ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร

เตขว้าง!!..เตขว้าง!!.. "ต้องรื้อ! บ้านพักตุลาการลงจากดอยสุเทพ"

ชาวเชียงใหม่ชุมนุมใหญ่ทวงคืนป่าดอยสุเทพ ตะโกนรื้อบ้านพักตุลาการเสียงกึกก้อง.. เตขว้าง!!..เตขว้าง!!..

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 29 เมษายน 2561 ที่ลานประตูท่าแพ อ.เมือง เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นำโดย นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ขึ้นเวทีที่มีป้ายผ้าสีขาวข้อความสีเขียวเขียนว่า "ปกฮีต ป้องดอย สืบเจตนา ๗๒๒ ปี๋ บรรพชน" พร้อมโลโก้มือกำริบบิ้นสีเขียวกลางภูเขา และต้นไม้ สัญลักษณ์ของการชุมนุม เพื่อปกป้องผืนป่าดอยสุเทพ เพื่อกล่าวต้อนรับนักปั่นจักรยาน จำนวน 500 คน ที่มารวมตัวกันปั่นไปรอบคูเมืองเชียงใหม่ เพื่อเชิญชวนประชาชนและผู้ที่สนใจออกมาร่วมการชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่ในการทวงคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ

คลิปเต็ม.. Credit: https://www.youtube.com/watch?v=SHbEYM0bZic

บรรยากาศบนลานประตูท่าแพค่อนข้างคึกคักมาก เพราะมีทั้งศิลปินที่นำผลงานศิลปะออกมาจัดแสดงทั้ง แผนที่ของการก่อสร้างบ้านพักตุลาการ ภาพวาด การสวมชุดสีเขียวอุ้มกระถางต้นไม้ แบกกงเต็กป่าแหว่ง ถือป้ายข้อความ "ลงมาเต๊อะ Cut Down the forest" เดินไปรอบๆพื้นที่ การแจกริบบิ้นและผ้าสีเขียวเพื่อผูกที่แขน โพกศีรษะ การแจกอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีประชาชนจาก 47 องค์กรเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ และประชาชนจากภาคส่วนอื่นๆ ทยอยกันเดินทางมารอกิจกรรมที่จะเริ่มขึ้นพร้อมกันในเวลา 08.00 น. ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งใน และนอกเครื่องแบบกว่า 300 นาย

ต่อมาแกนนำสำคัญ อาทิ นายชัชวาล ทองดีเลิศ นายบัณรส บัวคลี่ น.ส.ลักขณา ศรีหงส์ ผศ.วิลักษณ์ ศรีป่าซาง นายวิชัย กอสงวนมิตร นางพิมพ์สุชา สมมิตรวศุรฒ์ ร่วมทั้ง นายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำปิง เริ่มทยอยมาถึงลานประตูท่าแพ ซึ่งบนเวทีเริ่มมีการปราศรัยถึงเหตุผลของการออกมาทวงคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ อ่านแถลงการณ์ขององค์กรเครือข่ายกลุ่มต่างๆที่เพิ่มขึ้นจาก 16 เป็น 47 องค์กร โดยมีการประกาศยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองกลุ่มใด แต่ออกมาเคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์ใจที่จะให้รื้อบ้านพักตุลาการออกไป พร้อมปลุกใจด้วยคำว่า "ไม่เอาป่าแหว่ง" เป็นระยะ

ต่อมาเวลา 08.26 น. นายธีระศักดิ์ ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ฉบับที่ 1 เรื่อง ต้องคืนผืนป่าดอยสุเทพเท่านั้น ต่อหน้าประชาชนที่มาร่วมตัวกันกว่า 2,000 คน ใจความว่า ดอยสุเทพ เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ชัยมงคลสำคัญของเมืองเชียงใหม่ล้านนา ต่อเนื่องมาถึง 722 ปี เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยพญามังรายมหาราชเจ้า กษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งขององค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง มีพิธีกรรมสักการบูชา สืบเนื่องต่อกันมา ดังนั้น พื้นที่ดอยสุเทพจึงเป็นสมบัติอันสูงค่าร่วมกันของชาวเมือง ขนบจารีตที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี จากบรรพชน คนเชียงใหม่รุ่นสู่รุ่น จากปู่ทวดย่ายาย สู่ลูกหลานเหลน ความผูกพันดังกล่าวจึงลึกซึ้ง มีศักดิ์และสิทธิ์เหนือกว่ากฎหมายใดๆ ที่เกิดขึ้นในชั้นหลัง

