ที่มาภาพจาก: เว็บไซต์กองทัพอากาศ

Posted: 18 Oct 2018 02:09 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Thu, 2018-10-18 16:09


พล.อ.ประวิตร เชื่อคำพูดของ ผบ.ทบ. ไม่ใช่การขู่ทำรัฐประหาร ย้ำถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ผบ.ทอ. เผย ถ้าทุกคนร่วมใจกันอยู่ในกติกา ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยันทหารจะวางตัวเป็นการทางการเมือง ด้านจตุพร พรหมพันธุ์ เสนอปิดทางรัฐประหาร ขอทุกฝ่ายร่วมมือกัน ย้ำถ้าผู้มีอำนาจต้องลาออกจากการเป็นกรรมการ ก่อนเป็นผู้เล่นทางการเมือง หมอเหวงชัด รปห. เฉพาะรัฐบาลไทยรักไทย กับเพื่อไทย แต่พอเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์ทหารเลือกยิงประชาชน

18 ต.ค. 2561 สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน วานนี้(17 ต.ค.) โดยตอบคำถามสื่อฯ ที่ถามว่า จะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ว่า "ผมมั่นใจว่าถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุการจลาจล ก็ไม่มีอะไร"

ล่าสุดวันนี้ สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ ระบุ อาจมีรัฐประหาร หากการเมืองเป็นต้นเหตุให้เกิดการจลาจล ว่า เป็นการพูดถึงเรื่องในอนาคต ดังนั้นขออย่ากังวล

“หากพิจารณาที่ผู้บัญชาการทหารบกพูด คือ หากบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ก็ไม่มีอะไร ดังนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่เกิดขึ้นเหมือนในอดีต การออกมาพูดของผู้บัญชาการทหารบกเป็นการพูดความจริง ไม่ได้ออกมาขู่ และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อบรรยากาศที่กำลังเข้าสู่การเลือกตั้งในขณะนี้ รวมถึงความเชื่อมั่นของฝ่ายต่าง ๆ เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองก็สงบเรียบร้อย ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ได้ติดตามเรื่องนี้อยู่” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ส่วนหลังการเลือกตั้ง หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้น เช่น ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รอให้เกิดขึ้นก่อน และไม่ตอบว่ามีแผนรองรับแล้วหรือไม่

ผบ.ทอ. ย้ำถ้าทุกคนร่วมใจอยู่ในกติกา ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยันทหารจะวางตัวเป็นการทางการเมือง

วันเดียวกัน พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารบก พูดมีเหตุผล ตนเชื่อว่าทหารและทุกคนเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาล ประชาชนทั่วไป หรือ ทหาร ไม่มีใครอยากปฏิวัติอยู่แล้ว เรามีหน้าที่รักษาความสงบ ความมั่นคง ถ้าทุกคนร่วมใจกันอยู่ในกติกา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว เชื่อว่าในอนาคตก็ไม่มีใครอยากทำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากในอนาคตบ้านเมืองถึงวิกฤติ กองทัพพร้อมที่จะเข้ามารักษาความสงบหรือไม่นั้น พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า เหล่าทัพมีหน้าที่รักษาความสงบตามกรอบ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลการเลือกตั้ง เมื่อไม่มีความสงบ ตำรวจก็ทำงานอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ไหว ก็จะเป็นทหาร ซึ่งเป็นกติกาปกติ เชื่อว่าทุกคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งหมดมา อยากเลือกตั้ง อยากมีรัฐบาลที่ดี จะได้เดินหน้าต่อไป ไม่มีใครต้องการให้ไม่มีความสงบเกิดขึ้น ตนเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองออกมาตอบโต้ โดยกล่าวหาว่าทหารเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้น เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการทำปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า เกินไปหรือไม่ ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น สิ่งที่เกิดตรงหน้าจริง ๆ ถ้ามีหน้าที่ปฏิบัติ ก็คงต้องทำ แต่ว่าคำถามที่ถามลึกเกินไป ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าใครเป็นคนทำ และส่วนตัวไม่คิดว่าอยากจะให้มันเกิดขึ้นอีกด้วยซ้ำ ต้องช่วยกันจริงจัง เราจะได้เดินหน้าสักที

