Posted: 06 Nov 2017 10:50 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

กรรมการ ป.ป.ช.ชี้ ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันปีที่ผ่านมาตกลงจากปีก่อน หากยังมีปัญหาเรื่องความเป็นประชาธิปไตยต่อไปอีก อาจยังไม่สามารถปรับขึ้นได้ และยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเหมือนเดิม พร้อมทั้งปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม


องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ได้เปิดเผย ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันโลกปี 2016 จัดอันดับ 176 ประเทศทั่วโลก เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

6 พ.ย.2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (6 พ.ย.60) ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาควิชาการ องค์การมหาชน และองค์การระหว่างประเทศ จัดประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนความรู้ระดับชาติ ภายใต้ชื่อ "การบูรณาการเพื่อการพัฒนาภาควิชาการและประชาชน สู่ยุทธศาสตร์การสร้างสังคมสุจริตอย่างยั่งยืน" โดยมี ณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานในการเปิดการประชุม มีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งนักวิชาการ ผู้แทน UNDP หรือโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนศูนย์คุณธรรมและเครือข่ายหมู่บ้าน ชุมชนช่อสะอาด เกือบ 300 คน

ปมประชามติไม่โปร่งใสฉุดไทยร่วงอันดับที่ 101 ดัชนีคอร์รัปชันโลก 2016
ทีดีอาร์ไอระบุดัชนีคอร์รัปชั่นไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ซื้อเรือดำน้ำอาจมีปัญหาความโปร่งใส

ณรงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อประเมินความก้าวหน้าของการนำแผนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตระยะที่ 3 (2560-2564) สู่การปฏิบัติจริงในการจัดตั้งหมู่บ้านและชุมชนช่อสะอาด โดยข้อมูลที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการพัฒนา วิธีการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตต่อไป

จากนั้น ณรงค์ กล่าวปาฐกฐาในหัวข้อ "การสร้างสังคมสุจริตสู่การยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย" โดยได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยที่มีผลต่อค่า CPI ซึ่งเป็นผลมาจากการสำรวจภาพลักษณ์ของการทุจริตซึ่งสะท้อนออกมาจากภาคเอกชน ความน่าเป็นห่วงของไทยคือการใช้นโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการนำเงินไปสู่ประชาชนในรูปแบบนโยบายประชานิยม ซึ่งที่ถูกต้องควรจะส่งเสริมให้ประชาชนสามารถช่วยเหลือตนเอง ตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งพระองค์ทรงสอนคนไทยให้รู้จักพึ่งพาตัวเองอันจะเห็นได้ชัดจากโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 แห่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้เกิดมาตรการทางสังคมอย่างเข้มแข็งในการต่อต้านคนทุจริต และจะทำอย่างไรให้เครือข่ายจำนวนมากที่ ป.ป.ช. มีอยู่ในตอนนี้เป็นเครือข่ายที่แท้จริงและบทบาทจริงในการเปิดโปงและต่อต้านการทุจริต
ณรงค์ กล่าวว่า ปัญหาทุจริตเกิดขึ้นในประเทศไทยมายาวนาน ส่วนตัวรับราชการมา 20 ปี ซึมซับรับทราบปัญหา และเห็นว่าทุกรัฐบาลพยายามที่หาทางแก้ปัญหาทั้งออกกฎหมาย ตั้งองค์กรที่มีประสิทธิภาพ มีพัฒนาการทางกฎหมายมาต่อเนื่องซึ่ง ป.ป.ช.ได้ทำงานอย่างเต็มที่ขณะที่รัฐบาลปัจจุบัน มุ่งมั่นและจริงจังในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันโดยได้ให้การสนับสนุนโดยเฉพาะเรื่องงบประมาณต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชัน หรือ ค่า CPI ในปีที่ผ่านมาปรับลดลงจากปีก่อน หากไทยยังมีปัญหาเรื่องความเป็นประชาธิปไตยต่อเนื่องไปอีก ก็อาจทำให้ค่า CPI ยังไม่สามารถปรับขึ้นได้ และยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านเหมือนเดิม

กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม ปัญหาผู้มีอิทธิพล และการรับเงินใต้โต๊ะ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของค่า CPI เช่นกัน รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องกับจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป และออกกฎหมายมาควบคุมแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การจัดอันดับที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะการประเมินไม่ได้มองเพียงจุดเดียว แต่มองภาพรวม จึงฝากให้ช่วยกันคิดว่าจะสร้างมาตรการทางสังคมต่อต้านการคอร์รัปชันได้อย่างไร และควรที่จะบังคับใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร โดยเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดเพราะเป็นช่องทางให้ประชาชนร่วมตรวจสอบอำนาจรัฐ

"ถ้ายังไม่สามารถกวาดบ้านตัวเองได้ คงแก้ปัญหาเรื่องนี้ลำบาก ปัญหาใหญ่ที่สุดที่เราต้องทำคือจะทำอย่างไรให้หน่วยงานภาครัฐบางหน่วยต้องเปลี่ยนตัวเอง ปรับวัฒนธรรมองค์กร ทำอย่างไรให้ไม่มีภาพของเงินใต้โต๊ะที่เป็นน้ำมันหล่อลื่น เราต้องกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของปัญหาคอร์รัปชัน ที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ถ้าโครงการของรัฐไม่มีการประเมินความคุ้มค่าของงบ ค่าความโปร่งใสเกิดไม่ได้ต้องเปิดให้ดู เราไม่สามารถคุมนิสัยนักการเมืองได้" ณรงค์ กล่าว

ที่มา : สำนักข่าวไทย และ คมชัดลึกออนไลน์

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.