ภรรยา “สมบัด สมพอน” เรียกร้องผู้นำโลกสอบถามชะตากรรมสามีในที่ประชุมอาเซียนซัมมิทสัปดาห์หน้า
นางเอ็ง ชุ่ยเหม็ง ภรรยาของนายสมบัด สมพอน นักสิทธิและพัฒนาสังคมชาวลาวซึ่งหายตัวไปเป็นเวลาเกือบ 4 ปี อ่านแถลงการณ์ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) วานนี้ เรียกร้องให้บรรดาผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกา และนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ช่วยสอบถามความคืบหน้าในกรณีการหายสาบสูญของนายสมบัด ในการประชุมที่จะมีขึ้นที่นครเวียงจันทน์ ระหว่างวันที่ 6-9 ก.ย.ที่จะถึงนี้
นางเอ็ง ชุ่ยเหม็ง ระบุว่าตนไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งการไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ หรือรายงานการสืบสวนสอบสวนใดๆ ทำให้ตนมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และมีความยุ่งยากในการได้รับความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผู้จับกุมตัวนายสมบัดต้องการ คือ "ให้กาลเวลาช่วยลบภาพความทรงจำของสมบัด"
นางเอ็ง ชุ่ยเหม็ง บอกว่ากรณีของนายสมบัด ไม่ใช่เหยื่อการบังคับสูญหายรายแรกของลาว เพราะองค์การสหประชาชาติได้รับคำร้องเรื่องการบังคับสูญหายในลาวถึง 8 กรณี และยังมีอีกหลายกรณีที่ไม่มีการเปิดเผย เนื่องจากทางการลาวมีการควบคุมการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่ออย่างแน่นหนา และการแสดงความคิดเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับรัฐบาลเป็นเรื่องอ่อนไหวในสังคมลาว
ด้านนายโลรองต์ เมลลอง รักษาการผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ สังเกตได้ถึงการเพิ่มขึ้นของการละเมิดและคุกคามนักกิจกรรมทางสังคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออกด้วย และผลคือประชาชนจำนวนมากเลือกที่จะเซนเซอร์ตัวเองเพราะกลัวที่จะถูกลงโทษ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าห่วงกังวลอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่มีพื้นที่ให้กับภาคประชาสังคมและประชาธิปไตยอย่างจำกัด และจากที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ได้ร่วมมือกับรัฐบาลลาวเพื่อเพิ่มศักยภาพในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมานั้น เห็นได้ว่ามีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย
คดีนี้ นายสมบัดถูกลักพาตัวในกรุงเวียงจันทน์ในช่วงเย็นของวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555 โดยกล้องวงจรปิดแสดงภาพที่มีตำรวจเรียกเขาลงมาจากรถและนำเขาขึ้นรถกระบะไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลลาวได้ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเขา ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนจำนวนมากตั้งข้อสังเกตว่า นายสมบัดหายตัวไปหลังจากที่เป็นผู้ประสานงานหลักให้เกิดการประชุมภาคประชาชนเอเชีย-ยุโรปครั้งที่ 9 ที่กรุงเวียงจันทน์เมื่อ 4 ปีก่อน และในงานนั้นเขาพูดถึงความล้มเหลวของการพัฒนาที่ไม่สมดุล

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.