"ประชาชนคนเชียงใหม่ จึงผูกพันกับดอยสุเทพ.. ตื่นมาก็เห็น กลับถึงบ้านก็เห็น เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเชียงใหม่ ตลอดถึงชาวไทยทั้งปวง จึงมีสิทธิ์อย่างเต็มเปี่ยม ที่จะปกปัก ดูแลรักษา มิให้ดอยสุเทพ รวมถึงอาณาเขตป่าที่ประกอบขึ้นเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ถูกกระทำย่ำยี บีฑา ละเมิดทำลาย"

"โครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ "หมู่บ้านป่าแหว่ง" แม้จะอ้างว่าก่อสร้างในพื้นที่ราชพัสดุ แต่แท้จริงแล้วก็คือเขตป่าดอยสุเทพที่ต่อเนื่องเป็นผืนเดียว มีการถางทำลาย เปิดหน้าดิน ก่อความอัปลักษณ์ อุจาดนัยน์ตา ก่อให้เกิดอัปมงคลใหญ่ ระดับ "ขึดหลวง" ล่วงละเมิดสิทธิ์ของประชาชนชาวเมือง ละเมิดระบบนิเวศวัฒนธรรม อันเป็นสมบัติอันล้ำค่า ไม่มีแม้แต่ไต่ถาม ขอความเห็นใดๆ นับตั้งแต่เริ่มโครงการ จนใกล้แล้วเสร็จ เจตจำนงเรา ต้องการสิ่งเดียวเท่านั้น คือให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอุจาดอัปมงคล และคืนพื้นที่ป่าให้ป่ากลับเป็นป่า ให้ดอยยังเป็นดอย!"

"เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องตัดสินใจเร่งแก้ไขโดยด่วนทันที ให้มีการประกาศคำมั่นสัญญาจะคืนผืนป่าดอยสุเทพกลับคืน เครือข่ายประชาชนขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ และพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าในที่นี้ ขอประกาศยืนยันเจตนาอันแน่วแน่ที่จะดูแลรักษาป้องกันมิให้ผู้ใดมาทำลายดอยสุเทพ ที่อันเป็นมิ่งขวัญและหลักชัยทางจิตวิญญาณของชาวเมืองสืบกันมาแต่ครั้งโบราณกาล ให้ยืนยงสืบไป เพราะนี่เป็นสิทธิอันชอบธรรมของพวกเรา"

"เราขอประกาศว่า พวกเราจะยืนหยัดสู้ เพื่อรักษาเจตนานี้ โดยไม่ท้อถอย เราต้องการป่าดอยสุเทพที่สมบูรณ์ ไม่ต้องการป่าแหว่ง คืนป่าให้ดอยสุเทพ คืนป่าให้กับประชาชน เอาป่าดอยสุเทพคืนมา เอาป่าแหว่งคืนไป!" จากนั้นแกนนำได้กล่าวนำว่า "พี่น้อง..รื้อไม่รื้อ..รื้อไม่รื้อ..รื้อไม่รื้อ.." โดยผู้ชุมนุมต่างตะโกนก้องว่ารื้อ รื้อ รื้อ เสียงดังลั่น ท่ามกลางเสียงกลองสะบัดชัยก็ดังขึ้นอย่างกึกก้อง

