ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ - ช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตช่วงที่ผลผลิตออกมาก และมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ้างงานผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปรับปรุงซ่อมแซมที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
31 ต.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (31 ต.ค.60) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งสรุปผลการประชุม ครม. มีมติอนุมัติแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2560/61 โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปี 2560/61 วงเงินงบประมาณ 45 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
สำหรับสาระสำคัญของโครงการสินเชื่อฯ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับสถาบันเกษตรกรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2560/61 กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อจำหน่ายต่อแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและ/หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ 2. เพื่อช่วยดูดซับปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงที่ผลผลิตออกมาก ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการทำธุรกรรมระหว่างสมาชิกและสถาบันเกษตรกรตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถาบันเกษตรกร
3. เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกรในการดำเนินธุรกิจข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ 4. เพื่อเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรได้มีแหล่งรับซื้อผลผลิตที่หลากหลายยิ่งขึ้น จากเดิมที่แหล่งรับซื้อส่วนใหญ่จะเป็นประกอบการเอกชน
โดยมีเป้าหมาย สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมหรือรับซื้อและสร้างมูลค่าเพิ่มข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท โดยใช้เงินทุน ธ.ก.ส. ซึ่ง วิธีการ ธ.ก.ส. คิดดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี โดยคิดจากสถาบันเกษตรกร ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแก่ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือนนับแต่วันรับเงินกู้ และตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้เป็นต้นไป สถาบันเกษตรกรจะต้องรับภาระดอกเบี้ยเองในอัตรา MLR บวกตามชั้นความเสี่ยงของสถาบันเกษตรกรแต่ละแห่ง (ปัจจุบัน MLR เท่ากับ ร้อยละ 5 ต่อปี)
งบประมาณที่ขอจัดสรร จำนวนดอกเบี้ยที่ขอชดเชยจากรัฐ 45 ล้านบาท (วงเงินสินเชื่อรวม 1,500 ล้านบาท X อัตราดอกเบี้ยที่ขอชดเชยจากรัฐ อัตราร้อยละ 3 ต่อปี X ระยะเวลาการชดเชยดอกเบี้ย 12 เดือน) ระยะเวลาดำเนินงาน 1. ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562 2. ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 31 2561 3. กำหนดชำระคืนเงินกู้ ไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่รับเงินกู้ ทั้งนี้ ต้องชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 และ 4. ระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่รับเงินกู้
อนุมัติมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ครม. ยังมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ คือ 1. เห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 2560 (เพิ่มเติม) และ 2. รับทราบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
โดยสาระสำคัญของมาตรการการเงินการคลังเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 2560 (เพิ่มเติม) มีดังนี้ 1. มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 645) พ.ศ. 2560 ซึ่งได้กำหนดช่วงเวลาสำหรับการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอุทกภัยระหว่างวันที่ 5 กรกาคม 2560 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ได้สิ้นสุดลงแล้ว มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แต่ยังมีประชาชนและครัวเรือนที่ประสบเหตุอุทกภัยดังกล่าว กระทรวงการคลังจึงเห็นควรขยายระยะเวลาให้ผู้บริจาคเงินหรือทัรพย์สินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ไปหักเป็นค่าลดหย่อน/รายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจากสิทธิการหักรายจ่ายตามปกติอีกเป็นจำนวนร้อยละ 50 โดยออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร
2. มาตรการจ้างงานผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ในการปรับปรุงซ่อมแซมที่เกี่ยวกับสาธารณประโยชน์ ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามประกาศของ ปภ. ให้หน่วยงานต่าง ๆ พิจารณาจ้างงานผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี พ.ศ. 2560 ตามความเหมาะสม โดยประสานขอข้อมูลผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐมายังศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง
แสดงความคิดเห็น