‘อารยา ราษฎร์จำเริญสุข’ กับงานล่าสุด ‘ศิลปินกำลังพยายามกลับไปเป็นนั กเขียน’
Posted: 20 Nov 2017 08:38 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
อารยา ราษฎร์จำเริญสุข
อ่านหนังสือให้ศพฟัง คืองานศิ ลปะที่ทำให้เรารู้จัก อารยา ราษฎร์จำเริญสุข แม้งานชุดนี้จะไม่ได้เผยแพร่ ในวงกว้างของไทย แต่ก็ทำให้เธอเป็นที่รู้จั กในนานาชาติ ในชื่อผลงาน Reading Inaow for female corpse”, “Reading Inaow for three female corpse” ซึ่งเป็นการอ่านกลอนเรื่องอิ เหนาให้กับศพเพศหญิงฟัง หลังจากนั้นมีงานสอนหนังสือศพอี ก 3 ชุด ได้แก่ The Class I, II, III
อารยาเล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้ เธอตัดสินใจเริ่มทำงานชุดนี้ว่า
“จริงๆ ที่เราไปอ่านหนังสือให้ศพฟัง เพราะเราเดินผ่านที่คณะ ก็มีกลุ่มอาจารย์ผู้ชายนั่งกิ นเหล้ากัน พอเราเดินผ่านมีอาจารย์คนหนึ่ งตะโกนล้องานว่า เศร้า เหงา ดำ มืดหม่น คือเขาพูดถึงงานภาพพิมพ์ของเรา เราก็เลยเดินมาขึ้นรถคิดว่า มันจะหนักกว่านี้อีกได้ยังไง เหตุผลเบาๆ เรื่องอ่านหนังสือให้ศพฟังจริงๆ คืออยากเผชิญหน้ากับความกลัว ความไม่รู้ พอลงมือทำหลังจากนั้นไม่มีใครพู ดอีกเลยว่า เศร้า เหงา ดำ โศก ไม่มีใครพูดเลย คงคิดว่าไปแล้ว เธอไปแล้ว (หัวเราะ)”
ตอนอายุ 48 เธอทำเรื่องที่เป็นที่ฮื อฮาในหมู่แวดวงอาจารย์สอนศิลปะ เมื่อเธอเดินท้อง(ปลอม)ไปสอนที่ คณะ และทุกคนเชื่อว่าเธอท้องจริงๆ มีคนมากล่าวแสดงความยินดี มีคนตั้งความหวังว่าเธอคือผู้ หญิงตัวคนเดียวอายุเกือบห้าสิบ ที่ท้องมาสอนได้อย่างภาคภูมิ และเมื่อเธอเฉลยความจริง ทุกคนจึงผิดหวัง โมโห โกรธาไปต่างๆ นานา อารยาเล่าให้ฟังว่าปฏิกิริ ยาของแต่ละคนนั้นหลากหลาย
“วันหนึ่งเราก็เดินตัวปลิว เลิกท้อง แล้วหิ้วกุหลาบใส่ตะกร้าไปแจกทุ กคนที่พบกันตอนท้อง นักศึกษาป.โทที่เคยพู ดแสดงความยินดีกับเราก็โยนกุ หลาบเราทิ้ง “อาจารย์จะเอายังไงกับผม” ส่วนอาจารย์ที่แต่งงานแต่ไม่มี ลูกก็ไม่พูดกับเราเดือนหนึ่ง ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนที่ไม่แต่ งงานแต่มีลูกก็ใส่ชุดดำมา ทั้งที่ปกติเขาจะใส่ชุดสีสวยๆ”
“จริงๆ มันมี text ในงานนะ เราตั้งคำถามว่าการจะไปนอนกั บใครสักคนก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ทำไมใครๆถึงเอาธรรมชาติ ของใครไปแบกไว้มากนัก ถึงใส่ชุดดำ ถึงไม่พูดด้วย ถึงเหวี่ยงดอกกุหลาบ ทำไมใครๆ เอามันไปไว้กับตัวหมดเลย ขำและน่ากลุ้มใจเพราะเขาใส่ใจกั บมันมากเกินไป จนมันเป็นปัญหากับผู้หญิงที่ ตกเป็นจำเลยในเรื่องแบบนี้”
