กลายเป็นกระเเสวิพากวิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับการออกกฎหมายต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลสงกราน เกี่ยวการใช้รถกระบะในการขับขี่สัญจรต่างๆ โดยใช้ ม.44 ในการบังคับในครั้งนี้ ซึ่งกฎหมายที่บางคนอาจมองว่าถูกต้องเเละควรเป็นเช่นนั้น เเต่ถ้ามองกลับมาในด้านการใช้ชีวิตของประชาชนบางกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เเละทำจริงๆเเต่ก็ต้องถูกสั่งห้ามเพราะกฎหมายไม่ให้ทำเช่นนั้น กฎหมายนั้นคือ สั่งห้ามนั่งท้ายกระบะ เด็ดขาด โดยทางด้าน คสช. ได้ออกมาบอกว่า ท้ายกระบะนั้นเป็นที่บรรทุกสิ่งของเพียงอย่างเดียวไม่ให้มีผู้ใดนั่งตรงนั้นเพื่อเป็นการเดินทางโดยเด็ดขาด เเละที่นั่งข้างในรถนั้นต้องเป็นที่นั่งที่มีที่คาดเข็มขัดเท่านั้นไม่ให้มีผู้ใดไปนั้งเบียดเสียดกันเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ เเล้วเเบบนี้ชาวบ้านที่มีอาชีพที่ต้องใช้รถกระบะในการบนนทุกเเรงงานละจะไม่ลำบากหรอ?


โดยทางด้าน พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ได้ออกมาชี้เเจงถึงข้อกฎหมายที่ว่า ห้ามนั่งท้ายกระบะ เด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่า 1. กระบะด้านหลังไม่มีที่นั่งอยู่เเล้ว 2. ไม่มีที่คาดเข็มขัดนิรภัย เเละให้มองย้อนในการเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาเเละเมื่อมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นละใครจะรับผิดชอบ เเละยังได้โยงไปถึงการเดินทางด้วยเเท็คซี่นั้นในรถต้องมีผู้ด้วยสารไม่เกิน 4 คนเพราะที่นั่งในรถนั้นต้องนั่งตรงที่มีที่คาดเข็มขัดเท่านั้น เเละได้ยกตัวอย่างว่าเมื่อมีผู้โดยสารอยู่ 6 คนก็ต้องเเบ่งกันใช้รถเพียง 3 คนเท่านั้นเเต่ถ้าฝ่าฝืนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ขอใช้กฎหมายต่อไป เเละมองกลับมาในการใช้รถกระบะนั้น ผู้ที่มีความจำเป็นในการใช้อนุโลมให้ใช้ในเส้นทางสัญจรทั่วไปที่ไม่ใช่เส้นทางถนนสายหลัก เมื่อพบจะถูกดำเนินตามกฎหมาย


ส่วนเรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถบางคันที่ไม่ได้ติดให้มีเข็มขัดนิรภัยไว้สำหรับเบาะหลัง เช่น รถยนต์รุ่นเก่าๆ นั้น เรื่องนี้ก็มีข้อยกเว้นรถยนต์ตาม ระยะเวลา ซึ่งมีเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ และทางขนส่งทางบกกำหนดในการประกอบรถขายในประเทศไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะมีเกณฑ์กำหนดไว้ เช่น รถหลังปี 2531 มีที่นั่งแบบไหน หลังปี 2535 มีที่นั่งรัดเข็มขัดแบบไหน แต่ส่วนมากรถหลายๆ คันมีความพร้อม แต่ตนคิดว่าจริงๆ แล้วการออกกฎหมายบังคับเข้มงวดเรื่องการคาดเข็มขัดนั้นเพราะรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องของรถตู้ เพราะที่ผ่านมาในช่วงปีใหม่หรือวันหยุดยาวจะเกิดอุบัติเหตุกับรถโดยสารสาธารณะมาก เช่น ปีใหม่ที่ผ่านมาเห็นได้ชัด รถตู้เกิดอุบัติเหตุสร้างประเด็นทางออกใช้ออกไม่ได้ ประตูฉุกเฉินไม่มี ผู้โดยสารแน่นเกิน ประตูหลังเปิดไม่ได้ หรือบางคนกระเด็นออกนอกรถเพราะไม่คาดเข็มขัด เรื่องนี้เราจึงเป็นการมุ่งเน้นไปที่รถตู้ ซึ่งต้องช่วยกันหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นขนส่งฯ กรมทางหลวง ตำรวจทางหลวง และตำรวจนครบาล สงกรานต์ปีนี้บุคลากรจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหลังออกกฎหมายมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกออกมา ตนเชื่อว่าอย่างน้อยในช่วงสงกรานต์ ภายในเขต บช.น.จะต้องลดลงแน่นอน เพราะเราจะเน้นควบคุมเรื่องความเร็วและด่านตรวจแอลกอฮอล์


เเละได้มีการตั้งคำถามกันขึ้นว่า เเล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจละครับเมื่อคุมตัวผู้ต้องหาที่มีจำนวนมากกว่า 5 ขึ้นไปละ ก็ต้องให้นั่งตรงท้ายรถกระบะอยู่ดี ท่าน พล.ต.ท.วิทยา ก็ได้ตอบไปว่า เรื่องดังกล่าวกำลังจะหาลือกันอีกที



Cr:True4U News Online

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.