ฟันยกสอง 'ธาริต' ร่ำรวยผิดปกติ
Posted: 22 Apr 2017 11:48 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ป.ป.ช. ระบุล่าสุดมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' กรณีร่ำรวยผิดปกติขึ้นอีกครั้ง อายัดทรัพย์สินไว้ก่อนประมาณ 90 ล้านบาท จากทั้งหมด 346 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไล่สอบเส้นทางการเงินและตรวจสอบเชิงลึก
23 เม.ย. 2560 เว็บไซต์แนวหน้า รายงานว่า นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ขยายผลสอบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งถูกชี้มูลความผิดเมื่อปลายปี 2559 ว่าร่ำรวยผิดปกติ จนมีการอายัดทรัพย์สินบางส่วนไว้ ล่าสุดมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีร่ำรวยผิดปกติขึ้นอีกครั้ง และอาจพบว่านายธาริต มีพฤติกรรมยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินอีกบางส่วนไปยังบุคคลอื่นว่าเป็นการขยายผลสืบเนื่องจากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเดิมของนายธาริต เบื้องต้นมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้อายัดทรัพย์สินไว้ก่อนประมาณ 90 ล้านบาท จากทรัพย์สินทั้งหมด 346 ล้านบาท ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจร่ำรวยผิดปกติ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไล่สอบเส้นทางการเงิน และตรวจสอบเชิงลึก
‘มีข้อมูลที่น่าเชื่อได้ว่านายธาริต ได้โยกย้ายทรัพย์สินบางส่วนมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท ไปอยู่กับคนใกล้ชิด อย่างไรก็ดีปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการไต่สวน ถ้าทรัพย์สินส่วนไหนที่นายธาริตชี้แจงได้ถูกต้อง มีที่มาที่ไปก็จะไม่ถูกอายัด แต่ถ้าส่วนไหนชี้แจงไม่ได้ หรือมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน อาจถูกอายัดไว้เพื่อตรวจสอบก่อนได้ ยืนยันว่า ป.ป.ช. ให้ความยุติธรรมกับนายธาริตอย่างเต็มที่’ นายปรีชา กล่าว
ด้านแหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เบื้องจากการไต่สวนคดี พบข้อเท็จจริงว่านายธาริตได้โอนทรัพย์สินบางส่วนให้กับบุตร ภรรยา คนใกล้ชิด และนายตำรวจใกล้ชิดรายหนึ่งเป็นผู้ถือทรัพย์สินแทน โดยส่วนใหญ่เป็นเงิน และหุ้นของบริษัทต่างๆ รวมถึงที่ดินด้วย อย่างไรก็ตามภายหลังที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ขึ้น นายธาริตได้ดำเนินการฟ้องต่อประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน คือ นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. หลายคดีด้วยกัน แต่ศาลได้ยกคำร้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศาลยุติธรรม ที่สู้กันถึงชั้นอุทธรณ์ และศาลแพ่ง
ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2559 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายธาริต ในคดีร่ำรวยผิดปกติไปแล้ว เนื่องจากพบว่ามีพฤติการณ์ให้ผู้อื่นถือทรัพย์สินแทนกว่า 346 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น