รวมถึงอารยายังเคยทำวิดีโอเกี่ ยวบันทึกเรื่องราวของผู้ป่วยจิ ตเวชในไทย ที่เธอเล่าว่า การได้มาทำงานกับผู้ป่วยจิ ตเวชทำให้เธอเห็นว่า ครอบครัว สภาพแวดล้อม สังคมกระทำต่อผู้หญิงหนักมาก ต้องเป็นลูกสาวที่ดี เมียที่ดี เป็นแม่ที่รับผิดชอบต่อลูก ทำให้เธอเหล่านั้นเป็นบ้ าเพราะเงื่อนไขพวกนี้
“การเป็นบ้า เราคิดว่ามันไม่ใช่การทำร้ายแต่ มันคือการบรรเทานะ บรรเทาให้คุณไม่ถึงขีดแล้วดับดิ้ นไปด้วยอะไรสักอย่าง ในที่สุดร่างกายมันจะต้องไปถึ งจุดที่มันบรรเทาตัวมันเอง
“มันขมขื่น มันเหมือนเดินเข้าไปเจอความจริ งที่ไม่เคยถูกเปิดเผย ความจริงนั้นอยู่ในเรา แล้วเราเข้าไปหาจากคนอื่น ไปคุ้ยมัน แล้วเราสะเทือนใจ เพราะฉะนั้นเวลาเข้าไปอยู่กั บงานพวกนี้มันกินตัวเรา กินความรู้สึกนึกคิดของเรา เราไม่อยากอยู่อีกต่อไป ถึงระดับที่ไม่อยากอยู่” อารยากล่าว
อารยาเล่าถึงเรื่องราวที่ทำให้
“จริงๆ ที่เราไปอ่านหนังสือให้ศพฟัง เพราะเราเดินผ่านที่คณะ ก็มีกลุ่มอาจารย์ผู้ชายนั่งกิ
ตอนอายุ 48 เธอทำเรื่องที่เป็นที่ฮื
“วันหนึ่งเราก็เดินตัวปลิว เลิกท้อง แล้วหิ้วกุหลาบใส่ตะกร้าไปแจกทุ
“จริงๆ มันมี text ในงานนะ เราตั้งคำถามว่าการจะไปนอนกั
รวมถึงอารยายังเคยทำวิดีโอเกี่
“การเป็นบ้า เราคิดว่ามันไม่ใช่การทำร้ายแต่
“มันขมขื่น มันเหมือนเดินเข้าไปเจอความจริ
00000
อ่านหนังสือให้ศพ ท้องปลอม ทำงานกับคนบ้า เหล่านี้คือข้ออ้
“คนในวงการก็ผู้ชายเกือบทั้งหมด ทั้งผู้มีอำนาจในและนอกระบบ ในขณะที่ผู้หญิงจริงๆ ก็แข่งขันกันเอง อวดประชันกันสูง และขณะที่เพศหญิงแข่งขันกัน เพศหญิงก็หันไปจำยอมเพศชาย คือยอมโดยวัฒนธรรม โดยเชิงอำนาจ น่าเวทนามากในจุดยืนของผู้หญิง เราคิดว่าศิลปะกับวรรณกรรมก็ช่
และเป็นเหตุให้เธอทำผลงานวิดี
แต่ในที่สุดการขอตำแหน่งครั้งที่
อารยาเล่าว่า “อ.ชลูดรู้ว่าเราทำในจุดของศิ
อารยา ราษฎร์จำเริญสุข คือหนึ่งในศิลปินที่โดดเด่นที่
ถึงแม้ว่าอารยาจะมีชื่อเสี
นิทรรศการ “ศิลปินกำลังพยายามกลับไปเป็นนั
ประชาไทชวนคุยกับ อารยา ราษฎร์จำเริญสุข เกี่ยวกับที่มาของผลงาน แนวคิด ตัวตน ชีวิต ประสบการณ์ในวัย 60 ปี ที่ผ่านเรื่องราวหลากหลาย นำมาซึ่งการถ่ายทอดเป็
