Posted: 25 Apr 2018 12:26 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

ภาคประชาชน วิจารณ์ยับ ไทยนิยมไม่ยั่งยืน หยุดรัฐสงเคราะห์ เชื่อทำให้ประชาชนพึ่งตัวเองไม่ได้ ชูรัฐสวัสดิการแก้เหลื่อมล้ำได้ยั่งยืน


25 เม.ย. 2561 รายงานข่าวแจ้งว่า เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ จัดงานแถลงข่าว “ไทยนิยม” ไม่ยั่งยืน หยุดรัฐสงเคราะห์ เดินหน้ารัฐสวัสดิการ ประชาชนต้องมีบำนาญถ้วนหน้า ที่สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นิมิตร์ เทียนอุดม ตัวแทนเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ให้สัมภาษณ์ว่า การดูแลประชาชนที่เป็นสวัสดิการโดยรัฐไม่อยู่ในแผนของรัฐเลย ในแผนปฏิรูปประเทศฉบับนี้ไม่มีเรื่องรัฐสวัสดิการ หรือบำนาญถ้วนหน้า สังคมไทยจึงเป็นสังคมที่รัฐไม่สนใจดูแลประชาชน มองเพียงว่าเป็นภาระของประเทศ ซึ่งเป็นจุดอันตรายสำหรับสังคมสูงวัย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่คนในชาติแก่ก่อนรวย ทำให้การใช้ชีวิตยากลำบาก แต่รัฐกลับไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดรัฐสวัสดิการ

“ประเทศนี้ไม่พร้อมดูแลคน แต่ออกนโยบายประชารัฐ ชวนเชื่อว่าว่ารัฐจะดูแลประชาชน โดยผูกไว้กับการเมือง การเลือกตั้ง ไม่ต่างอะไรกับนโยบายประชานิยม ซึ่งทำให้คนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่าต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาหัวหน้า คสช. ให้เป็นรัฐบาลต่อไป ไม่เช่นนั้นบัตรคนจนอาจหายไป โดยเราถูกหลอกเรื่องรัฐสวัสดิการผ่านนโยบายที่แอบแฝงหวังคะแนนเสียง ให้คนติดกับทางการเมือง ซึ่งนโยบายแบบนี้เป็นการสงเคราะห์ของรัฐ และเมื่อประเทศไม่มีทิศทางในการทำเรื่องรัฐสวัสดิการ การช่วยเหลือเป็นครั้งๆ หรือการเลือกว่าจะให้หรือไม่ให้ใคร ผ่านการใช้วิจารณญาณโดยอำนาจของราชการ ซึ่งไม่มีกลไกกำกับหรือตรวจสอบ เป็นต้นตอของการทุจริตเชิงนโยบาย และตัวเงิน เช่น มีการทุจริตเงินการศึกษาของเด็กมาเป็นเวลา 10 ปี” นิมิตร์กล่าว

ตัวแทนจากเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวต่อไปว่า ประชาชนต้องลุกขึ้นมาสร้างรัฐสวัสดิการให้ได้ ผ่านการเข้าร่วมกลุ่มกับเครือข่ายฯ หรือร่วมกันตั้งคำถามกับผู้บริหารประเทศ ตัวแทนพรรคการเมือง หรือคณะกรรมการปฏิรูปประเทศว่า วาระของประเทศที่จะเดินหน้าไปสู่รัฐสวัสดิการจะเป็นอย่างไร โดยต้องเห็นโจทย์นี้ร่วมกัน และหยุดการใช้เงินภาษีของประชาชนเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ต้องมีทิศทางและมีประสิทธิภาพ

"ในเฉพาะหน้านี้ พวกเราจะร่วมกันคัดค้านแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีด้านสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ ที่มีนัยยะทำลายระบบบัตรทอง ทำลายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแทนที่ด้วยระบบราชการล้าหลังที่ต้องการดึงระบบสวัสดิการให้ถอยหลังเป็นระบบสงเคราะห์" นิมิตร์ กล่าว

