Posted: 27 Nov 2017 08:47 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ภาคอีสาน เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพ และเครือข่ายศิลปินสายลมแสงแดด ร้องปล่อยตัวกลุ่มค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งดำเนินคดี 16 คน เหตุกีดขวางการจราจร ขัดขวางการจับกุม และทำร้ายเจ้าพนักงาน


27 พ.ย.2560 จากกรณีที่เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้จัดกิจกรรมเดินเท้าจากพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรณรงค์ถึงความไม่เป็นธรรมและผลกระทบที่ชาวบ้านได้รับจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และยื่นหนังสือต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.เมือง จ.สงขลา ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ โดยวันนี้ (27 พ.ย.60) เวลาประมาณบ่ายโมง เมื่อเครือข่ายฯ เดินทางถึงบริเวณแยกสำโรง อ.เมือง จ.สงขลา มีตำรวจประมาณ 1 กองร้อยตั้งจุดสกัดขบวนเดินเท้าของเครือข่าย และเวลาประมาณ 16.20 น เจ้าหน้าที่ได้สลายการชุมนุม มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บและชาวบ้านจำนวนหนึ่งถูกควบคุมตัวไปที่ สภ.เมือง สงขลานั้น


ล่าสุด เมื่อเวลา 22.22 น. ที่ผ่านมา ฐปนีย์ เอียดศรีชัย ผู้ประกาศข่าวภาคสนามรายการข่าว 3 มิติ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Thapanee Ietsrichai' ในลักษณะสาธารณะว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีผู้ชุมนุมค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา 16 คน กีดขวางการจราจร ขัดขวางการจับกุม และทำร้ายเจ้าพนักงาน


ปะทะ - จับ 16 ค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน - ฝ่ายหนุนเข้าค่ายอิงคยุทธฯ ขอเร่งสร้าง
ประยุทธ์ สวนชาวประมง "อย่ามาส่งเสียงกับผม" หลังเข้าแจงปัญหาต่อหน้า
'องค์กรสิทธิ' ร้อง จนท. ปล่อยตัวกลุ่ม 'เดิน....เทใจให้เทพา หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน'

ประมวลแถลงการณ์

ขณะที่องค์กรด้านสิทธิและภาคประชาชนจำนวนมากออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุม ให้มีการสอบสวนในการใช้กองกำลังสลายการรวมตัวของประชาชนที่ชุมนุมโดยสันติ รวมทั้งให้รัฐบาลยุติการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จ.สงขลา ของเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ภาคอีสาน กรีนพีซ เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (คปส.) เครือข่ายเพื่อนตะวันออก วาระเปลี่ยนตะวันออก คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือตอนล่าง พลเมืองคนรุ่นใหม่ - NGC และเครือข่ายศิลปินสายลมแสงแดด ดังนี้


เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ภาคอีสาน : หยุด ! ใช้อำนาจเถื่อนจับกุมพี่น้องค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา

ต้องขอคาระวะพี่น้องชาวบ้านที่รวมตัวคัดค้านการก่อสร้งโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ของ กฟผ. ด้วยความจริงใจ แม้ว่าการเคลื่อนไหวต่อสู้ในครั้งนี้จะมีความยากลำบากเพราะ ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเราปิดหู ปิดตาที่จะรับฟังความจริงจากประชาชนในพื้นที่ ซ้ำร้ายผู้นำในยุคนี้ยังมีอคติกับกลุ่มที่คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ในข้อกล่าวหาเดิมๆ คือ ขัดขวางการพัฒนาประเทศและถ่วงความเจริญ

หลายปีที่ผ่านมาพี่น้องชาวเทพา จังหวัดสงขลา ได้เดินทางเพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ให้รับทราบถึงความทุกข์ยากและปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตจากการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา แต่ไม่เคยมีเสียงตอบรับแต่อย่างใดจากผู้นำรัฐบาล

การเดินเท้าจำนวน 75 กิโลเมตร ของพี่น้อง ให้หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินเนื่องจากนายกรัฐมนตรี จะมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในวันที่ 27พฤศจิกายน 2560 และประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อำเภอเมืองสงขลา ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ดังนั้นเจตนาการเดินเท้าเพื่อไปหานายกรัฐมนตรีจึงเป็นความหวังของการบอกกล่าวปัญหาความเดือดร้อนให้ผู้นำรัฐบาลรับทราบ