ที่มาของศิลปินกำลังพยายามกลั บไปเป็นนักเขียน
อารยา: เคยทำงานศิลปะควบคู่ไปกับงานเขี ยน 2-3 ปีที่ผ่านมาหยุดงานเขียนไป ถอนออกจากการเป็นคอลัมนิสต์ เพราะว่าอายุมากขึ้น แล้วเราก็ตั้งสาขาใหม่คือทัศนศิ ลป์กับสหศาสตร์ศิลป์ ต้องดูแลปรับหลักสูตร ทัศนศิลป์ของป.โท ส่วนสหศาสตร์ศิลป์ทุกคนบอกว่าต้ องป.โท แต่เราคิดว่าต้องป.ตรี เพราะปัญหามันอยู่ที่ป.ตรี คือ วิธีการคิดหลักสูตรศิลปะแบบเดิ มมามันแยกส่วน ทุกคนถูกสอนมาแบบจารีตสายเดี่ยว คือ หลักสูตรเพ้นท์ (วาด) พิมพ์ก็ต้องพิมพ์ (ภาพพิมพ์)
ปีนี้เราครบ 60 ก็เลยเหมือนเป็นธรรมเนียมว่าต้ องมีงานอะไรสักอย่างก็หิวงานเขี ยน เลยคิดโครงงานนี้ขึ้นมา
พองานจัดแสดงปุ๊บ เราก็เขียนเลยตั้งแต่นั้น มันก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งแหละ เป็นอุบายที่จริงจังมาก เพราะเรากลัวภาวะเปลี่ยนผ่ านจากการเป็นอาจารย์ ประจำเคยทำงานมากมาก่อน เปิดสาขาใหม่ บริหารสาขา ก็กลัวตัวเองโหวง เพราะฉะนั้นอุบายในการเขียนหนั งสือของคือเรามีที่อยู่ ของตัวเอง ในนึกคิดของตัวเราเอง ไม่เกี่ยวกับใครเลย ส่วนตัวมาก หมามากวนยังดุเลย
ปีนี้เราครบ 60 ก็เลยเหมือนเป็นธรรมเนียมว่าต้
พองานจัดแสดงปุ๊บ เราก็เขียนเลยตั้งแต่นั้น มันก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งแหละ เป็นอุบายที่จริงจังมาก เพราะเรากลัวภาวะเปลี่ยนผ่
ประติมากรรม ศิลปินกำลังพยายามกลับไปเป็นนั กเขียน
ภาพจาก 100 ต้นสน แกลลอรี่
“ฟิกเกอร์ตัวอาจารย์ที่ตัวหนึ่ งเต้นอีกตัวห้อยหัวอยู่ เรารู้สึกว่าอาจารย์กำลังรู้สึ กอยู่ในสภาวะระหว่างการเป็นศิ ลปินที่สร้างงานศิลปะ กับการเป็นนักเขียนที่เขียนหนั งสือ เรารู้สึกว่าตัวที่เต้นคือตั วในจินตนาการ ในความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง ในขณะชิ้นที่ห้อยหัวมันดูจริ งกว่า เหมือนกำลังจะตาย เหมือนกำลังจะร่วงโรย ถ้าให้ตอบว่าตัวไหนคือศิลปิน ตัวไหนคือนักเขียน เราว่ามันตอบยาก เพราะทั้งตัวที่เต้นและตัวที่ห้ อยหัวมันอยู่ในทั้งพาร์ทที่เป็ นศิลปินและพาร์ทที่เป็นนักเขี ยน” ผู้ดูแล 100 ต้นสน แกลลอรี่ อธิบายให้เราฟัง
ประติมากรรม เพลงกล่อมเด็กของรังไข่ที่ ตายไปแล้ว
ภาพจาก 100 ต้นสน แกลลอรี่
