน แต่ต้องรอหลายปี ทั้งนี้ เป็นการซื้อลำเดียวก่อน ส่วนลำต่อไปอยู่ที่กองทัพเรือ อย่างไรก็ตามที่โฆษกฯไม่ได้แถลงข่าว เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเอกสารลับที่สุดหรือมุมแดง และเป็นโหมดงานด้านความมั่นคง จึงไม่จำเป็นต้องแถลง แต่ยืนยันว่าไม่มีลับลมคมใน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

'ประวิตร' กำชับหน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพให้ทำความเข้าใจและศึกษาติดตามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงในรัฐธรรมนูญ

ด้าน สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ว่า พล.อ.ประวิตรสรุปสถานการณ์ความมั่นคงกับสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจทั้งในและต่างประเทศ โดยภาพรวมความมั่นคงในปัจจุบันเชื่อมกับทุกมิติในสังคม รวมถึงสถานการณ์โลกที่ขณะนี้มีความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

“ส่วนในประเทศต้องร่วมกันสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม ให้เกิดความสงบเรียบร้อย รัฐบาลพยายามวางรากฐานประเทศเพื่อให้ประชาชนเกิดสงบสุข ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม รัฐบาลจึงต้องวางรากฐานประเทศ โดยการเร่งสร้างความสามัคคีปรองดอง ขณะนี้ได้รับการตอบรับจากภาคส่วนต่าง ๆ ดีมากขึ้น ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นหลัก รัฐบาลกำลังสร้างความปรองดองโดยเดินตามยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้ ซึ่งขณะนี้คืบหน้ามาก โดยเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นและยึดประโยชน์ส่วนรวม มีประชาชนเป็นที่ตั้งในการดำเนินการตามกรอบที่วางไว้” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

สำหรับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า รัฐบาล ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นของประเทศใด แต่จะคำนึงความเหมาะสม ให้ครอบคลุมด้านความมั่นคงในอนาคต การใช้ในระยะยาว เพิ่มอำนาจต่อรองของประเทศ นอกจากนี้ยังให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมน้อมนำพระบรมราโชวาท รัชกาลที่ 10 พระราชทานไว้ในวันข้าราชการพลเรือน 1 กุมภาพันธ์ 2560 ถ่ายทอดให้กำลังพลยึดเป็นหลักปฎิบัติงานในกระทรวงกลาโหมด้วย

“พล.อ.ประวิตรกำชับหน่วยขึ้นตรงและเหล่าทัพให้ทำความเข้าใจและศึกษาติดตามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงในรัฐธรรมนูญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนการบริหารราชการ การปฎิบัติงานให้สอดคล้องเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ให้กองทัพสนับสนุนงานวิจัยอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดการใช้งานได้จริงของแต่ละกองทัพ ส่วนโรงซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ ขณะนี้กำลังหารือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอื่น ๆ โดยคาดว่าจะได้กรอบการก่อสร้างที่ชัดเจนประมาณเดือนกรกฎาคมนี้” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกำชับเหล่าทัพดูแลการฝึกทหารเกณฑ์ที่เข้ามาใหม่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้อย่างใกล้ชิด ให้เป็นไปตามธรรมเนียมวินัยทหาร ตามระเบียบที่กำหนดไว้ให้เกิดความเรียบร้อย ให้ระวังการฝึกขณะอากาศร้อนจัดและอุบัติเหตุ การลงโทษต้องเป็นไปตามวินัยที่กำหนดทางราชการ ไม่ทำร้ายหรือกดขี่เด็ดขาด

ส่วนความคืบหน้าการสร้างความสามัคคีปรองดอง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เตรียมหารือกับพรรคการเมือง นักวิชาการและภาคประชาสังคมเป็นกลุ่มย่อยตามแนวทางที่เสนอมา โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 เมษายนนี้ เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เสนอมาแล้วว่าเป็นไปตามที่เคยหารือกันหรือไม่ ส่วนในภูมิภาคจะเปิดเวทีพูดคุยกับกลุ่มต่าง ๆ และรับฟังความเห็นอีกครั้ง โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มแต่ละภาค ซึ่งจะสร็จสิ้นในต้นเดือนพฤษภาคม

“รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมได้ขอบคุณกำลังพล และให้กำลังใจเหล่าทัพที่ทุ่มเทดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.