Posted: 28 Apr 2018 10:44 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
กันธิชา ฉิมศิริ นักธุรกิจ นักแข่งรถ และอดีตมิสซิสยูนิเวิร์สปี 2016 กับบทบาทใหม่ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังคนรุ่นใหม่ หวังผลักดันเศรษฐกิจ สร้างสวรรค์นักช้อปดึงรายได้เข้าประเทศ ไม่เพิ่มความขัดแย้ง พร้อมร่วมงานกับทุกรัฐบาล
สัญญาณการเลือกตั้งที่ (น่า) จะเกิดขึ้นในปีหน้า ทำให้กลุ่มการเมืองหลายกลุ่มแสดงเจตจำนงต้องการก่อตั้งพรรคตามอุดมการณ์ความคิดความเชื่อของตน หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เปิดตัวคือพรรคพลังคนรุ่นใหม่ไทยนำโดยกันธิชา ฉิมศิริ อดีตมิสซิสยูนิเวิร์ส 2016 นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง และยังเป็นนักแข่งรถ วันนี้เธอยังรับบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตนเอง
‘ประชาไท’ มีโอกาสพูดคุยกับ ‘ยุ้ย’ ชื่อเล่นที่กันธิชาใช้เรียกแทนตัวเอง ถึงความเชื่อ ความเป็นมา และแนวคิดที่เธออยากผลักดันให้เกิดขึ้น หากพรรคของเธอมีโอกาสร่วมบริหารประเทศ
1
“ในเรื่องชีวิต ยุ้ยก็ประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็อิ่มตัว อยากกลับมาเมืองไทย กลับมาพัฒนาเมืองไทย แล้วยุ้ยก็พอจะรู้จักกับเพื่อน มีหลายคนที่จะเข้าร่วมทำงานกับพรรค จึงตัดสินใจก่อตั้งพรรค พรรคที่ทุกคนสามารถออกความคิดเห็นได้”
10 วัน คือจำนวนที่กันธิชาใช้เพื่อไตร่ตรองว่าเธอจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ เธอเล่าว่า เพื่อนโทรมาชวนขณะที่เธอกำลังเดินทางไปแข่งรถที่ต่างประเทศ ลังเลในช่วงแรก พอเธอกลับถึงไทยและเพื่อนโทรมาสอบถามอีกครั้ง เธอก็ตัดสินใจก่อตั้งพรรค
กันธิชาเลือกชื่อพรรคพลังคนรุ่นใหม่ไทยเพราะเธอ เพื่อสะท้อนความเป็นไทยแลนด์ 4.0 และเข้ากันได้กับการรวมพลังของคนรุ่นใหม่เช่นพรรคเธอ เธอคิดว่านี่เป็นเวลาที่อายุมากแล้วต้องส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่อย่างเธอแล้ว สมาชิกพรรคขณะนี้เธอวางตัวสมาชิกสำหรับลงเลือกตั้งแบบเขตไว้ครบแล้ว 350 คน และยังมีสมาชิกสำหรับบัญชีรายชื่ออีก 28 คน โดยสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ
2
“จริงๆ แล้ว ยุ้ยก็อยู่เมืองไทยมานาน ยุ้ยคิดว่าคนไทยเป็นคนเก่ง มีความสามารถ แต่ตอนนี้ขาดความสามัคคีและขาดความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจจากต่างประเทศ เพราะเกิดการประท้วงชุมนุมในช่วงที่ผ่านๆ มา ถามว่าผิดหรือไม่ที่จะประท้วง ทุกคนมีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน แต่ยุ้ยมองว่าการที่เราวางตัวให้อยู่ในภาวะปกติจะส่งผลดีต่อส่วนร่วมมากที่สุด หนึ่งคือเรื่องความเชื่อมั่นของต่างประเทศ สองคือใครจะไปจะมาก็รู้สึกปลอดภัย
“ยุ้ยมองว่าตอนนี้ประเทศไทยขาดความเชื่อมั่น ยุ้ยดีใจที่จะเกิดการเลือกตั้งขึ้นในปีหน้า เพราะประเทศไทยล้าหลังกว่าประเทศอื่นเยอะมาก เงินลงทุนจากต่างประเทศตอนนี้ชะลอตัวต่อเพราะขาดความเชื่อมั่น ลำพังเงินของคนไทยอย่างเดียวไม่พอ ถ้ามีเงินลงทุนจากต่างประเทศด้วยก็จะยิ่งโตได้เร็วขึ้น รายได้ประชากรของประเทศไทยตอนนี้เฉลี่ยต่อคนก็ถือว่าต่ำมาก ยุ้ยอยากใช้ความรู้ทั้งหมดที่มีด้านบริหารธุรกิจ นโยบายของพรรคจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพราะถ้าธุรกิจดีจะส่งผลดีต่อสังคมโดยรวม ต่อคนรากหญ้า”
กันธิชาเชื่อว่า หากปีหน้ามีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย สถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น ความมั่นใจของต่างชาติต่อประเทศไทยจะกลับคืนมา เราถามว่าก่อนหน้านี้เคยไปร่วมประท้วงหรือไม่ เธอตอบว่า
“ไม่เคยไปประท้วง เพราะยุ้ยไม่มีหน้าที่หรือผลประโยชน์อะไรเกี่ยวกับการเมืองเลย แล้วยุ้ยคิดว่าต่อให้มีก็คงไม่ไป เพราะเราควรวางตัวที่ส่งผลดีกับประเทศดีกว่า บางครั้งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่รู้มันก่อผลเสียให้แก่ประเทศ”