'เพลงกล่อมเด็กของรังไข่ที่ ตายไปแล้ว' เป็นประติมากรรมที่อารยาทำหลั งออกจากการเป็นคอลัมน์นิสต์แล้ วปี 2015 โดยอารยาอธิบายว่า รังไข่ เปลไกวกล่อมเด็ก หรือแม้กระทั่ งภาชนะของความตายส่งพ้ นจากความเป็น ซึ่งมันมีอะไรหลายๆ อย่างในความเป็นที่ไม่สวย และก็คิดว่ามันเป็นพื้นที่สงั ดได้ เคยคิดว่าศิลปะก็คือพื้นที่ที่ ปลอดภัยเอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่ มีที่ไหนปลอดภัย ใจพาไปไม่ปลอดภัย
ทำไมถึงหยุดเขียน
สมัยเขียนหนังสือส่งตามที่ต่างๆ เคยเขียนเดือนละ 7 บท ตื่นตี 4 พัก 10 โมง กินข้าวเช้าเที่ยงรวมกัน บ่ายงีบเพราะต้องพักสมอง เย็นต่อ 4 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม ต้องมีวินัยแบบนั้นถึงจะส่งมติ ชนสุดสัปดาห์ ส่งดิฉันรายปักษ์ ส่งกรุงเทพธุรกิจ แถมยังมีเรื่องสั้นตามที่ต่างๆ
เพราะตอนนั้นคิดว่าตัวเองเหมื อนเป็ดเลย คือทำทุกอย่าง เลี้ยงหมาก็เป็นเรื่องหนักมากนะ เพราะเที่ยวไปเก็บหมาเจ็บ หมาป่วย หมาแก่มาหมด 10-20 ตัว ต้องให้น้ำเกลือตัวนี้ ป้อนยาตัวนั้น หยอดตาทาจมูกอีกสองตัว อุ้มอีกตัวที่เดินไไม่ได้ไปถ่าย เหมือนนางพยาบาลเลย เพราะฉะนั้นคิดว่ามันเยอะไปหน่ อย อีกอย่างเป็นการเบรกของอะไรที่ ต่อเนื่องยาวนานเกินไป มันเขียนมาเป็นสิบๆปี
แล้วที่กลับมาเขียน
หวังว่าการเขียนจะเป็นห้วงภวั งค์แข็งแรงที่จะดูแลเรา เพราะถ้าศิลปะเรายังต้องยุ่งเกี่ ยวกับโลกข้างนอกเยอะมาก งานเขียนเราเป็นผู้กำกับแต่เพี ยงผู้เดียว ทุกถ้อยคำ ทุกอารมณ์ เพราะถ้าพูดในเชิงร่างกาย ความโลดโผน การเดินทางต่างๆ โดยวัยขนาดนี้ก็น่าจะลดลง ตอนนี้การสอนก็น้อยลง แต่ก็ยังสอน
งานวิดีโอ “อำมหิต” ที่พาดพิงถึงเหตุการณ์เมื่ อผลงานคุณถูกปฏิเสธจากบรรดาผู้ ทรงคุณวุฒิทางศิ ลปะในการขอตำแหน่งทางวิชาการ
เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่เราถูกกระทำ เราก็เลยเอาบันทึกของการถู กกระทำมาลงในวิดีโอ เป็นการฉลองแซยิด สิ่งที่นักวิชาการศิลปะวิพากษ์ ก็อยู่ในวิดีโอนั้น เช่น ไม่ได้ใช้องค์ประกอบศิลป์ขั้นสู ง ไม่มีจริยธรรม
สำหรับศิลปินรุ่นเก่าบางคน สำหรับเขาคุณค่าของศิลปะคงอยู่ ที่ความงามของการจัดการอย่ างลงตัว มันเกี่ยวกับการมองเห็นมาก อาจไม่ให้ค่าในเรื่องของความคิด ความหมาย เพราะฉะนั้นทางออกคือผลิตในเชิ งทักษะ ฝีมือ