หลังจากนั้นริ้วขบวน "ไหว้สาทวงป่าดอยสุเทพ" แบบล้านนา ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากประตูท่าแพ โดยขบวนกังสดาล เพื่อบอกกล่าวต่อเทพเทวา อารักษ์บ้านอารักษ์เมืองที่ดูแลรักษาบ้านเมืองเชียงใหม่ ป้ายข้อความ "ต้องรื้อ! บ้านพักตุลาการลงจากดอยสุเทพ" ตามด้วยคณะสงฆ์ที่แถลงขอบิณฑบาตขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ขบวนผู้อาวุโสที่ต่อสู้เพื่อดอยสุเทพมายาวนานกว่า 30-40 ปี ถือเครื่องสักการะ และริ้วธงเขียว กลองมองเซิง กลองสะบัดชัย ริ้วขบวนกลุ่มเครือข่าย 47 องค์กร ซึ่งทั้งสวมเสื้อสีเขียว สีขาวมีข้อความคัดค้านการก่อสร้างบ้านพักตุลาการในแบบต่างๆ และสองข้างทางก็มีจะขบวนธงริบบิ้น และผ้าสีเขียวขนาดใหญ่ 4 ผืน ความยาวกว่า 300 เมตร เดินคู่กันไปอย่างสงบงาม มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ในเวลา 09.15 น. เพื่อนำเครื่องสักการะและคำปฏิญาณที่จะร่วมกันดูแลรักษาป่าดอยสุเทพแห่งนี้ซึ่งเป็นที่เคารพและศรัทธาของเราเอาไว้ให้ได้ เอาไว้ให้ลูกหลานเป็นประวัติศาสตร์

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดสองข้างทางมีประชาชนออกมาตั้งโต๊ะบริจาคน้ำดื่ม ชูป้ายข้อความขอสนับสนุน และเป็นแรงใจในการเคลื่อนไหวอย่างเต็มกำลัง และมีประชาชนชาวเชียงใหม่ที่ไม่ได้สังกัดกลุ่มองค์กรใดทยอยออกจากบ้านเดินเข้าร่วมริ้วขบวนเพิ่มขึ้นอีก จนทำให้แถวของขบวนยาวจากหัวถนนจรดท้ายถนนราชดำเนิน ก่อนเลี้ยวเข้าไปอยู่เต็มลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ไม่ต่ำกว่า 5,000 คน

ทั้งนี้ ก่อนการถวายเครื่องสักการะต่อบูรพกษัตริย์ "ครูแอ๊ด" ภาณุทัต อภิชนาธง ศิลปินล้านนา ได้กล่าวโองการสาปแช่ง พร้อมวิงวอนเทพเทวา ผีอารักษ์ที่ปกปักษ์รักษาเมืองให้ออกมาช่วยเหลือและรักษาผืนป่าดอยสุเทพให้คงอยู่ต่อไป

หลังจากนั้น นายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำปิง ได้ขึ้นกล่าวบทภาวนา ธรรมชาติบูชา ฮักษาป่าดอยสุเทพ ใจความว่า การอนุรักษ์ป่าดอยสุเทพของเราในครั้งนี้ เรากระทำด้วยความสงบ อย่างมีสติ เพื่อสันติสุขในใจ เพื่อระลึกรู้บุญคุณ ของผืนดิน ป่าไม้และสายน้ำจากดอยสุเทพ ที่ช่วยหล่อเลี่ยงและเกื้อกูลชีวิตของเรา เราจะเปิดใจรับรู้ทุกข์สุขของสรรพชีวิต ด้วยความอ่อนโยน และน้อบน้อมต่อธรรมชาติ จากนี้ไปเบื้องหน้า ขอให้สรรพชีวิตจงเป็นสุข ปลอดพ้นจากภัยทั้งปวง ขอให้ทุกชีวิต เอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างบรรสานสอดคล้อง ด้วยเมตตาต่อกัน ขอให้บุญกุศล ที่เราพร้อมใจกันบำเพ็ญเพียรในวันนี้ จงเป็นพลวะปัจจัย ให้สันติสุขบังเกิดขึ้น ณ ดอยสุเทพ สายน้ำแม่ปิง และเมืองเชียงใหม่ ขอความบริสุทธิ์สดใส จงกลับคืนสู่ธรรมชาติดอยสุเทพอย่างยั่งยืนยาวนาตลอดไป แล้วทุกคนต่างเปล่งเสียง สาธุ โดยพร้อมเพรียงกัน

