ฮาคีม อัล อาไรบี (ที่มาภาพ:gofundme.com)

Posted: 03 Dec 2018 07:41 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Mon, 2018-12-03 22:41


นักเตะชาวบาห์เรนจากสโมสรในออสเตรเลียถูกจับกุมตัวเพราะมีหมายแดงจากตำรวจสากลติดตัว เนื่องจากมีคดีทำลายทรัพย์สินที่ประเทศต้นทาง แต่เรื่องราวซับซ้อนขึ้นเพราะเขาคือผู้ลี้ภัยที่ถูกรับรองโดยรัฐบาลแดนจิงโจ้แล้ว หลังหนีตะวันออกกลางเมื่อถูกจับกุมตัว ทรมานและดำเนินคดีที่เขาอ้างว่าไม่ได้ก่อ องค์กรสิทธิมนุษยชนห่วงละเมิดหลักไม่ผลักดันคนกลับไปเผชิญอันตราย

3 ธ.ค. 2561 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทำการควบคุมตัวฮาคีม อัล อาไรบี ชายชาวบาห์เรนอายุ 25 ปี นักฟุตบอลสโมสรปาสโก เวล เอฟซี แห่งลีกประเทศออสเตรเลีย โดยการจับกุมเกิดขึ้นเมื่อเขาเดินทางจากนครเมลเบิร์น ออสเตรเลีย มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกล่าวว่า การควบคุมตัวเกิดขึ้นหลังพบว่าฮาคีมมีหมายจับข้อหาทำลายทรัพย์สินในประเทศบาห์เรน

อย่างไรก็ดี ข้อหาการทำลายทรัพย์สินที่ได้ยังไม่ใช่ทั้งหมดของเรื่องราว เนื่องจากองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายองค์กรได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม สถาบันบาห์เรนเพื่อสิทธิและประชาธิปไตย (BIRD) ออกแถลงการณ์ว่า ฮาคีมเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลออสเตรเลียแล้ว หลังเขาถูกทางการบาห์เรนจับกุมตัวและทรมานในปี 2555 เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวเคยเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาล หลังจากนั้นเขาก็ออกมาพูดเรื่องการถูกทรมานอย่างเปิดเผย

“เขาผูกผ้าปิดตาผม...เขาจับตัวผมเอาไว้แน่นมากๆ และหนึ่งคนในนั้นเริ่มจะตีที่ขาผมแบบแรงมากแล้วพูดว่า ‘แกจะไม่ได้เล่นฟุตบอลอีก พวกเราจะทำลายอนาคตแก’” แถลงการณ์อ้างคำพูดของฮาคีม นักฟุตบอลอาชีพคนนี้ยังเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ชีค ซัลมาน อัล คาลิฟา โดยเฉพาะในช่วงที่ซัลมานลงสมัครตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า)

ในเดือน ม.ค. ปี 2557 ทางการบาห์เรนสั่งจำคุกฮาคีมเป็นเวลา 10 ปีในความผิดฐานสร้างความเสียหายแก่สถานีตำรวจ ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนกรานปฏิเสธ โดยอ้างว่าเหตุเกิดขึ้นขณะที่เขาแข่งฟุตบอลซึ่งถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ฮาคีมได้ลี้ภัยออกมาอยู่ที่ออสเตรเลียเมื่อเดือน พ.ค. 2557 และได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากออสเตรเลียในปี 2560 และได้วีซ่าที่สามารถอยู่ออสเตรเลียได้แบบไม่หมดอายุ ทั้งยังสามารถเดินทางเข้า-ออกประเทศได้ ยกเว้นแต่ไปยังประเทศบาห์เรนที่เขาหนีมา จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฮาคีมแจ้งกับสำนักข่าวเดอะการ์เดียน ออสเตรเลียว่าเขาถูกจับกุมเนื่องจาก “หมายแดง (Red Notice)” ภายใต้องค์การตำรวจสากล (INTERPOL)