ในฐานะที่เป็นอาจารย์เขาก็จะรู้ สึกปลอดภัยกว่าที่จะอยู่ตรงนั้น เพราะไม่งั้นเขาจะถูกท้ าทายจากคนรุ่นใหม่ คนรุ่นหลัง คนจากที่อื่น เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ก็ดูแลปกป้ องสาขาเชิงเดี่ยวของเขา ทำให้เราถูกต้านตอนทำสาขาที่ รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเขาไม่ ต้องขวนขวาย อยู่กับที่ กับสิ่งที่เรียนมา เขาจะรู้สึกเขารอดไปจนเกษียณ เพียงแต่มันอาจจะแย่ในเชิงการศึ กษา การขาดโอกาสเพราะมีเด็กรุ่นใหม่ ที่อยากทดลอง ตื่นเต้นกับอะไรที่เปลี่ยนไป แต่แน่นอนของเดิมก็มีดีอยู่ ในแบบเดิม แต่หายากแล้ว
ดูเป็นงานที่พยายามเข้าถึ งในหลายชนชั้น อย่างงานอำมหิต มีทั้งพระ ทั้งชาวบ้าน นักเรียน อยู่ในงาน
ต่างสปีชีส์ด้วย แต่งานไม่ได้มีความตั้งใจแข็งว่ าต้องเพื่อรากหญ้า เพื่อชายขอบ มันเป็นไปเอง เป็นธรรมชาติของเราเอง มันมีความน่าเอ็นดูอะไรบางอย่าง เช่น เดินออกกำลังในหมู่บ้าน เห็นชาวนาปลูกข้าว บทสนทนาของเขามันขำ หรือไปวัดแล้วไปเจอเขาที่งานบุญ มันก็จะมีอะไรที่มันเป็ นธรรมชาติที่น่าเอ็นดู แล้วเราคิดว่าในฝั่งนั้นของมนุ ษย์มันงดงาม พอมันงดงามเราคิดว่ามันอาจเป็ นส่วนหนึ่งของงานได้
อย่างงาน The Two Planets (2007-2008) ที่ให้ชาวบ้านมาวิจารณ์งานศิ ลปะมาสเตอร์พีชจากตะวันตก รู้สึกเหมือนกำลังตั้งคำถามว่ าศิลปะของชนชั้นสูง เมื่อชาวบ้านมามอง เขาก็อาจไม่ได้เห็นว่ามั นสวยงามก็ได้
มันมี text ของนักวิชาการเอเชีย บอกว่าศิลปะเอเชียจะได้รับการพั ฒนาถึงขีดสุดถ้าได้รับการวิ จารณ์จากภายนอก แล้วภายนอกคือตะวันตก เราก็เลยกลับข้างแค่นั้นเอง เอาศิลปะที่เป็นมาสเตอร์พีชตะวั นตกให้คนเอเชียวิจารณ์บ้าง งานมีความแสบสันในการเอาคืนนิดๆ แต่งานถูกตีความว่าไปจัดการชั้ นเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ อย่างมหา’ลัยเราสอนประวัติ ศาสตร์ศิลป์ ส่วนใหญ่เป็นของตะวันตก ไม่ค่อยมีของเอเชีย แล้วก็แข็งๆ ไม่สนุก
งานไม่มีคำถามแข็งๆ ก็แค่เปิดเวทีให้เขาทดลองกั บเผชิญสนุกกับตัวเองกับความไม่ รู้ ที่ใจไม่ดีตอนคิดว่าจะทำงานนี้ คือ คิดว่าศิลปะจะเละแน่ๆ เพราะเราเปิดให้ชาวบ้านคุ ยอะไรกันก็ได้ ตรงนั้นคือต้องทำใจแข็งไว้หน่ อยนึง ไม่ห่วงหน้าตาของศิลปะจนเกินไป
เหมือนงานผู้ป่วยโรคจิตผู้หญิง ก็ไปตั้งกล้องแล้วก็ให้เขาพู ดตามสบาย บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็เล่าเรื่องที่เขาไม่ได้ คิดว่าตลก แต่พอเราขำอยู่หลังกล้อง ขำน้ำตาไหล พอเขาเห็นแบบนั้นเขายิ่งสนุก ไปใหญ่ ฟุ้งเลย แถมบอกว่า จริงๆนะคะอาจารย์
ชอบทำงานกับกลุ่มคนชายขอบ?
