นักเศรษฐศาสตร์ชี้ Preemtive Strike จากสหรัฐฯ อาจเกิด แต่กระทบไทยน้อย


Posted: 15 Apr 2017 07:22 PM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาสสองปี 2560 ปัจจัยภายในเป็นบวกเพิ่มขึ้น ปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทิศทางตลาดการเงินผันผวนมากขึ้นจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงทางการเมืองและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี Preemtive Strike จากสหรัฐอเมริกาอาจเกิดขึ้นและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและภาคการลงทุนในเอเชียตะวันออกอย่างสูง ส่วนผลกระทบต่ออาเซียนและไทยมีจำกัด

16 เม.ย. 2560 ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ได้ประเมินตัวเลขจีดีพีเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี พ.ศ. 2560 ว่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 3.4-3.5% เนื่องจาก ภาคการบริโภคกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตมาสสี่ ภาคการลงทุนฟื้นตัวชัดเจนขึ้นโดยเฉพาะการเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ภาคท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี ส่วนภาคส่งออกได้ปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในไตรมาสสองและประเทศต้องเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐอเมริกาในอีก 3 เดือนข้างหน้า ภาคการลงทุนและการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองเติบโตได้ในระดับ 3.7-3.8% ส่วนภาคการบริโภคกระเตื้องขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสสองจากระดับหนี้สินครัวเรือนลดลง รายได้ครัวเรือนภาคเกษตรและภาคบริการท่องเที่ยวดีขึ้น โดยสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นทั้งราคาและปริมาณโดยเฉพาะยางพารา ข้าว เป็นต้น

ภาคท่องเที่ยวยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ในระยะสั้น ต้องทำให้ ภาคบริโภคฟื้นตัวเต็มที่เนื่องจากภาคบริโภคของเอกชนคิดเป็น 51% ของการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ภาคการลงทุนเอกชนคิดเป็น 19% ของการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ ส่วนการลงทุนภาครัฐคิดเป็น 6% ของการใช้จ่ายระบบเศรษฐกิจเท่านั้นเอง ส่วนทิศทางตลาดการเงินในไตรมาสสองนั้นจะผันผวนมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกจากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งซีเรีย คาบสมุทรเกาหลีและอัฟกานิสถาน เป็นต้น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ปรับสูงขึ้น อาจทำให้ภาคธุรกิจบางส่วนระดมทุนในตลาด ตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้นจนอาจเป็นความเสี่ยงได้หากไม่มีความสมดุลของอายุระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน ความสามารถในการชำระหนี้ของเอสเอ็มอีอาจด้อยลง ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ในช่วงที่ผ่านมายังไม่กระทบต่อความสามารถในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้และผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวมยังจำกัดมาก อย่างไรก็ตาม ตั๋ว B/E ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออาจมีการความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ได้อีกในไตรมาสสอง

ส่วน กฎหมายใหม่ เช่น พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ และ พ.ร.บ. ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันจะเป็นเครื่องมือในการทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยดีขึ้นในระยะปานกลางและระยะยาว รวมทั้งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ภาคส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องมาหลายปีได้เปลี่ยนทิศทางดีขึ้นในระยะต่อไป ขณะที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตเศรษฐกิจการลงทุนอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันในไตรมาสสองน่าจะอยู่ที่ 53-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันอาจปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในช่วงกลางปีทะลุระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น แรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสสองอย่างแน่นอน Preemtive Strike จากสหรัฐอเมริกาอาจเกิดขึ้นและมีผลกระทบทางเศรษฐกิจและภาคการลงทุนในเอเชียตะวันออกอย่างสูง ส่วนผลกระทบต่ออาเซียนและไทยมีจำกัด

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.