เขียนเรื่องระฆังตั้งแต่วันวาน ยุ่งจนไม่ทันโพสต์ ตอนดึกก็สลบก่อน

เรื่องนี้ที่จริงถ้าย้อนอ่านข่าวต้นฉบับ ไม่แปลกหรอกครับที่คนจะโกรธ เพราะ "คอนโดหรูข้างวัด" ลึกๆ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องศาสนา มันมีเรื่องคนรวยคนจน อารมณ์ร่วมของคนในชุมชนดั้งเดิมที่ถูกวิถีเมืองสมัยใหม่ ถูก "ทุนนิยม!" รุกราน
มิหนำซ้ำ ข่าวยังบอกว่ามีการใช้เส้นสาย บีบเขต บีบราชการ หลวงพ่อท่านยอมลดขนาดไม้ ยอมกั้นห้องกระจก ยังไม่พอใจ ได้คืบเอาศอก นี่มันเบ่งกับวัดได้ไง
แต่ความไม่พอใจที่เลยเถิด ล่าแม่มด โดยอ้างศาสนา "คนแบบไหนกันที่ทนฟังเสียงสวดมนต์เสียงพระตีระฆังไม่ได้" เพจศาสนวิทยาของ อ.ศิลป์ชัย ย้อนว่า ก็คนที่ทนฟังเสียงสวดอาซานไม่ได้ไง อ่านแล้วโคตรฮา
คือไอ้พวกที่ออกมาด่าๆๆ แบบนี้ ถึงทีตัวเอง ก็ยัวะทุกรายละวะ ยิ่งถ้าเป็นพวกพุดโธ่อิสลามโฟเบียไปเจอมัสยิด ยิ่งแทบบ้าตาย มีแต่ไอ้พวกดารา กลัวโดนด่า ชิ่งทันทีว่าไม่เห็นได้ยินเสียงอะไร
ท่าทีอย่างนี้มันไปปิดปาก คนที่เดือดร้อนจากวัด มัสยิด จะไม่กล้าร้องเรียน เพราะเกรงจะถูกล่าแม่มด จะถูกเอาผิด ตม.ยุคบิ๊กโจ๊ก บุกค้นเจออาชญากรหลบหนีทันที นี่ถ้าไม่ร้องเรียนวัด คงไม่โดน รู้จักหรือยัง กรรมติดจรวด
เรื่องนี้ในหลักกฎหมายเบื้องต้น ก็ใช่นะครับ ผมเห็นด้วยกับอัยการปรเมศร์ที่ว่าวัดอยู่มาก่อน ผู้มีหลังต้องยอมรับ เช่นตอนสร้างคอนโดต้องคำนึงถึงการป้องกันเสียงวัด เพียงแต่สิทธิอยู่ก่อน ก็ไม่สัมบูรณ์เสมอไป ยกตัวอย่างเมรุเผาศพ ตามวัดต่างๆ เมื่อเห็นว่ามันก่อมลภาวะ สมัยนี้ก็ต้องปรับปรุง โคมลอยมีมาก่อนเครื่องบิน ยังต้องห้ามเลย หรือประเพณีบั้งไฟ จุดพลุปีใหม่ ก็ คสช.นี่แหละ มาทีหลัง สั่งห้ามเอง จุดพลุต้องขออนุญาต
กฎเกณฑ์ต่างๆ จึงต้องปรับเหมือนกัน เพื่อการอยู่ร่วมในสังคม เช่นระดับเสียง ซึ่งไม่ใช่แค่คนในคอนโดหรูข้างวัดไทร ชาวบ้านทั่วไปรอบวัดรอบมัสยิดในกรุงเทพฯ ในเมืองใหญ่ ก็เดือดร้อน สมควรแก้ไขหรือไม่ก็ดูเป็นรายๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าบ่น เดี๋ยวพวกคลั่งจะด่ากราดว่าเป็นสัตว์นรกเป็นเปรตเป็นหมาไปโน่น


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.