แฟ้มภาพ

เผย จนท. ยังคุมตัว นศ.ย่านรามคำแหงไปสอบสวนอย่างต่อเนื่อง

Posted: 26 Nov 2016 12:11 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ศูนย์ประสานงานผู้ได้รับผลกระทบกรณีปิดล้อมรามคำแหง เผยยังคงมีการดำเนินคุมตัว นศ.-ศิษย์เก่ารามคำแหง อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมามีการคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.หัวหมากอีก 9 คน

26 พ.ย. 2559 มติชนออนไลน์ รายงานว่าจากกรณีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องเเบบบุกตรวจค้นนักศึกษาย่านบางกะปิ ความคืบหน้า ศูนย์ประสานงานผู้ได้รับผลกระทบกรณีปิดล้อมรามคำแหง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบ ประมาณ 20 กว่านาย บุกตรวจค้นตึกฉิมหิรัญ ซอยรามแหง 61 และรามคำแหง 53 ซอยตาหวาน 2 จำนวนสองห้อง โดยที่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับเจ้าของห้องว่ามีมาตามหมายค้น โดยไม่ได้มีการระบุบุคคลหรือเลขที่ห้องแต่อย่างใด ทั้งนี้มีการคุมตัวทั้งหมด 9 คน ไปสอบปากคำ ณ สน.หัวหมาก เพื่อซักถามประวัติ ทั้ง 9 คน ซึ่งเป็น นักศึกษารามฯ จำนวน 6 คน และจบการศึกษาแล้วจำนวน 3 คน ก่อนจะได้มีการปล่อยตัวออกมา

จากการซักประวัติของเจ้าหน้าที่ได้มีการถามถึงจำนวนสมาชิกในครอบครัวมีกี่คนชื่ออะไรบ้าง ประวัติตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบันได้ศึกษาที่ไหนและเคยทำกิจกรรมอะไรบ้าง และเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ให้เซ็นเอกสารดังนี้

1. เซ็นยินยอมริบทรัพย์เพื่อการตรวจสอบ (โทรศัพท์และบัตรประจำตัวประชาชน) 2.เซ็นยินยอมต่อการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกกองสื่บสวน ครั้งที่สองกองปราบปราม 3.พิมท์หลายนิ้วมือ10 นิ้ว ฝามือ และเซ็นรับรองลายนิ้วมือตนเอง 4.เซ็นยินยอม (ฉบับนี้ผู้ถูกคุมตัวจำไม่ได้ว่าเนื้อหาอะไร) และพร้อมถ่ายรูป ถือป้ายชื่อและเลขบัตรประจำตัว 5.เซ็นยินยอมตรวจ DNA (น้ำไหลที่แก้มในปาก)

อนึ่งมีจำนวน 1 คน ที่ถูกคุมตัวที่รามคำแหง 53 ซอยตาหวาน 2 รายละเอียดไม่ทราบว่ามีการซักถามในเรื่องใดบ้าง ซึ่งสรุปในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 ถูกจับกุมทั้งหมดจำนวน 10 คน และทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวแล้ว

ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวมีมาแล้วหลายครั้ง นับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยฝ่ายความมั่นคงอ้างว่าเพื่อเป็นการทำลายแผนการก่อวินาศกรรมตามนโยบายของรัฐบาลในการเฝ้าระวังภัยด้านความมั่นคง


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.