Posted: 19 Oct 2018 11:02 PM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sat, 2018-10-20 13:02

รองประธานชุมชนพูนทรัพย์แจงกรณียายอายุ 65 ปี เสียชีวิตเพราะเป็นคนไทยไร้สถานะ ไม่มีสิทธิบัตรทอง กว่าจะพิสูจน์ว่าเป็นคนไทยและทำบัตรประชาชนได้ก็ล่าช้าจนอาการโรคเข้าระยะสุดท้าย ย้ำไม่ได้พาดพิงหมอไม่รักษาให้ แต่ประเด็นคือการไม่มีบัตรทองทำให้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทุกครั้งที่ไปรักษาแถมติดหนี้ค่ารักษา สุดท้ายเลยไม่กล้าไปโรงพยาบาล

20 ต.ค. 2561 น.ส.วิมล ถวิลพงษ์ รองประธานชุมชนใต้สะพาน (ชุมชนพูนทรัพย์) เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีนางไอ๊ วาเส็ง ชาวบ้านชุมชนใต้สะพานพูนทรัพย์ เขตสายไหม อายุ 65 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยอาการถุงน้ำดีอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือด โดยสาเหตุสำคัญคือนางไอ๊เป็นคนไทยไร้สถานะ ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) กว่าจะพิสูจน์ว่าเป็นคนไทยและทำบัตรประชาชนเพื่อใช้สิทธิบัตรทองก็ได้รับการรักษาล่าช้าจนเสียชีวิต โดยกรณีดังกล่าวมีผู้อ่านข่าวให้ความเห็นว่าถ้ายายไปรับการรักษา แพทย์ก็ต้องให้การรักษาอยู่แล้วนั้น

น.ส.วิมล กล่าวต่อว่า กรณีนี้ต้องขอโทษที่สร้างความไม่สบายใจแก่คุณหมอ เชื่อว่าหมอทุกคนมีจรรยาบรรณ เมื่อคนไข้ถึงมือหมอแล้วจะอย่างไรก็ต้องรักษา อย่างไรก็ดี ประเด็นของเรื่องนี้คือกระบวนการพิสูจน์สัญชาติเพื่อออกบัตรประชาชนที่ล่าช้าทำให้ไม่มีสิทธิบัตรทอง เมื่อไม่มีสิทธิบัตรทองเวลาเข้ารับการรักษาก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ทำให้ยายไม่กล้าไปโรงพยาบาล แต่หากยายไอ๊ได้บัตรประชาชนและสิทธิบัตรทองเร็วกว่านี้ ก็จะรับการรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้กล้าไปโรงพยาบาลและได้รับการตรวจรักษาที่ทันท่วงที

น.ส.วิมล กล่าวว่า พอยายไม่มีสิทธิบัตรทอง เวลาไปโรงพยาบาลแม้คุณหมอจะรักษาให้ แต่ถ้าไม่มีสิทธิก็ต้องถูกเรียกเก็บเงิน ซึ่งยายไอ๊และญาติก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเขาก็ทำตามระเบียบที่มีอยู่ ถ้าไม่ทำก็จะมีปัญหาอีก ดังนั้นยายไอ๊ก็จะถูกเรียกเก็บเงินทุกครั้งที่ไป ถ้าครั้งไหนเป็นหนักๆ ต้องนอนโรงพยาบาลก็มีค่าใช้จ่าย 5,000-10,000 บาท ตัวยายเองเป็นผู้ป่วยติดเตียง ลูกสาวก็หาเช้ากินค่ำไม่มีเงินไปจ่ายค่ารักษา ครั้งแรกก็ขอเป็นผู้ป่วยสงเคราะห์แต่พอไปครั้งหลังๆ ก็ไม่ได้แล้ว เพราะเป็นคนไร้สถานะ โรงพยาบาลให้เซ็นรับสภาพหนี้จนลูกสาวยายติดหนี้กว่า 20,000 บาท

“ดังนั้นเมื่อไปแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแถมยังติดหนี้อีก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ยายกับลูกไม่กล้าไปโรงพยาบาล ไม่ใช่ไปโรงพยาบาลแล้วหมอไม่รักษาให้ แต่เป็นเพราะเขาไม่กล้าไป ยายไอ๊เป็นทั้งเบาหวาน ความดัน คุณหมอบอกเองว่าเป็นโรคที่ต้องติดตามรักษาต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่สิทธิบัตรทอง แถมยากจนไม่มีเงินจ่าย ไม่พอยังติดหนี้ค่ารักษาของเดิมไว้อีก จึงทำให้ไม่กล้าไปโรงพยาบาล” น.ส.วิมล กล่าว

น.ส.วิมล ย้ำว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้พาดพิงการรักษาหรือจรรยาบรรณของแพทย์ แต่วิพากษ์กระบวนการพิสูจน์สัญชาติเพื่อออกบัตรประชาชนที่ล่าช้า ตอนปี 2555 ยายไปขอทำบัตรประชาชนที่ จ.สุพรรณบุรี พาแม่และญาติๆ ไปเป็นพยานรับรอง เอกสารทุกอย่างก็ครบ แต่นายอำเภอไม่ยอมเซ็นให้บอกว่ากลัวสวมสิทธิ ตอนนั้นยายป่วยแล้วหลายโรค ทั้งอัมพฤกษ์ครึ่งซีก เบาหวาน ความดัน ฯลฯ กว่าจะได้บัตรประชาชนก็ตอนปี 2560 หลังจากนั้นถึงเพิ่งรู้ว่ามีปัญหาถุงน้ำดีอักเสบด้วย อาการระยะสุดท้ายแล้ว ซึ่งถ้ายายได้บัตรประชาชนตั้งแต่ปี 2555 ก็จะมีสิทธิบัตรทองและคงได้รับการตรวจว่ามีโรคอะไรบ้าง

“ถ้าเจอโรคตั้งแต่ 5 ปีก่อนก็คงเข้าสู่กระบวนการรักษาไปแล้ว แต่พอมาเจอเอาระยะสุดท้าย ยายก็เลยไม่รอด” น.ส.วิมล กล่าว[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.