จีนให้สัตยาบันความตกลงปารีสสู้โลกร้อน ก่อนตามด้วยสหรัฐฯ
สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่าผู้แทนรัฐบาลจีนได้ให้สัตยาบันต่อความตกลงปารีส ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อผลักดันการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก วันนี้ (3 ก.ย.) โดยจีนจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศในแต่ละปี อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยจีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซดังกล่าวมากเป็นอันดับ 1 ของโลก
รายงานข่าวระบุว่านายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศผู้นำเศรษฐกิจโลก (จี20) ที่เมืองหางโจวของจีนวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย.) จะประกาศอย่างเป็นทางการเช่นกันว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะให้สัตยาบันต่อความตกลงปารีสในฐานะที่สหรัฐฯ เป็นประเทศผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน
ทั้งนี้ ความตกลงปารีสเป็นตราสารกฎหมายที่รับรองภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (UNFCCC) ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติในการประชุมที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสปีที่แล้ว จะนำไปสู่การกำหนดกฎกติการะหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก โดยมีเป้าหมายหลักว่าจะต้องควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม ซึ่งการดำเนินการตามเป้าหมายนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกได้
ความตกลงปารีสจะมีผลบังคับใช้เมื่อสมาชิกสหประชาชาติอย่างน้อย 55 ประเทศให้สัตยาบันรับรอง และกลุ่มประเทศดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนรวมกันถึง 55% ของปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมาในแต่ละปีทั่วโลก ซึ่งรัฐบาล 23 ประเทศที่ให้สัตยาบันไปก่อนหน้าจีนและสหรัฐฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนรวมกันแล้วคิดเป็นเพียง 1% ของก๊าซที่ปล่อยออกมาทั่วโลกเท่านั้น ขณะที่จีนและสหรัฐฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนรวมกันคิดเป็น 44% ของปริมาณก๊าซทั่วโลก

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.