นิตยสาร Politico กังวล 'ทรัมป์' ปล่อยกองทัพมีบทบาทการเมืองโลก-ละเลยการทูตพลเรือน

Posted: 14 Apr 2017 12:38 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

หลังรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดปฏิบัติการทางทหารหลายพื้นที่ในโลก ตั้งแต่ยิงโทมาฮอว์กใส่ฐานทัพอากาศซีเรีย การเคลื่อนกองเรือกดดันเกาหลีเหนือ หรือการทิ้งระเบิดใส่อุโมงค์ไอซิส ด้าน "Politico" ออกบทวิเคราะห์ว่ามีข้อกังวลอย่างหนึ่งก็คือทรัมป์ปล่อยให้ฝ่ายการทหารได้รับมอบอำนาจอย่างเต็มที่มากเกินไป ซึ่งขาดความสมดุลและจะเป็นอันตรายต่อการทูต


โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 มกราคม 2560 (ที่มา: แฟ้มภาพ/The White House)

14 เม.ย. 2560 ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แสดงความชื่นชมปฏิบัติการทิ้งระเบิด GBU-43/B หรือ MOAB ซึ่งเป็นระเบิดประเภทที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐฯ ใช้ในสมรภูมิ ใส่บริเวณที่อ้างว่าเป็นเครือข่ายอุโมงค์ของไอซิสในทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมก็แสดงความกังวลว่าทรัมป์อาจจะใช้การทหารมามีอิทธิพลนำมากเกินไปซึ่งจะเป็นอันตรายต่อนโยบายที่ขาดความสมดุลอันจะกระทบต่อเรื่องการทูต

นิตยสาร Politico ระบุว่าก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่นำนายทหารระดับสูงเกษียณอายุแล้วขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกิจการเกี่ยวข้องกับพลเรือน นอกจากนี้แล้วยังอนุญาตให้ผู้บัญชาการกองทัพมีอำนาจสั่งการวางกำลังและยุทธการอื่นๆ โดยเฉพาะในกรณีซีเรีย แตกต่างจากสมัยรัฐบาล บารัก โอบามาที่มีการจัดการแบบลงรายละเอียด (micromanaging) แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ด้านความมั่นคง

แต่จากการให้สัมภาษณ์ของทรัมป์ในกรณีการการทิ้งระเบิดที่อัฟกานิสถานล่าสุดดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดอะไรมากแค่บอกว่าเขาได้มอบอำนาจแก่กองทัพสหรัฐฯ โดยอ้างว่าสหรัฐฯ มีกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและปฏิบัติการที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงปฏิบัติการทั่วไป โดยที่เขามอบอำนาจให้กองทัพทำอะไรก็ได้อย่างเต็มที่ และในความคิดเห็นของทรัมป์แล้วถือว่ากองทัพสหรัฐฯ "ประสบความสำเร็จ" ในปฏิบัติการทางทหารเมื่อไม่นานมานี้ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ด้าน อดัม สมิทธ์ สมาชิกวุฒิสภารัฐวอชิงตันจากพรรคเดโมแครต คณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่าทรัมป์ไม่มีประสบการณ์ในด้านความมั่นคงและคนใกล้ชิดของเขาก็น่าเป็นห่วงว่าเขาจะเน้นใช้การทหารแก้ปัญหาต่างๆ มากเกินไป เช่น ในกรณีของซีเรียที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยกล่าวต่อต้านการใช้ปฏิบัติการทหารมาตลอดแต่ในรัฐบาลของเขาก็มีการสั่งโจมตีในช่วงที่ผ่านมา และที่ปรึกษาของเขาที่เต็มไปด้วยฝ่ายการทหารก็อาจจะได้รับอำนาจปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระมากเกินไป

Politico ยังวิเคราะห์การให้สัมภาษณ์ของทรัมป์หลังปฏิบัติการโจมตีฐานของกลุ่มไอซิสในอัฟกานิสถานว่าเขาพยายามแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ แสดงออกถึงความเข้มแข็งทางการทหารมากกว่าในช่วงสมัยของรัฐบาลโอบามาโดยที่ทรัมป์กล่าวว่า "ถ้าหากคุณมองเหตุการณ์ในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมื่อช่วง 8 ปีที่ผ่านมา (สมัยรัฐบาลโอบามา) คุณจะเห็นว่ามีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง"

แต่อลิซ ฮันท์ เฟรนด์ นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษาก็มองว่าการปล่อยปละละเลยไม่มีการควบคุมปฏิบัติการทางทหารจะเป็นการใช้การทหารนำมากเกินไปจนไม่มีการพิจารณาเรื่องการทูตและการเมืองภายในประเทศมาประกอบ ทั้งที่ปฏิบัติการทางทหารควรคำนึงถึงบริบทของการเมืองจากฝ่ายพลเรือนประกอบเช่นการที่ผู้นำทหารต้องอาศัยเสียงสนับสนุนในสภาแต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ชวนให้กังวลว่าบุคคลในกองทัพจะกลายเป็นผู้ประกอบสร้างนโยบายแทนหรือไม่ จากที่มีหลายคนแสดงความกังวลว่ารอบตัวทรัมป์เป็นกลุ่มผู้มีวิชาชีพทางการทหารจะส่งผลต่อกระบวนการออกนโยบายต่างๆ ด้วย

เรียบเรียงจาก

Worries deepen about Trump's military tilt, Bryan Bender, Politico, 13-04-2017

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.