นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ไม่กังวลต่อการตอบโต้ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายที่มอบบทสวดบังสุกุลให้

นายเรืองไกร มองว่า จากข้อมูลที่มีคนที่ควรได้รับบทสวดบังสุกุลควรเป็นนายวิษณุ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า นอกจาก บัญชีทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมาตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจะไม่สอดคล้องกับการเสียภาษีแล้ว ยังพบความน่าสงสัยว่าหลังการรัฐประหารปี 2549 ถึงช่วงปี 2550 เหตุใดนายวิษณุจึงมีเงินเพิ่มขึ้นถึงกว่า 13 ล้านบาท โดยเฉพาะเงินฝากในธนาคารช่วงเดือน มิถุนายน 2549 ถึงเดือนมิถุนายน 2550 มีเงินเพิ่มขึ้น กว่า 5 ล้านบาท

จึงมีข้อสงสัยว่านายวิษณุไปประกอบอาชีพหรือรับงานประเภทใดจึงมีเงินเพิ่มมากขึ้นกว่า 13 ล้านบาท ซึ่งตลอดปี 2549 ถึงปี 2550 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีหลังสุด ที่มีค่าเฉลี่ยประมาณ 9.7 ล้านบาท ซึ่งนายเรืองไกรจะนำประเด็นดังกล่าวและข้อมูลทั้งหมดไปมอบให้กรมสรรพากรเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบนายวิษณุต่อไป

นายเรืองไกร ระบุด้วยว่า ประเด็นการส่งลูกเรียนของนายวิษณุยังมีความน่าสงสัยในหลายประการ ซึ่งจากการชี้แจงของรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ยังไม่ได้ตอบคำถามที่นายเรืองไกรถามว่า นายวิษณุใช้เงินส่วนใดในการส่งลูกเรียนระดับปริญญาโทและปริญญาเอก มีเงินเข้าออกบัญชีถูกต้องหรือไม่ และเมื่อมีเงินเข้าออกบัญชี แปลความได้ว่านายวิษณุมีรายได้ และได้นำรายได้ไปประเมินเพื่อเรียกเก็บภาษีถูกต้องหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังอาจเชื่อมโยงไปถึงพฤติการณ์ที่ว่าอาจมีการกระทำ ที่ส่อขัดต่อกฎหมายพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. มาตรา 103 ซึ่งประเด็นดังกล่าว นายเรืองไกร จะดำเนินการหลังจากที่ตรวจสอบและยื่นประเด็นความไม่สัมพันธ์ของเงินได้และการเสียภาษีของนายวิษณุแล้วเสร็จ

คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทยยัง ตั้งคำถาม ไปยังกรมสรรพากรและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินด้วยว่า การตรวจสอบนักการเมืองจำนวน 60 คน มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เหตุใดเรื่องดังกล่าวจึงเงียบหายไป ผู้มีอำนาจในปัจจุบันกลัวการตรวจสอบย้อนกลับของนายเรืองไกรหรือไม่ จึงมีผลให้หน่วยงานอย่าง กรมสรรพากรและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่ดูขึงขังในช่วงต้นกับการตรวจสอบ 60 นักการเมือง จึงดูเสมือนจะเงียบหายไป

source :- https://goo.gl/VWYFaw

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.