ชาวโรฮิงญาวอนทางการเมียนมาอย่าทำลายมัสยิดของพวกตน
องค์กรชาวโรฮิงญา 11 กลุ่ม รวมตัวกันเรียกร้องทางการรัฐยะไข่ ไม่ให้รื้อทำลายมัสยิด โรงเรียน และอาคารบ้านเรือนของพวกตน ชี้เป็นความพยายามกวาดล้างชาวมุสลิมโรฮิงญาโดยรัฐร่วมมือกับกลุ่มชาวพุทธสุดโต่ง ทั้งยังสวนทางกับท่าทีของรัฐบาลเมียนมาที่ประกาศจะแก้ปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา
เว็บไซต์ข่าว Mizzima ของเมียนมารายงานว่า องค์กรชาวโรฮิงญา 11 กลุ่มได้ออกแถลงการณ์ร่วมประณามแผนการของทางการรัฐยะไข่ ที่จะเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกว่า 3,000 แห่งของชาวโรฮิงญา ในเมืองมองดอว์ และเมืองบูซีด่อง ซึ่งรวมถึงมัสยิด 12 แห่ง และโรงเรียน 35 แห่งด้วย โดยอ้างว่าอาคารเหล่านี้ปลูกสร้างขึ้นอย่างผิดกฎหมาย
ทางการรัฐยะไข่ ประกาศแผนการดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ชาวโรฮิงญาเป็นอย่างยิ่ง และมองว่าแผนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาที่มีมายาวนาน โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างทางการรัฐยะไข่กับกลุ่มชาวพุทธสุดโต่ง ที่มุ่งทำลายความสงบสุขในท้องถิ่น และผลักดันให้ชาวโรฮิงญาผู้ไร้ที่อยู่อาศัยต้องย้ายเข้าไปอยู่ในสถานที่คล้ายกับค่ายกักกันในเมืองมองดอว์
องค์กรชาวโรฮิงญาระบุด้วยว่า ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ขัดแย้งกับถ้อยคำของนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ระหว่างขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งให้คำมั่นว่าเมียนมาจะดำเนินความพยายามเพื่อแก้ปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญา
ท่ามกลางกระแสข่าวความรุนแรงทางศาสนาในเมียนมา ยังมีรายงานล่าสุดว่า ชายชาวเนเธอร์แลนด์ผู้หนึ่งถูกจับกุมที่เมืองมัณฑะเลย์ หลังดึงปลั๊กเสียบของเครื่องขยายเสียงในวัดแห่งหนึ่งออก เพราะรำคาญเสียงเทศน์มหาชาติที่ดังรบกวนทั้งคืนมาจากวัดใกล้กับโรงแรมที่พัก
นายคลอส เฮย์เทมา ถูกตำรวจจับกุมและตั้งข้อหา “ดูหมิ่นความนับถือศรัทธาในศาสนา” ของประชาชน และอาจต้องโทษจำคุกถึง 2 ปี โดยหลังเกิดเหตุ ชาวบ้านที่โกรธเคืองได้พากันไปรุมล้อมอยู่นอกโรงแรมของเขา ก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปนำตัวออกมาเพื่อดำเนินคดีและเพื่อพาตัวไปให้พ้นจากการถูกรุมทำร้ายด้วย #Myanmar#Rohingya
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
แสดงความคิดเห็น