3
กันธิชากล่าวว่า เธอมีผู้ช่วยเลขานุการทำหน้าที่วางแนวทางการหาเสียงไว้แล้ว โดยเธอจะคอยตรวจดูความเรียบร้อยอีกที สิ่งที่เธอเห็นว่าพรรคของเธอต้องยึดถือคือความสามัคคี ถ้อยทีถ้อยอาศัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเธอก็คิดว่าการเป็นผู้หญิงของเธอน่าจะช่วยรักษาสถานการณ์ ลดความแรง ความไม่ลดราวาศอกของสมาชิกในพรรคได้
“เงินทุนพรรค ยุ้ยใช้ทุนส่วนตัว ในอนาคตอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการหาเสียง รอให้เวลามาถึงก่อน ยุ้ยจะจัดทีมช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งคงจะเป็นส่วนตัวของใครของมัน เป็นอเมริกัน แชร์ เพราะทุกคนที่จะมาอยู่ตรงจุดนี้ต้องทำการบ้านมาก่อนอยู่แล้ว ซึ่งยุ้ยคิดว่าก็เป็นธรรม”
ในส่วนตัวเธอนั้น ตอนนี้ยังคงออกงานเป็นปกติ ซึ่งเธอก็ใช้โอกาสในจุดนี้สร้างการรับรู้และสร้างพันธมิตรไปด้วยในตัว
4
หากได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แนวทางที่กันธิชาต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นมุ่งเน้นไปที่เรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก
“อย่างแรก ยุ้ยจะเสนอให้มีการเชิญต่างชาติจากรอบโลกมาจัดประชุมโดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ประชาสัมพันธ์ทั่วโลกว่าถ้ามีนักลงทุนที่ไม่ใช่คนไทยมาลงทุนในไทย 150 ล้านขึ้นไป เราจะให้วีซ่า 3 ปี และอาจจะให้ไปถึงครอบครัวด้วย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยดีขึ้น เกิดการกระจายรายได้ ประเทศไทยมีแต่ได้กับได้ รัฐอาจจะตั้งโครงการจิตอาสาขึ้น หมายถึงเวลาที่รัฐจัดกิจกรรม คนที่มาช่วย ยุ้ยจะให้ลงชื่อเพื่อลดภาษีรายได้ร้อยละ 5 เป็นการตอบแทนประชาชนที่มาช่วยงานรัฐบาล
“เรื่องต่อมา ตอนนี้คนไทยชอบไปช้อปปิ้งต่างประเทศ คนมีเงินพยายามจะหาที่ซื้อของที่ถูกที่สุด คนไทยเดินทางไปช้อปปิ้งฮ่องกง ไปซื้อของแบรนด์เนม ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้ เราต้องมองแบบที่คนรวยคิดด้วยว่าทำไมถึงบินไป เพราะมันถูกกว่า ไม่มีภาษี ถามว่าเราจะทำอย่างไรให้เขาบินมาเมืองไทยบ้าง ยุ้ยจะจัดให้ห้างใหญ่ๆ เป็นพื้นที่ฟรีภาษี และกระจายไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ตามภาคต่างๆ เพื่อดึงรายได้จากนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้าคนไทยก็จะขายของได้มากขึ้น เงินทองจะหมุนเวียนในประเทศ”
นอกจากนี้ กันธิชายังจะสนับสนุนให้สาวประเภทสองสามารถเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมเกย์ เฟสติวัล เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศ รวมถึงการออกกฎเกณฑ์ให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ต้องมีพื้นที่สำหรับคนพิการโดยเฉพาะ เธออเชื่อว่าแนวทางที่เธอคิดนี้จะสามารถช่วยเหลือคนได้ทุกเพศ ทุกวัย
5
เมื่อถามถึงความขัดแย้งทางการเมืองกว่าทศวรรษ กันธิชาแสดงทัศนะว่า ยังมีทางออก แต่ต้องอาศัยการประนีประนอม การเจรจาพูดคุยเพื่อไม่ให้สถานการณเลวร้ายไปกว่านี้
ในส่วนที่ว่าหากได้นายกรัฐมนตรีคนนอก เธอจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่
“พรรคยุ้ยเป็นพรรคเล็กๆ จุดประสงค์ของยุ้ยไม่ได้ต่อต้านว่าใครจะมาเป็นผู้นำ ยุ้ยถือว่าหลังจากเลือกตั้งแล้ว คุณคือคนที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นั้น ยุ้ยไม่ได้เข้ามาเพื่อขัดแย้ง แต่ยุ้ยมีจุดประสงค์เดียวคือการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้า ยุ้ยต้องร่วมงานและสนับสนุนผู้ที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ ได้ ถึงวินาทีนั้นแล้วคนคนนั้นคือคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะถ้าไม่ใช่คนที่เหมาะสมเขาจะยืนอยู่จุดนั้นไม่ได้” เธอกล่าวตอบ
แสดงความคิดเห็น