Posted: 23 Oct 2018 09:52 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Tue, 2018-10-23 23:52
ขบวนการสามัญชน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ ผบ.ทบ. แถลงยืนยันว่าการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคมและประเทศดังที่กล่าวมา รวมขอให้สามัญชนทั่วประเทศร่วมกันสร้างประชาธิปไตย และร่วมกันปลดอาวุธ คสช. เพื่อยุติการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพ
23 ต.ค.2561 จากกรณีที่วันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมือง โดยยืนยันว่า ความเป็นนกลางขึ้นอยู่กับมุมมองของใคร ซึ่งเรามั่นใจว่าเราเป็นกลาง ขณะที่คำถามที่ ผบ.ทบ. มักถูกถามคือ สถานการณ์ในปัจจุบันจะนำไปสู่การรัฐประหารอีกหรือไม่ นั้น ผบ.ทบ.ได้ชี้แจงว่าถ้าวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ตัดสินใจ บ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งได้คาดหวังอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์รุนแรงในประเทศจะไม่เกิดขึ้นอีกเพราะกองทัพไม่มีวันชนะประชาขน ขณะที่ประชาชนออกมาเผาบ้าน ออกมาทำระเบิด ท่านนั้นแหละที่ทำให้ประเทศพ่ายแพ้ "ผมมั่นใจว่าถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุการจลาจล ก็ไม่มีอะไร" ผบ.ทบ. กล่าว นั้น
'อภิสิทธิ์' แนะทุกฝ่ายย้อนดูตัวเองอย่าสร้างเงื่อนไข หลัง ผบ.ทบ.ไม่รับประกันรัฐประหาร
ดูคำตอบ ผบ.ทบ.ในอดีต เมื่อถูกถามจะรัฐประหารหรือไม่? หลัง 'อภิรัชต์' ไม่รับประกัน
ล่าสุดวันนี้ (23 ต.ค.61) ขบวนการสามัญชน ออกแถลงการณ์ `กองทัพต้องยุติการแทรกแซงทางการเมือง และการรัฐประหาร’ โดยเรียกร้องให้ ผบ.ทบ. แถลงยืนยันว่าการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคมและประเทศดังที่กล่าวมา รวมถึงเรียกร้องต่อสามัญชนทั่วประเทศ ให้ร่วมกันประกาศว่าให้ทุกคนได้ยินว่า “พอกันที การรัฐประหาร และรัฐทหาร" เราจะร่วมกันสร้างประชาธิปไตย และร่วมกันปลดอาวุธ คสช. เพื่อยุติการแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพ
แถลงการณ์ของขบวนการสามัญชน ระบุว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย ย้อนแย้งกับการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ทำให้ประชาชนในสังคมไทยรวมทั้งนานาประเทศเกิดความไม่เชื่อมั่น สับสน และมองเห็นแนวโน้มในการเกิดการรัฐประหาร โดยอ้างถึงสถานการณ์ทางการเมือง อันแสดงถึงการไม่ยุติบทบาทในการแทรกแซงทางการเมือง ทั้งยังขัดแย้งกับความพยายามของสังคมที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจสูงสุดมาจากประชาชน ไม่ใช่มาจากการรัฐประหาร ความรุนแรงและกำลังอาวุธ
นอกจากนี้ การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ ยังเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 113 ที่ระบุว่า "มาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต" อีกด้วย
สามัญชนเห็นว่า การรัฐประหาร 13 ครั้ง ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลากว่า 86 ปี ทำให้เกิดการฉีกรัฐธรรมนูญถึง 19ฉบับ ได้หยุดยั้งพัฒนาการทางสังคม การเมือง และวัฒนธรรม ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย บั่นทอนหลักการประชาธิปไตยฐานราก อำนาจการตัดสินใจกระจุกตัวที่ส่วนกลางผ่านกลไกราชการ รวมศูนย์อำนาจการจัดสรรทรัพยากรไว้ที่ส่วนกลาง เอื้อประโยชน์แก่บริษัทนายทุนใหญ่ที่เข้าร่วมกับผู้มีอำนาจ เปิดโอกาสในการคอรัปชั่นมากขึ้นโดยปราศจาการตรวจสอบจากประชาชน
สำหรับ สามัญชนนั้น เป็นการรวมกลุ่มของคนธรรมดาคนเล็กคนน้อยในสังคมไทย ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและได้รับผลกระทบจากผลพวงการพัฒนาประเทศที่ไม่คำนึงถึงสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งระบบการเมืองที่ไม่เห็นหัวคนจนและการรัฐประหาร พวกเราเชื่อว่า การสร้างประชาธิปไตยจากรากฐาน เคารพสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมเป็นธรรม จะเป็นพื้นฐานการพัฒนาที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับทุกคนในประเทศนี้ เราจึงมิอาจยอมรับวงจรของการรัฐประหารของการเมืองไทยได้อีก
แสดงความคิดเห็น