การถูกจับตัวโดยหมายจับของตำรวจนานาชาติถูกตั้งคำถามโดยองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอทช์ เนื่องจากหมายแดงของ INTERPOL ไม่สามารถใช้กับผู้ที่ได้รับการยืนยันสถานะเป็นผู้ลี้ภัย โดยฟิล โรเบิร์ตสัน รักษาการผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวเมื่อ 1 ธ.ค. ว่า “ไม่มีเงื่อนไขใดที่เขาจะถูกส่งกลับไปยังบาห์เรน”

วันนี้ (3 ธ.ค.) แหล่งข่าวจากองค์กรด้านการปกป้องสิทธิผู้ลี้ภัยระบุว่า ปัจจุบันฮาคีมยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู และถูกศาลสั่งฝากขังเป็นเวลา 12 วัน โดยในวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ของสถานทูตบาห์เรนประจำประเทศไทยทวีตว่า “สถานทูต (บาห์เรน) ระบุว่าผู้ต้องสงสัยเป็นที่ต้องการตัวที่สถานทูตรับรู้ เขา (สถานทูต) เพิ่มเติมด้วยว่ากำลังติดตามเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในเรื่องนี้”




The Embassy states that ​​the suspect is wanted for security cases which the Embassy is aware of. It adds that it is following up with the relevant security authorities in this regard.

— Bahrain Embassy - Thailand (@BahrainEmbTH) December 1, 2018



แถลงการณ์จาก BIRD กล่าวว่า การส่งตัวผู้ลี้ภัยที่ได้รับการจดทะเบียนแล้วกลับไปยังที่ๆ พวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดี ถูกทรมาน หรือการถูกปฏิบัติอย่างไม่ดีเป็นการละเมิดข้อบังคับของไทยภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ซายิด อาเหม็ด อัลวาดาอี ผอ. ของ BIRD ระบุว่า “ถ้าฮาคีมถูกส่งตัวกลับบาห์เรน เขามีความเสี่ยงสูงที่จะเจอการทรมานและการคุมขังที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การนำตัวเขากลับจะเป็นการผลักดันไปเชิญอันตราย (Refoulment) และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน องค์การสหประชาชาติและทางการออสเตรเลียต้องต่อสู้เพื่อป้องกันผลอันร้ายแรงนี้”

เว็บไซต์ INTERPOL ให้ความหมายของ “หมาย” ไว้ว่า เป็นคำร้องในระดับนานาชาติ เพื่อขอความร่วมมือหรือแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศสมาชิก ซึ่งมี 194 ประเทศรวมทั้งไทย ให้มีการแบ่งปันข้อมูลทางอาชญากรรม หมายถูกออกโดยเลขาธิการของ INTERPOL จากการร้องขอจากสำนักงานกลางแห่งชาติขององค์การตำรวจสากลในแต่ละประเทศ โดยหมายจะถูกตีพิมพ์เป็นภาษาทางการขององค์กรได้แก่อราบิค อังกฤษ ฝรั่งเศสและสเปน

บุคคลที่ถูกหมายแดงคือคนที่เป็นที่ต้องการตัวโดยศาล มีโทษตามหมายจับหรือคำพิพากษาของศาลอยู่ หน้าที่ของ INTERPOL คือการช่วยเหลือตำรวจในชาติต่างๆในการระบุตัวตนและตำแหน่งเพื่อนำไปสู่การจับกุม การส่งตัวกลับหรือมาตรการอื่นๆ ตามกฎหมาย

หมายของ INTERPOL ยังสามารถใช้โดยยูเอ็น คณะตุลาการอาญาระหว่างประเทศ หรือศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อตามหาตัวบุคคลที่กระทำอาชญากรรมประเภทฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมสงคราม หรืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดี ในกรณีของผู้ลี้ภัย หมายแดงของ INTERPOL ไม่สามารถนำมาใช้กับผู้ลี้ภัยที่มีสถานะต่อไปนี้ (อ้างอิง fairtrials.org)
ผู้ที่ได้รับการรับรองสถานะเป็นผู้ลี้ภัยแล้ว
การร้องขอหมายมาจากประเทศที่ผู้ลี้ภัยกลัวจะได้รับการกลั่นแกล้ง

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.