คิวบาประกาศไว้อาลัยในประเทศ 9 วัน หลัง 'ฟิเดล คาสโตร' เสียชีวิต

Posted: 26 Nov 2016 06:53 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

หลังจาก ฟิเดล คาสโตร นักปฏิวัติผู้ต่อกรกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ มาโดยตลอดเสียชีวิตลงด้วยอายุ 90 ปี ทางการคิวบาก็ประกาศให้มีการไว้อาลัยในประเทศ 9 วัน และจะมีการฝังอัฐิไว้กับวีรบุรุษอีกคนหนึ่งของคิวบา ท่ามกลางความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับนักการเมืองคิวบาผู้นี้ เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้บอกว่าคาสโตรเป็น "จอมเผด็จการที่โหดเหี้ยม" และ "ผู้ปฏิเสธสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน"

สื่อ Telesur ซึ่งเป็นสื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลละตินอเมริกาหลายประเทศรวมถึงคิวบาและเวเนซุเอลารายงานว่ารัฐบาลคิวบาประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.) ว่าจะมีการฝังอัฐิของฟิเดล ดาสโตร อดีตผู้นำคนสำคัญของคิวบา ผู้เสียชีวิตด้วยอายุ 90 ปี ข้างโฮเซ มาร์ติ นักเขียนวรรณกรรมและวีรบุรุษผู้กอบกู้เอกราชคิวบา รวมถึงมีพิธีแสดงการรำลึกในวันที่ 28-29 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ณ อนุสรณ์สถานโฮเซ มาร์ติ

รัฐบาลคิวบายังประกาศอีกว่าการจัดพิธีรำลึกในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมไว้อาลัยระดับประเทศเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งในช่วงไว้อาลัยนี้จะมีการงดหรือเลื่อนกิจกรรมหรืองานสาธารณะอื่นๆ และจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งเสียของคาสโตรที่ต้องการให้ฌาปนกิจร่างของเขาจากนั้นจึงนำอัฐิไปฝังไว้ที่สุสานซานตา อิฟิเจเนีย ที่เดียวกับที่ฝังวีรบุรุษ โฮเซ มาร์ติ

สื่อเดอะการ์เดียนระบุว่าฟิเดล คาสโตร เป็นหนึ่งในผู้นำที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกและเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงไปในหลายทาง ส่วนหนึ่งก็ยกย่องว่าคาสโตรเป็นหนึ่งในผู้นำที่ต่อสู้กับอำนาจของสหรัฐฯ เขาเป็นผู้นำคิวบามาตลอด 5 ทศวรรษหลังจากที่ในปี 2502 เขาโค่นล้ม นายพล ฟุลเคนเซียว บาติสตา ผู้นำเผด็จการที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังในยุคนั้น เขาเป็นผู้นำคิวบาจนกระทั่งถึงปี 2549 เขาก็ให้น้องชายของเขา ราอูล คาสโตร ซึ่งในตอนนั้นเป็นรองประธานาธิบดีขึ้นมาเป็นผู้นำแทน เนื่องจากเขาปวยหนักจนต้องรับการผ่าตัดและหลังจากนั้นก็พักรักษาตัวมาโดยตลอดจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา

เดอะการ์เดียนระบุต่อไปวาจากอายุและปัญหาสุขภาพทำให้มีคนมองว่าจะมีการประกาศการเสียชีวิตของคาสโตรก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่หลายคนก็มองว่าการสูญเสียหนึ่งในผู้นำหัวหอกของประเทศกำลังพัฒนาถือเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ

แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าคาสโตรเป็น "จอมเผด็จการ" จำกัดเสรีภาพส่วนบุคคล ลงโทษฝ่ายต่อต้านรวมถึงผู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต รวมถึงสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคล (cult of personality)

ถึงแม้คาสโตรในฐานะผู้นำคิวบาจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐฯ มานาน แต่ในยุคสมัยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยมีการพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบาเมื่อ 2 ปีก่อน โดยที่โอบามาในเยือนและพบปะกับราอูล คาสโตร หลังการเสียชีวิตของคาสโตรผู้พี่ โอบามาก็ส่งสารแสดงความเสียใจร่วมกันกับประชาชนชาวคิวบา และบอกว่า "ประวัติศาสตร์จะจารึกและตัดสินเองว่าผู้นำคนหนึ่งจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไนกับประชาชนและโลกรอบตัวเขา"

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะไม่พยายามรักษาสัมพันธ์กับคิวบาเอาไว้ ทรัมป์พูดถึงกรณีการเสียชีวิตโดยเรียกคาสโตรว่าเป็น "เผด็จการที่โหดเหี้ยม" ที่กดขี่ผู้คนมาเป็นเวลาเกือบ 6 ทศวรรษ ทรัมป์กล่าวว่า "มรดกของฟิเดล คาสโตร คืออะไรแบบเดียวกับเพชรฆาตลานประหาร, โจร, ความทุกข์ทรมานอย่างไม่อาจจินตนาการได้, ความยากจน และการปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน"

"ในขณะที่คิวบายังคงเป็นเกาะเผด็จการเบ็ดเสร็จ ผมมีความหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นการย้ายออกจากความน่าสะพรึงที่ชาวคิวบาอดทนกันมายาวนาน ไปสู่อนาคตที่แสนวิเศษสำหรับประชาชนชาวคิวบาที่ผู้คนสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยอิสรภาพที่พวกเขาสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับ" ทรัมป์กล่าว


เรียบเรียงจาก

Cuba Declares 9 Days of Public Mourning to Honor Fidel Castro, Telesur, 26-11-2016
http://www.telesurtv.net/english/news/Cuba-Declares-9-Days-of-Public-Mourning-to-Honor-Fidel-Castro-20161126-0008.html

Cuba’s revolutionary leader, Fidel Castro, dies aged 90, The Guardian, 26-11-2016
https://www.theguardian.com/world/2016/nov/26/fidel-castro-cuba-revolutionary-icon-dies

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.