Posted: 05 Oct 2018 05:49 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Fri, 2018-10-05 19:49


ใบตองแห้ง

ลุงตู่ขึงขัง ตักเตือน 4 รัฐมนตรีตั้งพรรคการเมืองให้ระมัดระวัง อย่าใช้อำนาจทางการเมืองจนเกิดความ ได้เปรียบเสียเปรียบ อย่าให้เกิดความเข้าใจผิด ว่าเอาประชารัฐในมิติของรัฐบาลไปหาเสียง แล้วก็ออกมาบอกสื่อว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ต้องลาออก

ฟังแล้วอยากปรบมือให้ แต่เอ๊ะ ถ้าอีก 3 เดือนข้างหน้า พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อท่านอยู่ในบัญชีเป็นนายกรัฐมนตรี จะว่าไง ยังถือเป็นเรื่องส่วนตัวไหม เตรียมคำตอบไว้ด้วยนะ เพราะนักข่าวจะถามเช่นกัน ท่านต้องลาออกไหม

ถามจริง คนไทยกินแกลบหรือไรจึงไม่รู้ว่า 4 รัฐมนตรี ตั้งพรรคมาหนุนใคร เด็กอมมือยังรู้ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่ 4 เกลอทำเอง ไม่ข้องเกี่ยวกับใคร ก็ทำหน้าซื่อ ตาใสกันอยู่ได้

ไม่เกี่ยวกับการตั้งพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรองเลขาฯ นายกฯ ไม่เกี่ยวกับการใช้ ม.44 ตั้งสนธยา คุณปลื้ม เป็นนายกเมืองพัทยา ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนใคร อย่าถามซ้ำซาก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง คนใกล้ตัวทั้งนั้นไปทำกันเอง

นี่ถ้าไม่มีธรรมาภิบาล ไม่ถือศีลกินเจ พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ คนไทยยกย่องชื่นชมว่าเป็นคนดี มาต่อสู้กับสิ่งไม่ดี จึงพูดอะไรก็ได้

พวกท่านยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า 4 รัฐมนตรีตั้งพรรค การเมืองได้ ไม่ผิดกติกา ไม่ขัดกฎหมาย พูดอีกก็ถูกอีก เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ ถ้าจะไปเล่นการเมืองโดยลงสมัคร ส.ส.ให้ลาออกภายใน 90 วัน แต่นี่จะไปเล่นการเมืองโดยเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค ส่งคนอื่นลงสมัคร รัฐธรรมนูญ ไม่บังคับให้ต้องลาออกซักหน่อย

เออ แล้วรัฐธรรมนูญเขียนไว้ทำไม เพราะสมัยนักการเมือง แม้ว ปู มาร์ค ก็ทำได้ไม่ยักห้าม เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี พร้อมกับลงสมัคร ส.ส.ทั้งนั้น ไม่เห็นต้องลาออก

หัวหน้ามาร์คอธิบายแทนปู่มีชัยแล้วไง กรธ.ตั้งใจ เพราะมองว่า คสช. รัฐบาล สนช. เข้ามาเป็นกรรมการ ดูแลบ้านเมืองชั่วคราว วางกติกาแล้วถอยไป ไม่ควรโดดลงมาเป็นผู้เล่นเอง ถ้าจะเล่นต้องถอดเชิ้ตดำก่อน

ว่าที่จริง กรธ.คงไม่คิดถึงขั้นสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจ ปัดโธ่ บทบัญญัติส่วนอื่นก็เขียนเอื้อไว้เห็นๆ เพียงแต่อยากให้เนียนหน่อย เพราะขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ให้อำนาจพิเศษกับ คสช. อย่างไม่เคยมีมาก่อน คือให้คง ม.44 เหนือรัฐธรรมนูญ จนหลังเลือกตั้ง

เขียนแบบนั้นแล้ว จะยังให้คนใน คสช.ลงเลือกตั้งเองได้อย่างไร

ในขณะที่รัฐบาลก็อยู่เหนือสถานการณ์ปกติ คือยังประชุม ครม.สัญจรได้ อนุมัติงบได้ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ ไม่ต้องอยู่ใต้ฉันทานุมัติ กกต. อย่างที่วิษณุ เครืองาม อธิบาย

แต่อธิบายข้างเดียว ข้างดีใส่ตัว ที่ปู่มีชัยเขียนไว้อย่างนั้น เพราะแกคงคิดว่าใครเล่นการเมืองก็น่าจะลาออกไปลง ส.ส. แล้ว คงไม่คิดว่าจะมีรัฐมนตรีเลี่ยงบาลีเป็นหัวหน้าพรรคเป็นเลขาธิการพรรคแทน

ถามจริง ถ้าถึงตอนประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อลุงตู่เป็นนายกฯ โดยที่ลุงไม่ต้องลาออก 4 รัฐมนตรีไม่ต้องลาออก จะบอกสังคมอย่างไร บอกว่าไม่ผิด กติกา ไม่ขัดกฎหมาย ให้เชื่อว่ามีธรรมาภิบาล ไม่เอาเปรียบใคร ต้องทำงานเพื่อชาติต่อไป ต้องเดินสายประชารัฐไทยนิยม ดูแลเศรษฐกิจฐานราก ช่วยคนยากคนจน ฯลฯ

แล้วคนชั้นกลางระดับบน คนดีที่เชื่อว่าใช้วิธีอะไรก็ได้ปราบโกง รวมทั้งสื่อบางส่วน ก็จะเชียร์กันสุดลิ่มทิ่มประตูต่อไป อย่างนั้นหรือ

รัฐธรรมนูญ 2560 บทเฉพาะกาล วางกติกาเอื้อสืบทอดอำนาจอยู่เห็นๆ เพราะการโหวตเลือกนายกฯ ต้องมาจาก ที่ประชุมรัฐสภา 750 คน ส.ส.500 คน ส.ว.250 คน ในกรณีที่เป็นนายกฯ ครึ่งบกครึ่งน้ำ ครึ่งคนนอกคนใน คือไม่ได้ลงเลือกตั้งแต่ใส่ชื่อไว้ 1 ใน 3 ของบัญชีพรรค

หมายความว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐส่งชื่อลุงตู่ ก็รวมเสียง ส.ส.ให้ได้ 126 คน รวมกับ 250 ส.ว.ที่ คสช.ตั้งเกือบทั้งหมด ก็เป็นนายกฯ ได้โดยพลัน แล้วค่อยไปรวม ส.ส.ให้เกินครึ่ง ภายหลังเพื่อตั้งรัฐบาล ขณะที่ทางตรงข้าม ต่อให้เพื่อไทย ปชป. จับมือกัน ถ้ารวมเสียงได้ไม่ถึง 375 ก็อย่าฝันเป็นนายกฯ

ไม่ทราบคนไทยที่กำลังตื่นเต้นกับการเลือกตั้ง รู้กันหรือยัง เราออกมาใช้สิทธิ 30-40 ล้านคน เพื่อเลือกผู้แทนไปเลือก นายกฯ 500 คน ขณะที่ คสช.อยู่เฉยๆ ส่งตัวแทนมา 250 คน

โดยกติกา ก็ได้เปรียบเห็นๆ อย่าเลี่ยงบาลีให้ครหาว่า เอาเปรียบอีกเลย

เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_1643969

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.