อาจจะไม่ใช่ชายขอบ แต่มีคำวิจารณ์ว่ างานเราชอบทำงานเกี่ยวกับการสื่ อสารที่ติดขัด เช่น ไปอ่านหนังสือให้ศพฟัง หรือไปนั่งฟังคนบ้าพูดไปเรื่อย แต่ผู้วิจารณ์มองในเชิ งบวกมากของความเป็นมนุษย์ ว่าจริงๆ การพยายามจะสื่อสารมันเป็นเรื่ องที่พิเศษมากสำหรั บคนเราในฐานะมนุษย์ แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็ นใคร พูดเรื่องอะไร ศพเป็นใครมาก่อน ผู้ป่วยทางจิตเล่าเรื่องจริงรึ เปล่า หมาก็อยู่ในงานศิลปะได้แบบตั วเป็นๆ ก็คิดว่ามันดีมากที่ข้ามสปีชี่ ส์ไป ข้ามข้อจำกัดไปสู่อะไรก็ตาม
งานมีความเป็นเฟมินิสต์?
นักวิชาการผู้หญิงก็จะจั บเราไปในโซนเฟมินิสต์ แต่สำหรับตัวเราเอง (คิด) ก็คงมีเชื้ออยู่นะ ในวัฒนธรรมไทยที่มันนุ่มเอ๋อ เป็นการประนีประนอม เราจะสู้ด้วยอะไรล่ะ เราก็สู้ด้วยงาน คนในวงการก็ผู้ชายเกือบทั้งหมด ทั้งผู้มีอำนาจในและนอกระบบ
แล้วผู้หญิงจริงๆ ก็แข่งขันกันเอง อวดประชันกันสูง และในขณะที่เพศหญิงแข่งขันกัน เพศหญิงก็หันไปจำยอมเพศชาย คือยอมโดยวัฒนธรรม โดยเชิงอำนาจ น่าเวทนามากในจุดยืนของผู้หญิง มันมีเรื่องริษยาของเพศเดียวกัน ที่เขาไม่เคยตั้งคำถามกับกลุ่ มผู้ชาย พาวเวอร์ของผู้ชายในที่ ทำงานเปล่งรัศมีครอบงำพวกผู้หญิ ง ดูเหมือนเราเป็นเหยื่อของทั้ งสองฝ่าย อยากอยูในคุณค่าของสิ่งที่ ทำมากกว่าอยากอยู่ในกลุ่ มพวกของใคร ไม่อยากประนีประนอมเชิ งสาระของสิ่งที่ทำ
เราคิดว่าศิลปะกับวรรณกรรมก็ช่ วยเปิดทางให้เยอะเลยนะ ที่จะเข้าไปช่วยจัดการกับเรื่ องพวกนี้แบบไม่ก้าวร้าวจนเกินไป
อย่างงานอำมหิต จริงๆ ทำด้วยความขำนะ ให้ลูกศิษย์มาเล่น เล่นแข็งๆถ่ายหลายรอบตลกดี ไม่ได้โกรธแค้นอะไร เริ่มมาจากอ.ชลูด (นิ่มเสมอ) อ.ชลูดคือคนที่สู้กับคนที่วิ จารณ์เราในเชิงวิชาการ อ.ชลูดบอกว่า อารยา ถ้าฉันเป็นเธอฉันต้องทำงานเกี่ ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมาสักชิ้น แล้วอาจารย์ตายไปแล้ว ตายไปนานแล้วเราไม่ได้ทำสักที ก็เลยทำขึ้นมาตามคำแนะนำ เป็นศิษย์มีครู
