ฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง กสม. และประธานอนุกรรมการด้านสิทธิเด็กและการศึกษา 

Posted: 31 Oct 2017 03:16 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิเด็กและการศึกษา เสนอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขระเบียบห้ามเปิดเผยประวัติอาชญากรรมของเด็กและเยาวชนให้สอดคล้องกติกาสากล


31 ต.ค. 2560 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แจ้งว่า วันนี้ (31 ต.ค.60) ฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง กสม. และประธานอนุกรรมการด้านสิทธิเด็กและการศึกษา เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครอง ได้พิจารณาและมีมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 247 (3) ส่งข้อเสนอแนะไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 ข้อ 4 ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล และบทบัญญัติตามกฎหมายของไทย

ฉัตรสุดา กล่าวว่า เด็กและเยาวชนทุกคนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และกฎอันเป็นมาตรฐานขั้นต่ำของสหประชาชาติว่าด้วยการบริหารงานยุติธรรมเกี่ยวกับคดีเด็กและเยาวชน หรือกฎแห่งกรุงปักกิ่ง (United Nations Standard Minimum Rules for the Administration of Juvenile or the Beijing Rules) ที่ห้ามมิให้เปิดเผยหรือนำประวัติการกระทำความผิดทางอาญาของเด็กและเยาวชนไปพิจารณาให้เป็นผลร้ายหรือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมไม่ว่าทางใด ๆ ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเอาไว้ อีกทั้งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 84 วรรคหนึ่ง ก็มีบทบัญญัติเด็ดขาดในทำนองเดียวกันนี้ไว้

“เมื่อพิจารณาระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติข้างต้น ที่บัญญัติให้กองทะเบียนประวัติอาชญากรนำข้อมูลประวัติอาชญากรมาตรวจสอบหรือเพื่อประโยชน์ในการศึกษาได้ แม้ว่าจะให้เจ้าตัวยินยอมก่อนก็ตาม เป็นการให้ดุลพินิจกับเจ้าหน้าที่ที่กว้างเกินไปในการพิจารณาเปิดเผยประวัติ ซึ่งอาจเป็นผลร้ายหรือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม สังคมจึงอาจมีส่วนผลักดันให้เด็กและเยาวชนกลับเข้าสู่วังวนของการกระทำความผิดซ้ำ เป็นการไม่ให้โอกาสกลับตนเป็นคนดี หรืออาจมีส่วนทำให้เด็กและเยาวชนได้รับตราบาปจากสังคมได้” ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิเด็กและการศึกษา ระบุ

ฉัตรสุดา กล่าวด้วยว่า ด้วยเหตุผลข้างต้นประกอบกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 32/2548 เรื่อง อุทธรณ์คำสั่งไม่ลบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับประวัติอาชญากร กสม. จึงมีข้อเสนอแนะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขปรับปรุงระเบียบดังกล่าว เพื่อกำหนดการคัดแยกประวัติการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนและบัญชีทะเบียนประวัติของเด็กและเยาวชนไว้ในหมวดหนึ่งหมวดใดโดยเฉพาะ แยกจากกรณีการกระทำความผิดของบุคคลทั่วไป เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและกฎแห่งกรุงปักกิ่ง รวมทั้งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 84 วรรคหนึ่ง , พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 24 และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 22

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องพิจารณาเปิดเผยประวัติการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรกำชับหน่วยงานในสังกัดจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิเด็กและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.