แต่ในวันนี้ (27 พ.ย.2560) มีการใช้กองกำลังเข้าสลายพี่น้องคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลาอย่างป่าเถื่อนโดยไม่ยึดกับหลักกฏหมายใดๆทั้งสิ้น ผิดกับที่รัฐบาลได้ประกาศเรื่อง “สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ” เราขอประนามรัฐบาล ว่าการใช้กองกำลังเข้าสลายพี่น้องเทพา โดยไม่ยึดหลัก “สิทธิมนุษยชน” เป็นความเลวร้ายอย่างยิ่ง และการประกาศดังกล่าวเป็นเพียงลมปากเพื่อสร้างภาพเท่านั้น ดังนั้นเราจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้

1. ให้ปล่อยตัวพี่น้องที่ถูกจับกุมโดยด่วนอย่างไม่มีเงื่อนไข

2. ให้มีการสอบสวนในการใช้กองกำลังสลายการรวมตัวของประชาชนที่ชุมนุมโดยสันติ

3. ให้รัฐบาลยุติการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา

ด้วยจิตคาระวะ

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.อีสาน)

เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน

เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคอีสาน

เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน

เครือข่ายปฎิรูปที่ดิน ภาคอีสาน

สมาคมผู้บริโภค จ.ขอนแก่น

สมาคมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเทือกเขาเพชรบูรณ์

สมาคมเครือข่ายชาวนาชาวไร่อีสาน

สมาคมป่าชุมชนอีสาน

สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณะ

ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพอีสาน (ศสส.)

ศูนย์พัฒนาเด็กเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแม่น้ำโขง

ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม

ศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชีตอนล่าง

ศูนย์ศึกษาชุมชนท้องถิ่นอีศาน

โครงการทามมูล

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี

คณะกรรมการชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 kv. จ.อุดรธานี

เครือข่ายคนรุ่นใหม่กลุ่มลุ่มน้ำโขงศึกษา

กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลำพะเนียง

กลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำโขง อ.ปากชม จ.เลย

เครือข่ายชุมชนฮักน้ำโขง

ขบวนการอีสานใหม่ (New Esaan Movements)

กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์แก่งละหว้า จ.ขอนแก่น

โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศห้วยเสนง จ.สุรินทร์

กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำชีตอนล่าง จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร

สมัชชาคนจนกรณีเขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา จ.ศรีสะเกษ

กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย จ.ยโสธร

เครือข่ายอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย จ.อำนาจเจริญ

กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาสภาคีเครือข่ายฯ จังหวัดสกลนคร

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมห้วยเสือเต้นและโคกหินขาว จ.ขอนแก่น

กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน)

ชมรมชาวบ้านอนุรักษ์ลำน้ำพอง จ.ขอนแก่น

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนามูนดูนสาด จ.กาฬสินธุ์

ขบวนองค์กรชุมชน จ.สุรินทร์

กลุ่มสมุนไพรเพื่อสันติภาพ




แถลงการณ์ของกรีนพีซ กรณีการใช้ความรุนแรงสลายการเดินทางยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีของเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน

การเดินเท้าอย่างสงบของเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ม.เทคโนโลยีราชมงคลศรีสิชัย อ.เมืองสงขลาในวันที่ 28 พฤศจิกายน ต้องจบลงด้วยความรุนแรงเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและฝ่ายความมั่นคงระดมกำลังเข้าสลายการเดินทางมายื่นหนังสือของเครือข่าย
เหตุรุนแรงโดยรัฐครั้งนี้ย้ำชัดถึง “ความไม่เป็นธรรมที่ชุมชนในพื้นที่โดนกระทำจากอำนาจรัฐและอำนาจทุนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปี ของผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน” ดังเนื้อความในจดหมายที่จะยื่นต่อนายกรัฐมนตรี

ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “การปฏิบัติที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐครั้งนี้สะท้อนความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และรัฐธรรมนูญตามมาตรา 65 ที่กำหนดให้มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน(SDGs) อย่างเช่นเป้าหมายที่ 16 ว่าด้วย “ส่งเสริมสังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก” ซึ่งมุ่งมั่นที่จะลดความรุนแรงทุกรูปแบบ พร้อมทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความไม่มั่นคงทางสังคมอย่างยั่งยืน”

กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เห็นว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและท่าเรือขนถ่ายถ่านหินไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะสร้าง และขอยืนยันข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้ ;

ปล่อยตัวเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดที่ถูกจับกุมไว้โดยไม่มีเงื่อนไขในทันทีและยุติการคุกคามสิทธิชุมชนในทุกรูปแบบ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาโดยทันที
ทบทวนกระบวนการวางแผนพลังงานของประเทศเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายศูนย์ที่สะอาด ยั่งยืนและเป็นธรรมอันเป็นเจตนารมย์หลักตามพันธะกรณีที่ประเทศไทยให้คำมั่นในความตกลงปารีสและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงการดำเนินมาตรการในข้อ 8(Article 8) ของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท*
.........................