สมัยเขียนหนังสือส่งตามที่ต่างๆ เคยเขียนเดือนละ 7 บท ตื่นตี 4 พัก 10 โมง กินข้าวเช้าเที่ยงรวมกัน บ่ายงีบเพราะต้องพักสมอง เย็นต่อ 4 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม ต้องมีวินัยแบบนั้นถึงจะส่งมติ
เพราะตอนนั้นคิดว่าตัวเองเหมื
แล้วที่กลับมาเขียน
หวังว่าการเขียนจะเป็นห้วงภวั
งานวิดีโอ “อำมหิต” ที่พาดพิงถึงเหตุการณ์เมื่
เราไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่เราถูกกระทำ เราก็เลยเอาบันทึกของการถู
สำหรับศิลปินรุ่นเก่าบางคน สำหรับเขาคุณค่าของศิลปะคงอยู่
ในฐานะที่เป็นอาจารย์เขาก็จะรู้
ดูเป็นงานที่พยายามเข้าถึ
ต่างสปีชีส์ด้วย แต่งานไม่ได้มีความตั้งใจแข็งว่
อย่างงาน The Two Planets (2007-2008) ที่ให้ชาวบ้านมาวิจารณ์งานศิ
มันมี text ของนักวิชาการเอเชีย บอกว่าศิลปะเอเชียจะได้รับการพั
งานไม่มีคำถามแข็งๆ ก็แค่เปิดเวทีให้เขาทดลองกั
เหมือนงานผู้ป่วยโรคจิตผู้หญิง ก็ไปตั้งกล้องแล้วก็ให้เขาพู
ชอบทำงานกับกลุ่มคนชายขอบ?
อาจจะไม่ใช่ชายขอบ แต่มีคำวิจารณ์ว่
งานมีความเป็นเฟมินิสต์?
นักวิชาการผู้หญิงก็จะจั
แล้วผู้หญิงจริงๆ ก็แข่งขันกันเอง อวดประชันกันสูง และในขณะที่เพศหญิงแข่งขันกัน เพศหญิงก็หันไปจำยอมเพศชาย คือยอมโดยวัฒนธรรม โดยเชิงอำนาจ น่าเวทนามากในจุดยืนของผู้หญิง มันมีเรื่องริษยาของเพศเดียวกัน ที่เขาไม่เคยตั้งคำถามกับกลุ่
เราคิดว่าศิลปะกับวรรณกรรมก็ช่
อย่างงานอำมหิต จริงๆ ทำด้วยความขำนะ ให้ลูกศิษย์มาเล่น เล่นแข็งๆถ่ายหลายรอบตลกดี ไม่ได้โกรธแค้นอะไร เริ่มมาจากอ.ชลูด (นิ่มเสมอ) อ.ชลูดคือคนที่สู้กับคนที่วิ
นิยายที่เขียนอยู่เป็นไงบ้าง?
ไม่ได้ตั้งพล็อต ใช้เริ่มจากจุดที่ตัวเองคุ้น สนุกกับอดีตก็เขียนเกี่ยวกับอดี
พ่อเราเป็นหมอ ส่วนแม่เลี้ยงเป็นพยาบาล พ่อเป็นนายแพทย์ใหญ่ดูโรงพยาบาล กับอนามัยจังหวัด อยู่ระยอง อุบล จันทบุรี แต่เราเกิดที่ตราด เพราะฉะนั้นมันจะมีแม่น้ำ มีทะเล มีที่ราบสูง ฉากในจังหวัดพวกนี้อะไรยังงี้
ในนิยายมันคล้ายๆ กับชีวิตของคุณด้วย?