ส่วนเรื่องกำชับกำลังพลให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทุกคนคิดได้หมด ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แต่จะต้องปฏิบัติด้วย การอบรมให้ข้าราชการมีประชาธิปไตยในการเลือกตั้ง คือสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว และกองทัพอากาศก็ส่งเสริมอยู่แล้ว หน้าที่ของทหารที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล คือรักษาความสงบ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครอยากปฏิวัติ ส่วนเรื่องการอบรมให้ใช้ประชาธิปไตย ก็ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ และได้สั่งการให้ทบทวนอย่างละเอียดในเรื่องกำลังพลและสิทธิของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะเข้ามาชี้แจงนโยบายเพื่อให้เกิดความยุติธรรม

“ทหารทำตามกรอบ ส่งเสริมให้ทุกคนไปเลือกตั้งและยืนยันว่าจะเป็นกลางและพร้อม 100% ให้พรรคการเมืองเข้ามาหาเสียงในหน่วยทหาร เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม เพราะจากการอยู่หน่วยทหารต่างจังหวัด เคยปฏิบัติเรื่องนี้มาก่อน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทหาร แต่ปัญหาคือบางพรรคการเมืองเท่านั้นที่ใช้เวลาไม่เท่ากันในการมาหาเสียง ทั้งนี้ได้คาดโทษจริงจังสำหรับกำลังพลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งได้สั่งการเรื่องนี้บ่อยมาก เพราะจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน มติชน รายงานด้วยว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ระบุว่า ผบ.ทบ. ได้พูดชัดเจนแล้ว ตนไม่ต้องการขยายความ เพราะท่านระบุชัดแล้วว่า หากประเทศไม่มีความขัดแย้งอีกแล้ว ไม่มีการใชกำลังกัน พรรคการเมืองใช้อำนาจในทางที่ถูกโดยไม่ขัดแย้งกันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น

จตุพร เสนอปิดทางรัฐประหาร ขอทุกฝ่ายร่วมมือกัน ย้ำถ้าผู้มีอำนาจต้องลาออกจากการเป็นกรรมการ ก่อนเป็นผู้เล่นทางการเมือง


ขณะที่ วานนี้ ไทยโพสต์ รายงานว่า จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวถึงกรณีการให้สมัภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ ว่า สิ่งที่เราพยายามตลอดเวลา ก็คือการชวนให้ทุกฝ่ายได้คุยกัน เพราะว่าประเทศถูกฟรีซด้วยคำว่าสงบมานาน ทุกคนเข้าใจตามที่นายกฯ ประกาศว่าจะต้องไม่มีการชุมนุมเหมือนดังเดิม เหมือนเช่นในอดีต เพราะฉะนั้นเพื่อให้บ้านเมืองได้เดินต่อไปข้างหน้า ประชาชนทุกฝ่ายต้องคุยกัน ทั้งพรรคการเมือง กลุ่มผู้มีอำนาจ รวมทั้งภาคประชาชน โดยต้องคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับชาติบ้านเมือง ไม่ใช่คุยกันเพื่อเปลี่ยนจุดยืน แต่คุยกันเพื่อให้อยู่รวมกันได้ สาระหลักวันนี้ ประชาชนจะต้องคิดอ่านไม่ให้ทุกอย่างถูกหยิบมาเป็นเงื่อนไข คือการคุยกัน ตกลงกัน เป็นสัญญาประชาคม ส่วนจุดยืนทางการเมืองแต่ละฝ่ายก็รักษาจุดยืนทางการเมืองกันเหมือนเดิม

