หมอเลี๊ยบสู้คดีอย่างไร หมอเลี๊ยบให้การต่อศาลว่า เมื่อชินแซทฯ ขอลดสัดส่วนการถือหุ้นของชินคอร์ปจาก 51% เป็น 40% กระทรวงไอซีทีได้ถามสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ทำได้หรือไม่ สำนักงานอัยการฯ ตอบว่าทำได้ ชินคอร์ปยังต้องรับผิดชอบ และไม่ได้ลดค่าสัมปทาน รัฐไม่เสียประโยชน์ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าให้เสนอ ครม.ก่อน
กระทรวงไอซีทีจึงนำเรื่องเข้า ครม. แต่เลขาธิการ ครม. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ส่งเรื่องคืนโดยให้เหตุผลว่าไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องขออนุมัติ ครม. และ ครม.มีนโยบายลดเรื่องเสนอ ครม.จึงส่งคืน
สำนักงานกิจการอวกาศจึงจะเสนอเรื่องให้หมอเลี๊ยบอนุมัติ แต่หมอเลี๊ยบไม่วางใจ ให้สอบถามไปยังสำนักงานอัยการฯ อีกครั้ง ว่าทำได้หรือไม่ สำนักงานอัยการบอกว่างั้นก็ทำได้ หมอเลี๊ยบจึงอนุมติ
แต่กลายเป็นว่า เมื่อถึงชั้น ปปช. ชั้นศาล บวรศักดิ์ให้การว่า เมื่ออ่านหนังสือเสนอ ครม.แล้ว ไม่อาจเข้าใจได้ว่าจะให้ ครม.มีมติอย่างไร หนังสือนำเสนอไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ทั้งยังอ้างว่า ทักษิณซึ่งขณะนั้นเป็นนายกฯ เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ จึงไม่อาจเสนอเรื่องให้ ครม.พิจารณาได้ ที่ตนมีหนังสือตอบนั้นเป็นการตอบทางเทคนิค เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับนายกฯ และรักษาหน้าหมอเลี้ยบ
นี่คือข้ออ้างของบวรศักดิ์ ขณะที่การมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรกลับเป็นอีกอย่าง
สุดท้ายศาลมีคำพิพากษาว่า
"การกระทำดังกล่าวไม่ได้นำเสนอต่อครม.ตามขั้นตอน แม้จำเลยที่ 1 อ้างว่าได้ส่งหนังสือหารือถึงอัยการสูงสุด แต่ก็ปกปิดความจริงที่เลขาธิการครม.ปฏิเสธการรับเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นคู่สัญญา ทำให้มีผลประโยชน์ทับซ้อน...."
แสดงความคิดเห็น