*หมายเหตุ : สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยลงนามเข้าร่วม เป็นภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท(Minamata Convention on Mercury) เป็นอันดับที่ 66 ของโลก และเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคีอนุสัญญาได้ยอมรับร่วมกันว่า “ปรอทเป็นสารเคมีที่ทั่วโลกมีความกังวลเนื่องจากปรอท สามารถเคลื่อนย้ายได้ไกลในชั้นบรรยากาศ ปรอทตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม จากกิจกรรมของมนุษย์ ปรอทมีความสามารถในการสะสมในสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ และปรอทส่งผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสําคัญ อนึ่ง เป็นที่รับรู้กันดีว่า ปรอทที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศนั้นเป็นองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) โดยมาตรการในข้อ 8(Article 8) ของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทนั้นมุ่งเน้นถึงการควบคุมและลดการปล่อย (emission)ปรอทออกสู่บรรยากาศจากแหล่งกำเนิดที่มีจุดกำเนิดแน่นอน(point sources) ตามรายการที่ระบุไว้ในภาคผนวก D (Annex D) ของอนุสัญญาฯ รวมถึง โรงไฟฟ้าถ่านหิน



เครือข่ายศิลปินสายลมแสงแดด : แถลงการณ์ประนามการใช้ความรุนแรงต่อพี่น้องเทพา

สืบเนื่องจากการเดินทางร้องทุกข์ของพี่น้องเทพาปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือต่อนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในโอกาสที่มาเยือนภาคใต้ ขบวนที่น้องได้เริ่มออกเดิน มาตั้งแต่วันที่24 พฤศจิกายน ตามเส้นทาง กำหนดถึงสงขลาวันที่28 แต่เมื่อพี่น้องเดินฝ่าแดดฝ่าฝนที่ตกหนักติดต่อมาสามวัน แต่เมื่อออกเดินวันที่สี่คือวันนี้27 พฤศจิกายน 2560 ได้มีกองกำลัง ตำรวจ ทหารและอส. มาปิดกั้นไม่ให้ขบวนเดินผ่านเข้าไปยังจุดพักกินข้าว ที่หน้าราชภัฏ ฝ่ายแกนนำได้เจรจาเพื่อขอเดินผ่านไป แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความรุนแรงทุบตีผลักดันพี่น้องได้บาดเจ็บหลายราย และยังจับแกนนำไปถึง16คน ที่บริเวณ เก้าเส้ง สงขลา

ทางเครือข่ายศิลปินสายลมแสงแดด ขอประนามการกระทำเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ต่อพี่น้องประชาชนผู้มีแต่สองมือเปล่า เดินเท้าอย่างสงบสันติ เพื่อยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรียกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเท่านั้น!!! ดังนั้น เครือข่ายศิลปินสายลมแสงแดดขอประกาศว่า

1) ขอให้ทางการปล่อยตัวแกนนำทันที่ โดยไม่มีเงื่อนไข

2) ให้ยุติความขัดแย้งครั้งนี้โดยยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินทันที เพราะเป็นชนวนความขัดแย้งรุนแรง

3) ให้ลงโทษตำรวจทหารและอส. ในชุดปฏิบัติการก่อเหตุครั้งนี้ให้สาสม

4) การทำร้ายจับกุมประชาชนผู้คัดค้านโครงการถ่านหินนั้น ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนอย่างรุนแรงที่สุด ให้รัฐบาลประยุทธ์ ออกมาขอโทษประชาชนทันที เพราะเราไม่อยากเห็นไฟใต้ขยายลุกลามไปถึงสงขลาเทพา

ดังที่มีบทเรียนการปราบปรามด้วยความรุนแรงอย่างกรือเซะฮ์-ตากใบ ที่เป็นสาเหตุความไม่สงบจนวันนี้ จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ด้วยจิตสมานฉันท์กับพี่น้องเทพา ปัตตานี

เครือข่ายศิลปินสายลมแสงแดด

27 พฤศจิกายน 2560

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.