นุชนารถ แท่นทอง ตัวแทนจากเครือข่ายสลัมสี่ภาค กล่าวถึงกรณีของการให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่ผู้มีรายได้น้อยว่า นโยบายเช่นนี้ไม่ถือเป็นรัฐสวัสดิการ แต่เป็นการสงเคราะห์และจัดประเภท หมวดหมู่ แบ่งชนชั้นคน เพื่อให้สังคมรู้ว่าคนนี้จน คนนี้มีเงิน ซึ่งการสงเคราะห์ของรัฐทำให้ประชาชนขาดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“บัตรคนจนทำให้เกิดความขัดแย้ง คนจนจริงไม่ได้บัตร ส่วนบางครอบครัวได้บัตรหลายใบ ซึ่งสะท้อนการทำงานของรัฐที่ไม่ได้มีมาตรฐานตรวจสอบ เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แทนที่จะสนับสนุนรัฐสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว เช่น ด้านการศึกษา สาธารณสุขให้ดีขึ้น หรือเพิ่มการเข้าถึงสาธารณูปโภคที่ประชาชนควรได้รับ มากกว่าการแจกจ่ายเงิน ที่เหมือนการหาเสียง หรือประชานิยม โดยไม่มีมาตรการตรวจสอบ” ตัวแทนจากเครือข่ายสลัมสี่ภาคกล่าว

นุชนารถ เสนอว่า สวัสดิการที่รัฐจะให้ควรเป็นแบบถ้วนหน้า เพราะแนวคิดแบบรัฐสงเคราะห์นั้นไม่ยั่งยืน คือ พอมีเงินก็สงเคราะห์ ไม่มีเงินก็ไม่สงเคราะห์ ซึ่งเราไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้ประชาชนไม่เติบโต พึ่งพาตัวเองไม่ได้ อยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี และเกิดความเหลื่อมล้ำ ทั้งนี้ รัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้าจะเกิดได้ถ้าให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการทำรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่คิดนโยบายมาจากรัฐ

ชุลีพร ด้วงฉิม ตัวแทนจากกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ให้ความเห็นว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืน มีวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ คือ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้พ้นจากความยากจน โดยการนำเงินงบประมาณลงชุมชน ซึ่งโครงการนี้ต่อยอดจากโครงการประชารัฐเดิม แต่อย่างไรก็ดี ได้มีการประเมินไหมว่าโครงการนั้นเกิดความยั่งยืนแค่ไหน และจะลดความเหลื่อมล้ำ หรือทำให้ประชาชนพ้นจากความยากจนได้อย่างไร

“โครงการไทยนิยมใช้งบประมาณมหาศาล คือ มีงบประมาณ 200,000 บาท ลงชุมชนกว่า 80,000 แห่งทั่วประเทศ และมีการตั้งคณะกรรมการเกือบ 8,000 คณะ ซึ่งค่าบริหารจัดการโครงการอีกเท่าไหร่ ถึงแม้จะมีการทำเวทีประชาคม แต่เมื่อการรับรู้ของคนในชุมชนไม่ทั่วถึง การมีส่วนร่วมก็ไม่เกิด บางโครงการชาวบ้านไมได้จับเงินเลย จากการจัดซื้อจัดจ้างสิ่งของ เช่น สร้างสนามกีฬา ซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย เหล่านี้ล้วนซ้ำรอยโครงการเดิมๆ ที่สุดสนามก็รกร้าง แบบนี้แก้ปัญหาความยากจนได้ไหม ยั่งยืนตรงไหน คุณภาพของประชาชนจะดีขึ้นอย่างไร” ชุลีพร กล่าว

ตัวแทนจากกลุ่มคนรักหลักประกันฯ เสนอว่า รัฐสามารถนำเอางบประมาณจากโครงการไทยนิยมยั่งยืนเช่นนี้ลงไปในระบบหลักประกันสุขภาพ หรือทำเรื่องบำนาญพื้นฐานถ้วนหน้าให้กับผู้สูงอายุทุกคน ให้พ้นจากเส้นความยากจน หรือส่งเสริมเรื่องการศึกษา ซึ่งหากทำเช่นนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์โดยตรงจากรัฐสวัสดิการ เงินจะถึงประชาชนจริง และเกิดประโยชน์จริง พร้อมหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศ

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.