“ดังนั้นถ้าบ้านเมืองสงบ ก็ไม่มีใครมาการันตีเรื่องการรัฐประหาร ทุกอย่างก็เดินตามครรลองที่ควรจะเป็น ที่ ผบ.ทบ. พูดก็ภายใต้สถานการณ์ที่จะถูกหยิบมาเป็นเงื่อนไข ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายไม่สร้างเงื่อนไขขึ้นมา มันก็ไม่เกิดสถานการณ์อย่างที่ว่า ทางที่ดีผบ.ทบ. อาจจะเป็นคนเริ่มหาทางกออกพูดคุยกับทุกฝ่าย ที่เป็นคนไทย เราจะได้พาชาติพ้นวิกฤต ผมไม่อยากให้มองการพูดของผบ.ทบ. เป็นการปรามหรือขู่อะไร แต่ควรจะคิดร่วมกันหาทางออกกันดีกว่า ทุกฝ่ายต้องเริ่มที่ตัวเองคือไม่สร้างเงื่อนไขอย่างที่ผบ.ทบ. ได้แสดงความห่วงใยออกมา” ประธานนปช. กล่าว

เมื่อถามว่าการไม่ยอมรับการเลือกตั้งจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร จตุพร กล่าวว่า เราพยายามเสนอทางออกกันมาตั้งแต่ต้น ถ้าคนที่มีอำนาจต้องจะเป็นผู้เล่น ก็ต้องลาออกจากบทกรรมการ เพราะกรรมการจะควบตำแหน่งผู้เล่นไม่ได้ มันจะเป็นหนทางนำไปสู่วิกฤต คือวิธีการทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ นั่นคือจะต้องสุจริตและเที่ยงธรรม ตามคำขวัญของกกต. ถามว่าจะทำได้อย่างไร ก็ต้องเสียสละ คือถ้าคสช. มีความประสงค์ หรือคนในรัฐบาลมีความประสงค์ จะลงมาในฐานะผู้เล่น ก็ต้องลาออกจากบทของกรรมการอย่างเด็ดขาด แล้วปล่อยให้กกต. ได้ทำหน้าที่อย่างมีอิสระ

“ดังนั้น ถ้าต้องการจะลดเงื่อนไขไม่ให้เกิดปัญหาตามที่ ผบ.ทบ. ได้แสดงความห่วงใย ก็ต้องเริ่มต้นจากผู้มีอำนาจก่อน ว่าถ้าประสงค์จะเข้าสู่ฐานะผู้เล่น ก็ต้องเลิกจากการเป็นกรรมการ ปัญหาก็จะจบ ถ้าทุกฝ่ายได้คุยกัน ตกผลึกร่วมกัน ให้สังคมได้กำกับดูแล เชื่อว่าประเทศจะข้ามพ้นไปได้” จตุพร กล่าว
หมอเหวงซัด รัฐประหารเฉพาะไทยรักไทย กับเพื่อไทย แต่พอเป็นรัฐบาลประชาธิปปัตย์ทหารเลือกยิงประชาชน

ส่วน นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตถึงคำพูดที่ว่า หากไม่มีเหตุจลาจล ก็จะไม่มีการทำรัฐประหาร ผ่านเฟสบุ๊กว่า ในปี 2549 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุม ในปี 2551-2553 กลุ่มแนวร่วมประธิปไตยต่อต้านเผด็จการออกมาชุมนุม และใน 2556-2557 กลุ่ม กปปส. ออกมาชุมนุม แต่กลับมีการรัฐประหารเกิดขึ้นเฉพาะปี 2549 และ 2557 เท่านั้น ขณะที่ปี 2553 ทหารในนาม ศอฉ. กลับลั่นกระสุนสงครามสังหารประชาชน ไม่ได้ทำการรัฐประหารโค่น รัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งที่ ผบ.ทบ. เองก็เป็นนายทหารผู้ปฎิบัติการใน 3 เหตุการณ์ จึงตั้งข้อสังเกตุได้ว่า การรัฐประหารจะเกิดเฉพาะกับฝั่ง ไทยรักไทย และเพื่อไทย ใช่หรือไม่

[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.