ดับเบิลยูทีโอปรับลดประมาณการเติบโตทางการค้าโลกลงกว่า 1 ใน 3
องค์การการค้าโลกหรือดับเบิลยูทีโอ ปรับลดประมาณการเติบโตทางการค้าโลกลงจากที่คาดการณ์เมื่อเดือนเมษายนว่าจะเติบโตที่2.8% ลงเหลือ 1.7% ซึ่งถือเป็นการเติบโตของผลผลิตและการค้าในอัตราที่เชื่องช้าที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์เงินเมื่อเจ็ดปีก่อน และยังเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่การค้าระหว่างประเทศเติบโตไม่ทันเศรษฐกิจโลก
ภาวะตกต่ำทางการค้านี้เป็นผลพวงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก อาทิ จีน และบราซิล รวมทั้งการนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ลดลง โดยดับเบิลยูทีโอระบุว่าการเติบโตทางการค้าที่เคยโตเร็วกว่าเศรษฐกิจราว 1.5 เท่ามาเป็นเวลานาน ในปีนี้จะเติบโตเพียง 80% เท่านั้น
นายโรเบอร์โต อเซเวโด ผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอชี้ว่าการการชะลอตัวทางการค้าในอัตราดังกล่าวถือว่าร้ายแรงและเป็นสัญญาณเตือนให้ระแวดระวังกระแสต่อต้านโลกาภิวัฒน์ที่กำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และต้องป้องกันไม่ให้สิ่งนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายที่ผิดพลาดซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง
ด้านแอนดรูว์ วอล์คเกอร์ ผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจของบีบีซีเปิดเผยว่าการขยายตัวอย่างเชื่องช้าของการค้าระหว่างประเทศนั้นเป็นอาการและอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นความมัวหมองของสภาพเศรษฐกิจนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงิน ซึ่งแม้เศรษฐกิจและการค้าจะเติบโตขึ้นบ้างแต่ก็ไม่อยู่ในอัตราที่น่าพึงพอใจ ทั้งนี้ ดับเบิลยูทีโอระบุว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่น่าจะเป็นสาเหตุ ซึ่งรวมถึงนโยบายทางการค้าของรัฐบาลที่ไม่เน้นส่งเสริมการค้าเสรี และสิ่งที่ดับเบิลยูทีโอระบุว่าเป็น “การคืบคลานของลัทธิคุ้มครองทางการค้า”
ผู้สื่อข่าวบีบีซีบอกว่าโดยหลักการแล้วรัฐบาลชาติต่าง ๆ จะต้องหันมาแก้ปัญหาด้วยการเจรจาต่อรองข้อตกลงทางการค้าใหม่ ๆ กับไม่ยอมตามข้อเรียกร้องของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการการคุ้มครองและไม่ยอมรับการนำเข้าที่จะก่อให้เกิดการแข่งขัน แต่นั่นก็เป็นการต่อสู้กับกระแสต่อต้านโลกาภิวัฒน์ หรือการที่โลกสามารถเชื่อมโยงถึงกันทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและเทคโนโลยี #WTO #Globalisation
(ภาพนายโรเบอร์โต อเซเวโด ผู้อำนวยการดับเบิลยูทีโอ)
แสดงความคิดเห็น