ผลจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกเผย “อ็อกซ์ฟอร์ด” ติดอันดับ 1 ส่วนมหาวิทยาลัยไทย 2 แห่งติดโผ 100 อันดับในเอเชีย
วารสารไทม์ส ไฮเออร์ เอ็ดดูเคชั่น (THE) ซึ่งเป็นสื่อด้านการศึกษาของสหราชอาณาจักร เผยผลจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกประจำปี 2559 เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) โดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดของสหราชอาณาจักรมีคะแนนรวมด้านต่างๆ สูงที่สุดในปีนี้ ทำให้อ็อกซ์ฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกเป็นครั้งแรก แทนที่สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ หรือแคลเทค ซึ่งก่อนหน้านี้เคยติดอันดับ 1 ติดต่อกันนานถึง 5 ปี
ส่วนมหาวิทยาลัยที่ติดดับ 2-10 ของโลกในปีนี้ ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (แคลเทค) ของสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของสหราชอาณาจักร สถาบันด้านเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ (เอ็มไอที) ของสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันของสหรัฐฯ วิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนของสหราชอาณาจักร สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนมหาวิทยาลัยชิคาโกและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ของสหรัฐฯ มีคะแนนติดอันดับ 10 เท่ากัน
นอกจากนี้ยังมีการเผยผลจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาคเอเชียโดย THE พบว่าสถาบันอุดมศึกษาของไทยติดอันดับ 5 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยที่ติดกลุ่ม 100 อันดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับที่ 90 ขณะที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ติดอันดับที่ 98 ส่วนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ติดอยู่ในกลุ่มอันดับที่ 141-150 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยติดอยู่ในกลุ่มอันดับที่ 151-160 และมหาวิทยาลัยสุรนารีติดอยู่ในอันดับที่ 161-170 เพราะมีคะแนนในด้านต่างๆ ไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
เว็บไซต์ THE เผยว่าการสำรวจและให้คะแนนมหาวิทยาลัยต่างๆ จากทั้งหมด 79 ประเทศทั่วโลก มีเกณฑ์ประเมินรวมถึงการเรียนการสอน ประสิทธิภาพงานวิจัยและการถูกนำไปอ้างอิง ความมีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยว่าเป็นที่รู้จักเพียงใดในแวดวงการการศึกษาทั่วโลก โดยพิจารณาประกอบกับรายได้ของมหาวิทยาลัยและจำนวนเงินสนับสนุนด้านงานวิจัย ซึ่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดมีคะแนนที่ดีในการสำรวจข้อมูลปีที่ผ่านมา จนทำให้ติดอันดับ 1 ของโลกเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม นายฟิล เบที บรรณาธิการผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ THE เตือนว่าสถานการณ์ด้านการศึกษาของสหราชอาณาจักรอาจเปลี่ยนแปลงไปภายหลังจากที่ได้มีการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ในปีนี้ ขณะที่มหาวิทยาลัยในเอเชียติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเพิ่มขึ้น เป็นผลพวงจากที่รัฐบาลในประเทศเอเชียส่งเสริมให้ประชาชนของตนเข้าสู่ระบบการศึกษาในสถาบันตะวันตก นำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรและองค์ความรู้ในประเทศให้มีความเป็นสากลเพิ่มมากขึ้น


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.