มันคล้ายๆ แต่บางมุมมันถูกทำให้ขำ เช่น มีอยู่ตอนหนึ่งอ่านหนังสือให้
เหมือนคุณทำงานด้วยอารมณ์ขัน
ปีที่แล้วตอนไปบรรยายต่างประเทศ ศิลปินนานาชาติประมาณ 60 คนนั่งฟัง ก็มีศิลปินคนหนึ่งถามว่า คุณไม่เห็นพูดถึงเรื่องอารมณ์ขั
ตอนไปอ่านหนังสือให้ศพฟังเรายั
โห ตอนไปอ่านทีแรก ศพแรกเราร้องไห้ คือมันทั้งกลิ่น ทั้งฉาก ทั้งอะไร คุณไม่เคยเผชิญความตายสดๆ แถมคุณยังเอาน้ำไปแช่เขาอีก เจ้าหน้าที่ก็บอกเดี๋ยวจะเน่
จุดเริ่มต้นของการทำงานกับศพ?
อายุ 40 เราเป็นผู้หญิงที่อยู่คนเดียวที่
แล้วเราชอบวรรณคดีเก่า เย็นวันหนึ่งขับรถไปซื้อของ รถก็ติด ก็ร้องกลอนเก่าๆ ร้องไปร้องมาก็ไปพ่วงกับรูปปั้
การอ่านหนังสือ แต่งตัว เล่านิทาน ร้องเพลงให้ศพฟัง มันก็คือการดูแลอย่างหนึ่ง แต่งตัวก็แต่งตัวให้เขาลายเดี
แล้วมันเกิดการตั้งคำถาม ทำไมคุณถึงได้รับการดูแลที่ดี
ทำงานกับศพยากไหม?
พอเครื่องติดมันก็ไปได้นะ เพราะมันต้องทำให้งานสมบูรณ์ แต่ตอนแรกๆ ไม่กล้ากลับบ้านเลย เพราะว่ากลิ่นมันตามมาถึงเช้า มันมีส่วนหนึ่งของสมองแถวท้
ตอนอยู่หน้าบ้านเราก็ถอดเสื้อผ้
ในเชิงผลิตให้เป็นงานศิลปะมันก็
แล้วตอนอยู่กับศพปลงไหม?
ไม่ปลงเพราะทำศิลปะ
แล้วทำงานกับคนบ้าล่ะ?
เราขมขื่นนะ เดินเข้าไปในโรงพยาบาลบ้า คนบ้าที่รออยู่ก็บอกว่า นักข่าวไทยพีบีเอสมาแล้ว
ครอบครัว สภาพแวดล้อม สังคมกระทำต่อผู้หญิงหนักมาก ต้องเป็นลูกสาวที่ดี เมียที่ดี เป็นแม่ที่รับผิดชอบต่อลูก คือบ้าเพราะเงื่อนไขพวกนี้แหละ
มีผู้หญิงคนหนึ่งบ้าเพราะว่าเป็
การเป็นบ้า เราคิดว่ามันไม่ใช่การทำร้ายแต่
ตอนไปจัดแสดงงานที่ญี่ปุ่น ก็มีคนบ้าของญี่ปุ่นมาดูงาน มีล่ามแปล คนบ้าญี่ปุ่นคนนั้นกรีดตัวเอง เหมือนเขาไม่รู้ว่านี่คือโลกจริ
มันขมขื่น มันเหมือนเดินเข้าไปเจอความจริ
เรารู้ธรรมชาติตัวเอง จุดเปลี่ยนอายุ 60 จะหยุดบริหารสาขา หยุดสอนเราถึงต้องเกาะการเขี
มันเป็นไปได้ไหมที่
ไม่ ไม่ชิน มันก็แย่ทุกที เพียงแต่เราคิดว่
ในวันที่ 25 พ.ย. นี้ จะมีกิจกรรมเสวนาพิเศษ ณ 100 ต้นสนแกลอรี่ เวลา 16.00 – 18.00 น. ในหัวข้อ “เธอเกิดมาพร้อมอวัยวะเพศรูปกลี รายละเอียดเพิ่มเติม: https:// |
แสดงความคิดเห็น