สุดท้าย นายธีระศักดิ์ แกนนำได้กล่าวนำว่า ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอป่าวประกาศ ปฏิญานตน ต่อองค์สามกษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ โดยมีพญามังรายเป็นเก๊า แลพระธาตุเจ้าดอยสุเทพ พระครูบาศรีวิชัยและอารักษ์ผู้ปกปักษ์ฮักษาเชียงใหม่ทุกตนทุกองค์ อันเป็นที่เคารพศรัทธาของคนเจียงใหม่และคนทั้งหลาย ว่าข้าพเจ้าจะร่วมกัน ปกป้อง คุ้มครอง ดูแลรักษาเมืองเชียงใหม่ และดอยสุเทพอันเป็นสะหลีของเวียงพิงค์ เชียงใหม่หื้อคงอยู่งดงามสมบูรณ์ บ่หื้อไผ๋กระทำอันเป็นเหตุหื้อเสียหาย หื้อตกขึด อันเป็นอัปมงคล แก่บ้าน แก่เมือง และข้าพเจ้าทั้งหลาย จะฮักษา ดอยสุเทพแห่งนี้ไว้ หื้อเป็นสะหลีแก่เมืองเจียงใหม่เป็นขุนน้ำ แดนดอย เป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ เป็นลมหายใจ๋ ของเมืองเจียงใหม่ตลอดไปชั่วลูก ชั่วหลาน สิ้นกาลนานเทอญ

หลังจากนั้น นายธีระศักดิ์ ได้กล่าวว่า เราจะให้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีรีบตัดสินใจไม่อย่างนั้นจะคาราคาซัง และให้คำตอบคนเชียงใหม่โดยเร็ว เรารออยู่ ขอวิงวอน และขอร้อง ท่านเห็นแล้วว่าคนเชียงใหม่ออกมาเต็มเมือง และจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ เราก็ไม่อยากให้ปัญหาเรื้อรัง ภาพประชาชนวันนี้ผมหายเหนื่อยเลยที่รู้ว่าคนเชียงใหม่และคนที่มาจากทั่วประเทศออกมาร่วมกับเรา เพราะแนวทางที่เราทำสู้เพื่อขอทวงคืนผืนป่าเราทำถูกต้องแล้ว รู้สึกชื่นใจมา ถ้าคนเชียงใหม่ออกมาอย่างนี้เราก็ใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว รับรองไม่มีแพ้ เวลา 1 สัปดาห์ไม่น้อยเลย ถ้าจะตั้งคณะกรรมการอะไรก็ให้กำหนดแน่ชัด เพราะคนเชียงใหม่ไม่รอ ขอเถอะครับ เป็นนายกฯ ท่านต้องรีบตัดสินใจจะว่าอย่างไรก็ว่ามา ปัญหานี้จะลุกลามไป ขอให้รีบ

ในขณะที่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ที่ออกมาร่วมเดินขบวนด้วยในวันนี้กว่า 100 คน ให้เหตุผลว่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรเกิดขึ้น ทำอย่างนี้เหมือนลบหลู่คนเชียงใหม่ทั้งหมด จึงสมควรเตทิ้ง หรือรื้อทิ้งไปให้หมด

ส่วนยายนวล กล่าวว่า ตนเป็นคนเชียงใหม่แท้ๆ อยู่มาตั้งแต่เกิดแล้ว ปัจจุบันเป็นศรัทธาวัดพระธาตุดอยสุเทพ เห็นภาพแล้วไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ มาสร้างแบบนี้ไม่ได้ ต้องการให้รื้ออย่างเดียวเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ข้อสังเกตในวันนี้มีความน่าสนใจมาก เพราะพบภาพกลุ่มประชาชนที่เคยมีความคิดแตกต่างทางการเมือง ต่างพากันออกมาร่วมกิจกรรมแบบไม่มีสี ไม่มีสังกัด จับมือทักทาย และยิ้มแย้มให้กันด้วยจุดมุ่งหมายเดียวคือ ทวงคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพกลับคืนมา ซึ่งภายหลังพิธีกรรมต่างๆ จบสิ้นลงด้วยฟ้อนล้านนาแล้ว ทุกคนที่มาชุมนุมต่างพากันแยกย้ายกลับไปอย่างสงบด้วยคำสัญญาว่าพร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวหากยังไม่ได้พื้นที่ป่าดอยสุเทพกลับคืน.

ที่มา: https://www.matichon.co.th/news/934608


[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.